Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

 ฤกษ์ผ่าคลอด

 **ได้ผลตอบรับดีมาตลอดนับสิบปี ว่านำฤกษ์ไปใช้แล้วได้ผลดีจริง และกลับมาขอฤกษ์อื่นๆอีกหลายครั้ง**

ฤกษ์ผ่าคลอด

 

ดูฤกษ์มงคล ฤกษ์คลอดบุตร ฤกษ์ผ่าคลอด อภิชาตบุตร ตามหลักโหราศาสตร์ชั้นสูงจากคัมภีร์พระเวท ปี 2568 *****ได้รับความนิยมสูงสุด

ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด โดยเฉพาะบุคคล

ฤกษ์ผ่าคลอด ทุกๆ 12 นาทีชีวิตเปลี่ยน
ดูฤกษ์เป็นนาที เพราะดวงจะเปลี่ยนทุกๆ 1 ลูกนวางศ์ ประมาณ 12-14 นาที วางฤกษ์ผิดชีวิตเปลี่ยน

ค่าบูชาครู ๒,๙๙๙ บาทโดย อาจารย์ณภัทร ศรีจักรนารท (Astro Neemo)

***เมนูลัด กรอกแบบฟอร์มขอฤกษ์ผ่าคลอด คลิ๊กแบบฟอร์มด้านล่างนี้...

c section form png line add astroneemo
 **NEW บริการใหม่ เปิดบ้านรับดูดวง-ดูฤกษ์มงคลอีกครั้ง ในรอบ 15 ปี สนใจคลิ๊ก https://bit.ly/3BPpD29 vedic astrologer astroneemo 383k

 

 

ภาพปาฎิหาริย์ของอาจารย์

 

 

01 Our Service

ฤกษ์ดีที่ให้ผลดีได้สมบูรณ์ที่สุด ตามหลักโหราศาสตร์ที่ถูกต้อง คืออะไร

1.ฤกษ์ดี ที่ให้ผลดีสมบูรณ์สูงสุดตามหลักโหราศาสตร์ คือวันดีและเวลาดีของฤกษ์บนฟ้า (ฤกษ์นภดล-ฤกษ์บน) ที่ต้องสมพงศ์กับดวงชะตาของคนๆหนึ่ง (ฤกษ์ภูมิดล-ฤกษ์ล่าง) ซึ่งจะต้อง คำนวนจาก วันเดือนปีเกิด เวลาเกิดและจังหวัดที่เกิด ของเจ้าของดวงชะตาโดยเฉพาะ และต้องสมพงศ์กับงานมงคล ประเภทชนิดงานที่จะทำโดยเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ลาสิกขา ฯลฯ ดังนั้นการหาฤกษ์จะแตกต่างกันเฉพาะงานที่กำหนดเท่านั้น จะไม่นำมาใช้ปะปนกัน

2.ฤกษ์ดีไม่ใช่จะตลอดทั้งวัน แต่จะมีช่วงเวลาสั้นๆประมาณ 30 -60 นาที เท่านั้น ดังนั้นการคำนวนฤกษ์ฤกษ์บนและฤกษ์ล่าง(ดวงชะตา) ต้องสมพงศ์กัน ดังนั้นฤกษ์ดีสำหรับคนๆหนึ่งอาจจะเป็นฤกษ์ร้ายของอีกคนหนึ่งก็ได้ ดังนั้นฤกษ์ที่สมพงศ์กับดวงชะตาเฉพาะบุคคลชนิดนี้จะหาฤกษ์ได้ยากเดือนหนึ่งๆอาจจะมีเพียง 3-5 วัน และมีช่วงเวลาสั้นๆ เป็นช่วงๆ เท่านั้น

3.ฤกษ์ตามปฏิทิน ฤกษ์ดีตามปฏิทินฤกษ์ต่างๆจึงไม่สามารถคำนวนได้ เพราะเป็นการคำนวนฤกษ์จากฤกษ์บนคือฤกษ์ฟ้าอย่างเดียว ไม่ได้นำดวงชะตาของบุคคลมาคำนวนร่วมด้วย ฤกษ์แบบนี้จึงไม่ได้ผลเต็มร้อย หรือไม่ได้ผลเลย บางทีอาจจะเป็นฤกษ์ร้ายไปเลยก็ได้ เพราะปฏิทินฤกษ์ต่างๆ หากนำมาหลายๆเจ้ามาเปรียบเทียบกันก็จะเห็นว่าวันดีวันร้ายแต่ละเจ้าก็ไม่ค่อยจะตรงกัน หรือขัดกันเลยก็มี แล้วเราจะเชื่อเจ้าไหนดี

4.ทำไมจึงต้องใช้เวลาของจังหวัดที่เกิด เพราะเวลาท้องถิ่นแต่ละจังหวัดแตกต่างกันมาก เช่น คนเกิด วัน เดือ นปี เดียวกัน เวลาเดียวกัน เช่น เวลา 8.00 น. แต่คนหนึ่งเกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี เวลา 08.00 น. แต่อีกคนหนึ่งเกิดที่กรุงเทพเวลา 08.00 น.เวลาเกิดเหมือนกัน แต่เวลาท้องถิ่นของ กทม กับ อุบลฯ แตกต่างกัน -18 นาที (คำนวนจาก Lat-Long) ดังนั้นคนที่เกิด กทม เวลาเกิดจริงตามเวลาท้องถิ่น (local mean time) คือเกิดเวลา 07.42 น. ไม่ใช่ 08.00 น. ดังนั้นคนที่เกิดกรุงเทพฯโหรจึงต้องนำเวลา 07.42 น. มาคำนวนดวงชะตา

5.ฤกษ์ตามอินเตอร์เน็ต อันนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเราไม่รู้ว่าใช้ศาสตร์ไหนวิชาไหนมาคำนวน ส่วนมากจะบอกแค่วันที่ บางที่ก็บอกเวลาด้วย แต่ไม่คำนวนดวงชะตาของเราไปร่วมคำนวนด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้ได้ผล และอาจจะกลายเป็นฤกษ์ร้ายเสียอีก

 

การหาฤกษ์คลอดบุตร (ฤกษ์ผ่าคลอด) โดย อาจารย์ณภัทร ศรีจักรนารท (Astro Neemo)

 ในสมัยปัจจุบันนี้ นิยมทำการผ่าท้องทำคลอดทารก หรือวิธี ซี-เซกชัน (C-section) มากจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว  ในอดีตการผ่าท้องมักจะทำเมื่อการคลอดทางช่องคลอดอาจเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพหรือชีวิตของมารดาหรือเด็กเท่านั้น แต่สมัยนี้ที่คนนิยมทำการผ่าคลอดก็คือความสะดวกของแพทย์และมารดาและเจ็บปวดน้อยกว่าคลอดเอง และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญในการตัดสินใจผ่าท้องก็คือ ต้องการให้ลูกคลอดตามเวลาของ “ฤกษ์ดี”  ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่หลายๆประเด็นคือ การให้ฤกษ์คลอดนั้นเป็นการกำหนดดวงชาตาของทารกในครรภ์หรือไม่ และฤกษ์ที่ได้มานั้นเป็นฤกษ์ดีจริงหรือไม่ ใครเป็นคนรับรอง ครูอาจารย์ที่ให้ฤกษ์นั้นมาจากตำราไหน วิชาไหน สายไหน ที่รับรองแล้วว่าได้ผลดีที่สุด สามารถส่งผลให้ทารกที่ถือกำเนิดมาตามฤกษ์ผ่าคลอดนั้น ได้ผลตามที่กล่าวอ้างจริงๆ

 

และเป็นที่รู้กันอยู่ว่า ดวงชาตากำเนิดก็คือแผนที่บ่งบอกแสดงกรรมของบุคคล และทารกถือกำเนิดในครรภ์มารดาก็ด้วยมีพันธะกรรมต่อกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อีกทั้งทารกนั้นก็ย่อมมีกรรมเป็นของๆตน จะชั่วดีก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทารกนั้นได้เคยกระทำเอาไว้แล้วในอดีต การคลอดของทารกในเวลาใดๆก็ตามก็เป็นการแสดงถึงดวงชาตากำเนิดซึ่งบ่งชี้กรรมของทารกนั้น  ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการผ่าคลอด หรือคลอดเอง ไม่ว่าจะดูฤกษ์ผ่าคลอดหรือไม่ เวลาที่คลอดนั้นเอง ก็คือ ดวงชาตากำเนิด  ที่จะกำหนดชาตาชีวิตของทารกนั้นไปตลอดชีวิต

c section mail 2

 ฤกษ์ผ่าคลอด

หลักการคำนวนหาฤกษ์ผ่าคลอดตามหลักโหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) ของอาศรมศรีจักรนารท

ในการหาฤกษ์ผ่าคลอด หรือฤกษ์กำเนิดของเด็กทารกมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะดวงกำเนิดจะส่งผลให้กับเด็กทารกนั้นไปตลอดชีวิต  ทั้งสติปัญญา ความเฉียวฉลาด คุณงามความดี ความเจริญรุ่งเรือง-ความตกต่ำ ทั้งด้านการงาน อาชีพ ความร่ำรวย-ความยากจน ความสุข-ความทุกข์ในชีวิตสมรส และสุขภาพดี-ร้ายต่างๆ  ฯลฯ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวในดวงชาตากำเนิดทั้งสิ้น  ดังนั้นในการหาฤกษ์กำเนิดนั้นจำเป็นตั้งใช้ศาสตร์ที่มีความละเอียดแม่นยำสูง มีคัมภีร์โบราณรองรับทฤษฎีว่าด้วยฤกษ์กำเนิดโดยเฉพาะ อีกทั้งต้องเป็นทฤษฎีที่ได้ผ่านการรับรอง การสอบทานทางทฤษฎีมาอย่างยาวนานนับพันปี จึงจะใช้ได้ผล  โดยหลักการพิจารณาหาฤกษ์กำเนิดมีลำดับการพิจารณาดังนี้

1.ฤกษ์ผ่าคลอด-เด็กทารกต้องไม่มีดวงอายุสั้น ไม่เกิน 8 ขวบ -หลักวิชานี้เรียกว่า"อายุรทัย" คือดวงชาตาที่อายุสั้นมากระหว่าง 1-8 ขวบ เรียกว่า"พลริษฏโยค" ดังนั้นดวงชาตาใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นดวงชาตาที่ดีเด่นสักเพียงใด มีดาวอุจน์ ดาวเกษตร ดาวที่ให้โยคเกณฑ์ดีสักเพียงใดก็ตาม หากในดวงชาตามีโยคร้ายนี้ ก็เท่ากับว่าผลดีทั้งหมดเป็นอันสูญไป อันนี้เป็นความสำคัญอันดับที่ 1 ในการหาฤกษ์

2.ฤกษ์ผ่าคลอด-เด็กทารกต้องไม่ดวงอายุสั้น ไม่เกิน 40 ปี หลักวิชานี้เรียกว่า "อัลปอายุรโยค" เรียกว่าโยคอายุสั้น ซึ่งมีตั้งแต่ อายุ 9-40 ปีดั้งนั้นหากดวงจะดีเด่นสักพียงไร ตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งสอบมหาลัยได้ที่ 1 แต่ต้องมาจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 20 ปี หรือคนหนุ่มอายุระหว่าง 30-40 เป็นช่วงสร้างครอบครับ หากเสียชีวิตลงในช่วงนี้ก็เท่ากับครอบครัวขาดที่พึ่ง หรือบางคนอายุยังน้อย กำลังทำมาหากินรุ่งเรือง มีเงินทองทรัพย์สิน มีชื่อเสียงเกียรติยศ แต่ก็กลับมาต้องเสียชีวิต ในวัยหนุ่มสาว

3.ฤกษ์ผ่าคลอด-ดวงชาตาต้องไม่พิกลพิการ เป็นใบ้ หูหนวก หรือ ทุพลภาพ ด้วยอุบัติเหตุต่างๆ  ไม่ปัญญาอ่อน หรือ สติไม่สมประกอบ

4.ฤกษ์ผ่าคลอด-ดวงชาตาต้องไม่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง เช่น เป็น โรคที่ไม่ทางรักษา หรือ โรคทางพันธุกรรม

5.ฤกษ์ผ่าคลอด-ดวงชาตาต้องไม่มีดวงติดคุก เรียกว่า "พันธนะโยค" เช่น ถูกจับกุมคุมขัง ถูกติดคุกตะราง ถูกควมคุมตัวด้วยวิธีการต่างๆ

6.ฤกษ์ผ่าคลอด-ดวงชาตาต้องไม่เป็นคนยากจนเข็ญใจ ไร้ที่พึ่ง เรียกว่า “เกมะทรุมโยค” โดยไม่มีดาวเคราะห์อื่นใดเคียงข้างจันทร์  เป็นผลให้นิสัยทรามหรือการแต่งกายไม่เรียบร้อย  ทุกข์ทรมาน  เจ้ามารยา  เสียเปรียบผู้อื่น  และความเศร้าใจทุกข์ใจ และต้องไม่เป็นคนประพฤติชั่วทั้งกาย วาจา ใจ

7.ฤกษ์ผ่าคลอด-ดวงของเด็กชาย-หญิงต้องเป็นอภิชาตบุตร กล่าวคือต้องได้ดีกว่าพ่อแม่ หรือ ดีกว่าทุกคนในวงศ์ตระกูลของตน อีกทั้งต้องมีปัญญาดี จิตใจมีเมตตา มีศีลธรรม มีคุณธรรม   มีทรัพย์สินเงินทอง    มีชื่อเสียงดี   มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี  มีคู่ครองดี  มีบุตรหลานดี  เสริมดวงเสริมฐานะให้พ่อแม่  มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรีในสังคม และมีอายุยืน

8. ฤกษ์ผ่าคลอด-สำหรับดวงทารกหญิงต้องได้คู่ครองดี ไม่มีดวงเป็นหม้าย หย่าร้าง ชู้สาว และดวงที่ไม่มีบุตรสืบวงศ์ตระกูล

ซึ่งในคัมภีร์โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ)โบราณ ได้มีการอธิบายผลร้ายต่างๆนี้ในดวงกำเนิดของทารก และเราสามารถหลีกเลี่ยงจากเกณฑ์ร้ายต่างๆได้โดยการกำหนดเวลาคลอดที่ปลอดจาก เกณฑ์ร้ายนั้นได้ และหลักการทั้งหมดนี้ สามารถคำนวนและกำหนดดวงชาตาของเด็กได้จริงตามวิธีการทางโหราศาสตร์ ซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก

แต่อย่างไรก็ตามจะสามารถทำให้ได้ผลครบทั้ง 8 ข้อนั้น ขึ้นอยู่กับช่วงวัน-เดือน-ปีและเวลาของทารกที่จะคลอดว่ามีดวงดาวโคจรและมีทรรศนะสัมพันธ์ ที่ให้คุณต่อดวงชาตามากเพียงใด หากดวงดาวมีจังหวะการโคจรดี ก็สามารถหาได้ครบทั้ง 8 ข้อ แต่หากดวงดาวมีจังหวะการโคจรไม่ดีก็จะให้ความสำคัญตามลำดับข้างต้น กล่าวคือ ทารกจะต้องมีอายุยืนก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนความเจริญรุ่งเรืองด้านต่างๆของดวงชาตาทารกนั้นก็จะให้ความสำคัญรองลงมาตามลำดับ

ดังนั้นการหาฤกษ์ผ่าคลอดนั้น มีวันที่แพทย์ให้มาจำกัด อยุ่ระหว่าง 5-7 วันเท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีช่วงเวลาให้คำนวนกว้างมากๆจึงจะดี เช่น ให้หาฤกษ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจะดีที่สุด  หรือ อย่างน้อย ต้องได้ ระหว่าง 8.00-20.00 น.ของแต่ละวัน บางรายให้ช่วงเวลามาแคบมาก เช่น ช่วงเช้า เท่านั้น ทำให้การหาฤกษ์ผ่าคลอดนั้นมีข้อจำกัดมากจนหาฤกษ์ไม่ได้ เรื่องเวลานั้นต้องต้องปรึกษาสูติแพทย์ด้วยว่าท่านมีเวลามาผ่าให้ตามเวลาที่เราต้องการไหม หรือมีผลต่อสุขภาพของแม่และเด็กไหม หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนมักจะให้เวลาตามที่ขอ ส่วนโรงพยาบาลของรัฐการกำหนดช่วงเวลาผ่าคลอดมักทำได้ยาก หรือร.พ.บางแห่งก็ไม่มีการผ่าคลอดในวันเสาร์-อาทิตย์อันนี้ต้องตรวจสอบก่อนที่จะมาขอฤกษ์

หรือบางรายก็ได้สูติแพทย์ที่มีเวลาน้อย เพราะมีงานล้นมือ ท่านก็ต้องผ่าตามความสะดวกของแพทย์  ซึ่งมีผลต่อดวงชาตาของเด็ก อย่าลืมว่าเมื่อ แพทย์ทำการผ่าตัดคลอดออกมาแล้ว คุณหมอท่านมีภาระรับผิดชอบเพียง 6 ชั่วโมงหลังคลอดว่าทารกปลอดภัย ก็ถือว่าหมดหน้าที่ความรับผิดชอบของแพทย์ แต่สำหรับโหราศาสตร์แล้วถือว่าเวลากำเนิดนั้นมีผลต่อดวงชาตาตลอดชีวิตของคนๆนั้น

ฤกษ์ผ่าคลอด

 

การกำหนดดวงชาตาเด็กโดยการผ่าคลอดสามารถทำได้หรือไม่

ที่มีการถกเถียงกันก็คือ การกำหนดดวงชาตาของเด็กทารกนั้น โหราจารย์สามารถใช้วิชาโหราศาสตร์กระทำการนี้ได้หรือไม่ และทำแล้วจะผิดครูหรือไม่  เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับนักโหราศาสตร์ หรือนักพยากรณ์ในสายอื่นๆทั่วไป เพราะเพิ่งจะมีการนิยมกำหนดฤกษ์ผ่าคลอดในไม่กี่สิบปีมานี้เอง ปูมโหรโดยทั่วไปก็ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดอย่างไรได้เพราะมีข้อมูลไม่พอ และสายครูอาจารย์ในศาสตร์ที่ตนเองร่ำเรียนมา ก็ไม่เคยมีสอนให้ฤกษ์ผ่าคลอดเอาไว้ ไม่ว่าในตำราไหน ว่าทำได้หรือไม่  ทำแล้วดีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรับรองได้ นอกจากจะเสี่ยงดวงเสี่ยงวิชากันเอาเอง

ส่วนประเด็นนี้มีคำตอบจากโหราศาสตร์ภารตะของพราหมณ์ฮินดูโบราณ ซึ่งมีการกำหนดฤกษ์คลอดมาแล้วแต่โบราณอย่างเชี่ยวชาญและเป็นระบบ อีกทั้งมีตำหรับตำราชั้นคัมภีร์อธิบายวิธีการกำหนดฤกษ์คลอดนี้เอาไว้มากมายเอาไว้หลายพันปีมาแล้ว (ซึ่งไม่มีในโหราศาสตร์ระบบอื่นๆ) จึงนับว่าสายนี้ไม่ผิดครูเพราะครูท่านสอนวิธีเอาไว้แล้ว

ฤกษ์ผ่าคลอด

การกำหนดฤกษ์คลอดล่วงหน้า ของโหรพระเวท(ภารตะ)แบบโบราณ

แต่ในสมัยโบราณไม่มีการผ่าคลอด การกำหนดฤกษ์คลอดจึงจำเพาะจงจงไปที่การ ร่วมสังวาสกัน (กามพฤติ-นิเษกะ) ในเวลาฤกษ์ยามที่โหรกำหนด วิธีนี้เรียกว่า “อาธานะจักร” หรือ “อาธานะกุณฑลิ” เมื่อสามี-ภรรยาทำการสังวาสกันในเวลาที่เป็นศุภมงคลตามดวงฤกษ์อาธานะแล้ว ก็สามารถคำนวณเวลาคลอดของทารกออกมาได้ตามฤกษ์ยามที่ได้ผูกเอาไว้ล่วงหน้า เด็กทารกที่เกิดมาก็จะมีดวงชาตา เพศ รูปลักษณ์ ผิวพรรณ อุปนิสัย ความสามารถตามที่ได้กำหนดไว้ตามฤกษ์ทุกประการ อีกทั้งดวงฤกษ์อาธานะนี้ สามารถกำหนดระยะของตัวอ่อนของทารกที่อยู่ในครรภ์ได้อย่างละเอียด โดยไม่ต้องอุลต้าซาวด์แต่อย่างใด เช่น มหาฤาษีแต่โบราณท่านกำหนดเอาไว้ในหลักวิชาโหราศาสตร์ก่อนเกิด ตัวอย่าง เช่น คัมภีร์ไชยมินิสูตร ของมหาฤาษีไชยมิณี มีรายละเอียด ของฤกษ์คลอดแบบโบราณดังนี้ คือ

ในอัธยายะ ๓ บาท ๔. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้

วิธีการหาอุปเคราะห์ในดวงอาธานะจักร เพื่อกำหนดดวงชาตาของทารก และกำหนดอาธานะลัคน์ (ลัคนาของการตั้งครรภ์) และเปรียบเทียบวิธีการคำนวณของวิธีของมหาฤาษีปะราสาระกับมหาฤาษีไชยมิณิ ในเรื่อง ระยะเวลาตั้งครรภ์, การแท้ง ,การผสมพันธ์ ,ความหวังในการตั้งครรภ์ , อสุจิและเชื้อผสมพันธุ์  ,การเจริญของทารกในครรภ์ ,ลักษณะวิสัยของเชื้อกำเนิด ,การก่อรูปของทารก ,เพศของทารก ,โรคของมารดา, ผิวพรรณของทารก ,คู่แฝด, และอวัยวะบกพร่อง

อัธยายะ ๔ บาท ๑. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้

การพิจารณาความเจริญและบกพร่องของอวัยวะของทารก ,ลูกผิดกฎหมาย ,วรรณะผิวพรรณของทารก,ทารกมีความสุข, ทารกมีบุญ ,ทารกมีความรู้ ,ทารกฉลาดและแข็งแรง ,โดยพิจารณาจากลัคน์ปราณบาท ,ลัคน์อาธานะ ในการตั้งครรภ์

ในอัธยายะ ๔ บาท ๒. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้

เรื่อง มารการก (จุดวิบัติของทารก) ,เรือนที่เป็นโยคทำให้ทารกไม่สมประกอบ ,ฝาแฝด ,การกำหนดเวลาคลอด ,การคลอดก่อนกำหนด ,วินิจฉัยโรคของทารก ,ทารกอายุสั้น โดยพิจารณาจากลัคน์อาธานะในขณะตั้งครรภ์

ในอัธยายะ ๔ บาท ๓. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้

เรื่อง เพศของทารก, สีผิวของทารก ,รูปร่างและความฉลาด ,คลอดง่าย-คลอดยาก เป็นต้น โดยพิจารณาจากลัคน์อาธานะในขณะตั้งครรภ์และขณะคลอด

ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เพื่อให้เห็นว่า วิชาโหรภารตะนั้นมีการกำหนดฤกษ์คลอดเอาไว้จริงๆ มาแต่โบราณนับพันๆปีมาแล้ว นี่เป็นหนึ่งในหลายสิบคัมภีร์ทีทำการอธิบายการหาฤกษ์คลอดเอาไว้ ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้แต่งโดยโหราจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับบูรพาจารย์ และวิธีการนี้ในปัจจุบันก็ยังนิยมทำกันอยู่ในประเทศอินเดีย


ประจักษ์พยานจากฤกษ์คลอดในสมัยโบราณ (อาธานะ)

ตัวอย่างเด่นๆที่สำคัญ จากประวัติศาสตร์ฮินดูโบราณเห็นจะไม่มีใครเกินประวัติของท่าน มหาฤาษีวยาสะ  ขอเล่าเรื่องแทรกเกี่ยวกับการถือกำเนิด ของท่านในแง่มุมทางโหราศาสตร์  โดยมีตำนานมาว่า คืนหนึ่งขณะที่ฤาษีประราสาระกำลังนั่นเรือข้ามฟากอยู่นั้นท่านได้คำนวน  "อาธานะกุณฑลิ"  หรือเรียกอีกอย่างว่า "อาธานะจักร" ดวงกาลชาตาพิเศษ สำหรับหาเวลาที่ดีในการร่วมกามารมณ์ของบุรุษ-สตรี เพื่อการปฏิสนธิของทารก

ซึ่งหากบิดามารดาได้ร่วมกามพฤติ (การร่วมกามรมณ์) หรือ ทำการ"นิเษกะ"  (การร่วมกามารมณ์ครั้งแรกของสตรี) ในช่วงเวลานี้แล้ว   ทารกเมื่อเกิดมาจะได้เป็นคนดีมีความสามารถสูง รูปร่างงดงาม เฉลียวฉลาดและไม่ทุพลภาพซึ่งในขณะนั่งเรือข้ามฟากอยู่นั้น อาธานะกุณฑลิจักร ก็ได้แสดงให้ว่าจะผู้มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่จะมาถือกำเนิด  ถ้าหากมีหญิงชายใดร่วมสังวาสกันในเวลานั้น บุตรที่อกมาจะเป็นชาย มีบุญญาธิการเป็นอันมาก ท่านมหาฤาษีก็ได้แจ้งแก่นางสัตยาวดีผู้ซึ่งนั่งเรือข้ามฟากมาด้วยกัน และท่านก็ขอทำการ"นิเษกะ" กับนาง ซึ่งนางก็ตอบตกลง ผลก็คือการให้กำเนิดมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คือพระมหาฤาษีวยาสะในกาลต่อมา

ในการคำนวน อาธานะกุณฑลิจักร นี้ จะช่วยในการเลือกเพศทารก การกำหนดเวลาคลอด สติปัญญา ผิวพรรณ บุคคลิก และความเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าของทารก   โดยโหราจารย์ฮินดูก็ได้มีการสืบทอดวิชากันมาจนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับแง่มุมทางโหราศาสตร์ อาธานะกุณฑลิจักร ก็น่าจะเป็นคำตอบสำหรับปัญหาการคำนวนดวงชาตาในปัจจุบัน ซึ่งโหรมักจะรู้แต่เวลาคลอด แต่ไม่รู้เวลาปฏิสนธิ  ดังนั้นผู้ที่คลอดในเวลาเดียวกัน(ดวงชาตาจะเหมือนกัน)แต่เวลาปฏิสนธิอาจจะต่างกัน  และผู้ที่ปฏิสนธิพร้อมกันแต่เวลาคลอดก็จะต่างกัน (ฝาแฝด)

ส่วนบิดาของท่านคือมหาฤาษีประรา สาระ(ปราศร) ผู้ที่รจนาคัมภีร์ทางโหราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ คัมภีร์พฤหัต ประราสาระ โหราศาสตรา และถือเป็นคัมภีร์ชั้นเอกของโหราศาสตร์ภารตะ ส่วนบิดาของมหาฤาษีประราสาระก็คือ มหาฤาษีวาสิฐะ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดมหาฤาษี (สัปตฤาษี) ผู้ยิ่งใหญ่และท่านทั้งหลายล้วนเป็นครูของพระราม(ศรีราม)

อ่านประวัติของท่านโดยละเอียดได้ที่

* พระบูรพมหาพฤฒาจารย์-ฤษีวยาสะ (กฤษณะ ไทวปายนะ วยาส)

**ดวงชาตาของผู้มีบุญมาเกิด “ดวงกำเนิดพระราม” ดวงชาตาที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี

prew weddingpantip weddingPocketrichy wedding

   

ฤกษ์ผ่าคลอดนั้นได้ผลจริงหรือไม่

ก็คือฤกษ์ผ่าคลอดที่ได้มานั้นดีจริงหรือไม่ ฤกษ์นั้นได้จากไหน สายวิชาใด ครูอาจารย์ผู้ให้ฤกษ์มีประสบการณ์มากเพียงใด อย่างที่ทราบกันมาว่า นอกจากวิชาโหราศาสตร์ภารตะแล้ว ไม่มีสายวิชาไหนมีการบัญญัติฤกษ์คลอดเอาไว้ในตำรา ไม่ว่าโหรไทย โหรจีน โหรตะวันตก ล้วนไม่มีทั้งสิ้น เท่าที่ให้ฤกษ์ยามกันนั้น ล้วนแต่ใช้ประสบการณ์ของอาจารย์ผู้ให้เอง ว่าดวงชาตาที่ดีๆนั้นจะต้องมีกฎเกณฑ์อย่างไร โดยเทียบเคียงจากดวงชาตาของบุคคลสำคัญ ร่ำรวย มีชื่อเสียงในปัจจุบันเป็นหลัก หรือกฏเกณฑ์ดี-ร้ายอื่นๆตามตำราที่ว่าเอาไว้ ซึ่งเป็นหลักพิจารณาดวงชาตาของบุคคลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่หลักในการพิจารณาหาฤกษ์กำเนิดทารกแต่อย่างใด ซึ่งสองอย่างนี้แตกต่างกัน

 

และฤกษ์ที่ได้มาจากระบบต่างกัน เช่น ได้ฤกษ์จีนแล้วมาเทียบฤกษ์ไทยก็ปรากฏว่าเป็นฤกษ์ร้าย หรือในทำนองกลับกัน ก็เช่นกัน และหลักวิชาแต่ละสายก็มีความหยาบละเอียดแตกต่างกันเป็นอย่างมาก จนแทบจะลงรอยด้วยกันไม่ได้  อย่างนี้แล้วคนที่ไม่รู้ฤกษ์ยามจะทำอย่างไร จะเชื่อใครดี บางคนตั้งใจไปหาฤกษ์ผ่าคลอดเพื่อให้ลูกเกิดมาดี  พอลูกโตมาแล้วก็เกิดปัญหา ก็เลยไปตรวจดวงดูปรากฏว่าเป็นดวงร้าย อย่างนี้ก็มี ดังนั้นการหาฤกษ์คลอดนั้นจะต้องใช้สายวิชาที่เชื่อถือได้เท่านั้น จึงจะได้ผล

 

 

กฏเกณฑ์และวิธีการหาฤกษ์ผ่าคลอดของโหราศาตร์พระเวท-ภารตะ

สำหรับโหราศาสตร์ภารตะ หรือโหรพราหมณ์ของฮินดูนั้น มีกฏเกณฑ์เฉพาะสำหรับดูฤกษ์ให้กำเนิดทารก และมีเครื่องมือการคำนวณอย่างหลายหลากมากมาย เพื่อที่จะเลือกเฟ้นช่วงเวลาที่เป็นศุภผลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตามเงื่อนไขของเวลาที่จำกัด โดยกฏเกณฑ์การหาฤกษ์คลอดบุตรมีดังนี้

1.ดาวเคราะห์ ราศีและลัคนาของฤกษ์ผ่าคลอด

1.1 ดวงชาตา ของทารกจะต้องสัมพันธ์กับดวงชาตาของบิดามารดาไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง ทั้งจากดาวเคราะห์ นักษัตรฤกษ์ และเรือนชาตา

1.2 ลัคนา ของดวงชาตาทารก จะต้องมีกำลังดี เข้มแข็งและให้อิษฏผล โดยลัคนาจะเป็นตัวกำหนดเรือนชาตาและดาวดี-ร้ายในดวงฤกษ์กำเนิด ลัคนาจะต้องปราศจากผลร้ายทั้งมวล และการเบียฬจากดาวร้ายอื่นๆ และจุดที่ลัคนาสถิตนี้เป็นตัวชี้วัดว่าดวงนี้เข้มแข็งหรือไม่

นอกจากนี้ในระบบโหราศาสตร์ก่อนเกิดของโหรภารตะ ยังมีกฏเกณฑ์ที่เรียกว่า “วิโยนิเภท” หรือ “วิวิธโยนิ” ที่อธิบายว่าจุดองศากำเนิดของมนุษย์ จะแตกต่างจากจุดองศากำเนิดของ สัตว์ พืชพรรณ ฯลฯ  วิธีนี้สามารถสอบทานองศาของลัคนาหรือเวลาเกิดได้ถูกต้อง ใช้สำหรับผู้ที่มีเวลาเกิดไม่แน่นอน หรือสอบดวงชาตาย้อนกลับไปได้ว่า คนๆนี้ชาติที่แล้วเกิดเป็นอะไร มาจากภพภูมิไหน

1.3 ดาวเคราะห์ หรือดาวเจ้าเรือน จากลัคนาข้างต้น ต้องมีกำลังดี เจ้าเรือนลัคน์ (ลัคนธิปติ)ต้องมีกำลัง(ดูข้อ 1.4) สถิตในศุภราศี ศุภนวางศ์ ศุภตรียางค์ เสวยองศาหรือนวางศ์ที่ให้ผลดีเช่น วรโคตรรนวางศ์ หรือ ปุษการะนวางศ์ ไม่เสวยองศาที่เป็นโทษ (มรณะองศา)หรือ เสวยตรียางค์ นวางศ์พิษ กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ความแตกต่างของ ตรียางค์นวางศ์พิษ ของไทยกับภารตะ หรือ สถิตในเรือนคู่ศัตรู  กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิเคราะห์ดาวคู่มิตร-ศัตรูแบบภารตะ-ไทย หรือสถิตในตำแหน่งคัณฑานตะ (นวางศ์ขาด) หากเป็นไปได้ควรให้ดาวร้ายสถิตย์ในเรือนอุปจัย หรือ ไม่ควรมีดาวเคราะห์ใดสถิตในเรือนทุสถานะภพ หรือไม่ควรให้ดาวทำมุมโยคร้ายต่อกัน หรือ ไม่ควรมีดาวเคราะห์ วิกลคติ พักร มณฑ์ เสริด ฯลฯ เป็นต้น หากไม่ได้ตามเงื่อนไขนี้ต้องหาวิธีแก้ไข ตามวิธีการปรุงดาวเคราะห์ตามหลักโหราศาสตร์

1.4 การหากำลังของดาวเคราะห์ (ษัฑพละ) คือการคำนวณหากำลังของดาวเคราะห์ทั้ง 7 ในดวงชาตาของทารก ว่ามีกำลังหรือไม่ และให้ผลดีกี่ส่วน และให้ผลร้ายกี่ส่วน (อิษฏผล-กัษฏผล) ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดดวงชาตาว่าจะดีหรือร้าย หากดีจะดีมากแค่ไหน หากร้ายจะร้ายเพียงใด ทั้งนี้ต้องปรุงผลดาวเคราห์ให้ได้กำลังดีที่สุด เพื่ออำนวยผลแก่ดวงชาตาให้มากที่สุด กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ษัฑพละ : กำลังของดวงดาว

P1160060 resize

 

2.การหากำลังของดวงฤกษ์ของฤกษ์ผ่าคลอด

ในการคำนวนหาฤกษ์ผ่าคลอดจะมีส่วนประกอบสำคัญหลักๆอยู่หลายประการ เช่น กำลังของดาวเคราะห์  การวางตำแหน่งดาวเคราะห์ในดวงฤกษ์ให้มีความหมายสัมพันธ์กับดวงชาตาและกิจการที่จะกระทำ การวางลัคนาให้สัมพันธ์กับเรือนชาตา,ราศีตามความมุ่งหมายและกิจการที่ต้องการให้ประสบความสำเร็จและประการที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นหัวใจในการวางฤกษ์คือ “การหากำลังของดวงฤกษ์” ซึ่งจะประกอบด้วย 6 ส่วนคือ

2.1 ปัญจกสุทธิ หรือกำลังทั้ง 5 ประการของ ดิถี นักษัตร วาร โยค และ กรณะ ตามรายละเอียดใน”ปฏิทินปัญจางคะ”   คือ

(2.1.1) ดิถีหรือวันขึ้นแรม

ของโหรภารตะจะแบ่งเป็นศุกลปักษ์ หรือข้างขึ้น และกฤษณปักษ์หรือข้างแรม มีดีร้ายต่างกัน นอกจากนี้ดิถียังแบ่งประเภทย่อมออกเป็น นันดิถี ภัทรดิถี ชยะดิถีหรือ ปูรณะดิถี ก็จะเกิดผลดีเป็นมงคลอย่างสูงและควรหลีกเลี่ยง ริกตะดิถี เพราะเป็นดิถีไม่ดี เว้นแต่จะมีพลังศุภมงคลจากทางอื่นมาช่วยแก้ไขให้บรรเทาให้เป็นกลาง หรือ ได้โยคเกณฑ์พิเศษจากเงื่อนไขอื่นๆ

(2.1.2) วาร-วันในสัปดาห์

วาระ หรือ วันในสัปดาห์ทั้ง 7 เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการคำนวณหาพละ หรือกำลังของดาวเคราะห์ที่มีกำลังแรงในวันนั้นๆ โดยวันในสัปดาห์ตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันเสาร์ล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมโยงไปถึงดวงดาวเจ้าวันที่กำลังโคจรบนท้องฟ้า ซึ่งจะสามารถส่งผลดี-ร้ายได้จากกำลังดาวและลักษณะที่เป็นดาวศุภเคราะห์ศุภเคราะห์หรือปาปเคราะห์ กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 10.การหากำลังของดวงฤกษ์

(2.1.3) นักษัตร-กลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗

ส่วนสำคัญส่วนที่ 3 คือกำลังของดาวฤกษ์ทั้ง 27 หรือดาวนักษัตร มีความกว้างนักษัตรละ 13 องศา 20 ลิปดาซึ่งหากจันทร์โคจรผ่านกลุ่มดาวนักษัตรเหล่านี้เมื่อใด ก็จะสะท้องพลังรังสีดี-ร้ายของดาวฤกษ์เหล่านี้มาสู่พื้นปฐพี ซึ่งกลุ่มดาวนักษัตรเหล่านี้เองที่เราเรียกว่า “ฤกษ์” ซึ่งมีความสำคัญมากต่อดวงชาตาชีวิตของคน และเป็นหลักในการวางฤกษ์ยามต่างๆ

นักษัตรต่างๆเหล่านี้แบ่งออกตามลักษณะของกำลังมี 7ประเภทคือ 1.นักษัตรมั่นคงถาวร(สถิระ) 2.นักษัตรเคลื่อนไหว-(จาระ) 3.นักษัตรร้ายกาจ(วัชระ) 4.นักษัตรรวม-ผสมผสาน (มิษระ) 5.นักษัตรแจ่มใส-รุ่งโรจน์ (ลฆุ)6.นักษัตรเฉียบขาด(อุคระ)7.นักษัตรอ่อนโยน (มฤธุ)

และนอกจากนี้ในช่วงเวลาของแต่ละนักษัตรก็มีช่วยเวลาร้ายอยู่ทุกนักษัตร เรียกว่า *เวลาต้องห้ามของแต่ละนักษัตร (นักษัตรตะยะชะยะกาล) ต้องหลีกเลี่ยง กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 11.อิทธิพลของนักษัตร

(2.1.4) โยค หรือนักษัตรโยค

นักษัตรโยคมีการคำนวณองศาสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์และจันทร์ ใน 1เดือนจันทรคติ (28 วัน) เพื่อหาพลังรังษีที่เป็นศุภผล หรือเป็นมงคลเอื้อประโยชน์ต่อชีวิต และจิตวิญญาณของมนุษย์ และพลังงานที่ไม่เป็นศุภผลที่ให้โทษ ซึ่งเรียกว่านักษัตรโยค โดย 1 ในรอบเดือนทางจันทรคติจะมีโยคทั้งดีและโยคร้ายหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยน แต่ละโยคมีระยะ 13 องศา 20 ลิปดา มีจำนวนทั้งหมด 27 โยค กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 11.อิทธิพลของนักษัตร

(2.1.5) กรณะ-หรือนักษัตรกาล

พลังงานส่วนที่ 5 คือ กรณะ  หรือเรียกว่า นักษัตรกาลเป็นการคำนวณระยะเวลาของครึ่งวันของวันทางจันทรคติโดยคำนวณจากระยะของดาวอาทิตย์และดาวจันทร์ในช่วงทุกๆ  6 องศาทวีคูณ ผลทีได้เป็นพลังรังสีดี-ร้ายมีจำนวน 11 กรณะและหมุนเวียนกันต่อเนื่องกันตลอดดิถีตามหลักวิธีการคำนวณกรณะคือ ใน 1 เดือนจันทรคติ กรณะลำดับที่ 1-7 หมุนเวียนกันเป็นเจ้าการ 8 ครั้งโดยเริ่มต้นในครึ่งวันหลังของดิถีที่ 1 ของเดือน ลำดับที่ 8-11 เป็นเจ้าการคงที่ไม่หมุนเวียน โดยใน 1 วันจะมี 2 กรณะ กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 11.อิทธิพลของนักษัตร

2.2 ราหูกาล ยมกาล คุลิกากาล และช่วงเวลาร้ายอื่นๆที่ต้องหลีกเลี่ยง

นอกจากหลักการที่กล่าวมาแล้วข้างต้น การกำหนดฤกษ์ยามมงคลยังจะต้องพิจารณาจากกาละ หรือ มุหูรตะกาล   เพิ่มเติมอีกหลายประการ เช่น

1.ราหูกาล -คือช่วงเวลาที่ไม่ดีในแต่ละวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของราหู ควรหลีกเลี่ยงและงดเว้นกิจการที่เป็นมงคลในช่วงระยะเวลานี้ ช่วงของราหูกาลถือว่าเป็นเวลาให้โทษร้ายรุนแรง ห้ามให้ฤกษ์มงคลเป็นอันขาด   หากทำการเริ่มต้นกิจการงานใดใดในระหว่างช่วงของราหูกาลนี้ จะเกิดความเสียหาย ผิดหวัง และการจบสิ้น กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ราหูกาล

2.ยมกาล-คือช่วงเวลาของพระยม เทพเจ้าแห่งความตายซึ่งต้องหลีกเลี่ยง แต่เป็นช่วงเวลาเหมาะแก่การประกอบพิธีงานอวมงคลต่างๆเช่นงานฌาปนกิจศพ ส่วนงานมงคลอื่นๆควรต้องงดเว้น เพราะจะทำให้เกิดความล้มเหลว

3.คุลิกากาล-หรือเรียกว่า ”มันถิกาล”ซึ่งมันถิและคุลิกาเป็นบุตรของดาวพระเสาร์และเป็นช่วงจะทำให้้เกิดปรากฏการณ์้ซ้ำๆขึ้นอีกหลายครั้ง ซึ่งไม่เป็นมงคล กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “คุลิกา” ในโหราศาสตร์ภารตะ(ฮินดู) ส่งผลต่อเราอย่างไร : ตอน 1

2.3 ทุรมุหูรตะ-หมายความว่า เป็นช่วงเวลาที่ไม่เป็นมงคล ในแต่ละวัน และจะต้องหลีกเลี่ยง

2.4 วารชยะ-ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีอีกเช่นกัน โดยคำนวนจากห้วงเวลาของนักษัตรที่จันทร์เสวย  ซึ่งนักษัตรหนึ่งๆไม่ได้ให้ผลดีตลอดทั้งนักษัตร แต่จะมีช่วงที่ไม่เป็นมงคลเป็นช่วงๆของนักษัตรนั้นๆ ดังนั้นในวันหนึ่งๆอาจจะมี วารชยยาม มากว่า 1 ช่วงเวลา

กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 12.ราหูกาล ยมกาล คุลิกากาล และช่วงเวลาร้ายอื่นๆ และ 13.ปัญจกสุทธิ รวมกำลังทั้ง 5 ประการ

2.5 ปัญจกวิธี คือ การคำนวนหากำลังราศีเพื่อวางลัคน์ในดวงฤกษ์ โดยขั้นตอนนี้เป็นการคำนวนหาฤกษ์ยามที่สมพงษ์กับดวงชาตา ตำแหน่งของลัคนาในดวงฤกษ์จะต้องได้กำลังดี ปราศจากผลร้ายอื่นๆเพื่อที่จะให้เกิดอิทธิพลังในการบันดาลความสำเร็จตามความมุ่งหมายของฤกษ์ที่จะทำการนั้นๆ ปัญจกวิธี เป็นการคำนวนหามูลฐานของพลังสำคัญ ๔ ประการดังนี้ ๑. ดิถี ๒. วาระ หรือวันในสัปดาห์ทั้ง ๗ วัน ๓. นักษัตร ทั้ง ๒๗ นักษัตร นับจากอัศวิณี ไปจนถึง เรวดี ๔. ราศีลัคน์ ทั้ง ๑๒ ราศี นับจากราศีเมษ ไปจนถึงราศีมีน  แล้วนำทั้งหมดนำมาหากำลังราศีที่ดีที่สุดเพื่อวางลัคนา

กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 16.ปัญจกวิธี- วิธีการวางลัคน์ในดวงฤกษ์

2.6 มุหูรตะโยค หรือโยคที่ได้เกณฑ์พิเศษโดยอาศัย กำลังจากดิถี วาร มาส(เดือน) และนักษัตร ผสมกัน ซึ่งมีทั้งดีและร้าย ส่วนโยคดีก็ เช่น สิทธาโยค ,สุตะโยค ,ศุภมัธยมโยค ,โสภณโยค, อมฤตโยค หรือโยคร้าย เช่น มฤตยูโยค ,นาศะโยค ,อุตปาฏนะโยค ,ยมธันโยค, ทคธะโยค ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้ได้  โยคดี  กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 17.มุหูรตะโยค-โยคที่ส่งผลดี-ร้าย

2.7 ข้อยกเว้นและกฏเกณฑ์พิเศษอื่นๆ โดยกฏเกณฑ์ทั้งหมดนี้จะได้อธิบายรายละเอียดต่างๆดังต่อไปนี้ เช่น ห้ามวันคราส เช่น สุริยุปราคา จันทรุปราคา ทั้งก่อน-หลัง 7วัน ,ห้ามวันพระอาทิตย์ย้ายราศี หรือ สุริยสังกรานมณ ,คัณฑานตะ-หมายถึงข้อพับ หรือเป็นจุดรอยต่อของฤกษ์และราศี ซึ่งแสดงถึงการแตกแยก ทำลาย และความวิบัติ, กรรตรีโทษ -โทษเบียฬ  นอกจากนี้ก็ยังมีโทษอื่นๆอีก เช่น ,ษัษฏะ อัษฏะ ริผฆฏะ จันทรโทษ ,สเคราะห์จันทรโทษ ,คณะทาณะดารา , ปาปษัทวรรค, ภฤคุษัทกะ , กุชอัษฏมะ (คุชโทษ) ,อัษฏมลัคนโทษ , ราศีวิษฆติกา , กุณนวางศโทษ, วาระโทษ , คระหโนตปาตะโทษ,  เอการะกาลาโทษ ,กรูระสัมยุตโทษ ,อกาลฆรรชิตะ ,วริษติโทษ , ไวธรุติโทษ , มหาปาตะโทษ กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 18. ข้อยกเว้นและกฏเกณฑ์พิเศษอื่นๆ

 

2.8 โชคดี-โชคร้าย (โยค)ในดวงชาตา

สัมพันธภาพต่างๆของดาวเคราะห์ทุกดวงในดวงชาตาของทารก ประกอบเป็นรูปโยค(หรือโชค) ส่งผลให้ทารกนั้นเป็นคนโชคดีหรือโชคร้าย สำหรับโหราศาสตร์ภารตะท่านกำหนดสัมพันธภาพดี-ร้ายเอาไว้ 300 ประเภท

การวางดาวเคราะห์ในดวงฤกษ์จะต้องได้สัมพันธภาพที่ดี หรือ โยคดี ที่ส่งผลให้มีชื่อเสียง มีปัญญา ร่ำรวย เกียรติยศ ฯลฯ เช่น  นภสโชค จามรโชค เภรีโชค คชเกษริโยค  หรือโยคที่ทำให้โชคดีดุจราชา เช่น ราชาโยค  อย่าให้มีโยคร้าย เช่น โยคติดคุก เป็นหม้าย ยากจน พิการ ประสาท วิกลจริตและมีโรคร้ายต่างๆ  กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คัมภีร์ไตรศตโชคมัญชริ

 และที่สำคัญที่สุดก็คือต้องไม่ให้เด็กเกิดในฤกษ์ร้ายให้โทษ ซึ่งมีโยคร้ายในดวงชะตาที่ให้โทษรุนแรงดังต่อไปนี้  

1. เกมทรุมโยค โยคร้ายในดวงชาตา ทำให้ยากจน อนาถา ไร้ที่พึ่ง https://bit.ly/3qkylOh

2. สกฏโชค โยคร้ายจะลบล้างโยคดีที่ให้คุณแก่เจ้าชะตาทุกๆโยคทั้งหมดในดวงชะตาจนหมดสิ้น https://bit.ly/3O1M19j

3.ศักติโชค – เกียจคร้าน เชื่องช้า ไม่มีทรัพย์ และไม่มีใครชอบ ,ทัณฑโชค – ขาดความสุขเพราะภรรยาและบุตร https://bit.ly/3aDGgjM

4.ศกฏโชค – ให้ยากจน และชีวิตในบ้านไม่มีความสุข - วิหคโชค – จรจัด ทะเลาะวิวาท และเลวทราม https://bit.ly/3aECVko

5.ศูลโชค – ให้เจ้าชะตาไม่มีทรัพย์สิน ดุร้าย กล้าหาญ และมีแผลเป็นที่เกิดจากสงคราม,ยุคโชค – ให้ยากจน สังคมรังเกียจ ไม่นับถือศาสนา และขี้เมา , โคลโชค – ให้ยากจน สกปรก โสมม ไม่มีชื่อเสียง เขลา และเกียจคร้าน https://bit.ly/39jJ1pZ

6.นลโชค – ไม่สมประกอบ อารมณ์ร้าย และตกต่ำ https://bit.ly/3mONqVn

7.สารปโชค – ให้เจ้าชะตาทนทุกข์จากเหตุหลายอย่าง โหดร้าย โง่ https://bit.ly/3H4xrvA

8.ทุรโชค-จะถูกผู้อื่นดูถูกเหยียดหยาม เห็นแก่ตัวอย่างยิ่งอยู่เสมอ ชอบหลอกลวงผู้อื่น https://bit.ly/3NA4eLp

9.ทริทรโชค-เจ้าชะตาก่อการเป็นหนี้สินมากมาย ยากจนมาก ต้องทนฟังเรื่องที่ทำให้ตัวต้องลำบาก เลวทราม ทำบาปหยาบช้า และทำสิ่งที่ผิด https://bit.ly/3O5Ay8E

10.เทหกัษฏโชค – เจ้าชะตาไม่มีความสุขกาย ลำบากกาย ผู้ที่ทำงานด้วยมือหรือกรรมกร https://bit.ly/3QfkLX0

11.โรคกัษฏโชค -ร่างกายเจ้าชะตาอ่อนแอและขี้โรค https://bit.ly/3Q8yFtH

12.กริศอังคโชค-เจ้าชะตามีร่างกายซูบผอม และร่างกายกรำทุกข์เวทนา https://bit.ly/3QdOgYU

13.ทริทราโชค-โชคทั้งนี้ให้ความยากจนอย่างน่ากลัว ไร้เงินทอง จิตใจคับแคบ, ชั่วร้าย และขัดสนทุกๆทาง https://bit.ly/3O1p0mW

14.มูกโชค -เจ้าชะตาเป็นใบ้ https://bit.ly/3H83SJF

15.อันธโชค – เจ้าชะตาสายตาไม่ดีในเวลากลางคืน หรือตาบอดตั้งแต่เกิด https://bit.ly/3xoc97Q

16.ทุรมุขโชค – หน้าตาน่าเกลียด ไม่น่าดู หรือหน้าบึ้งบูดโกรธง่าย เจ้าโมโหโทโส https://bit.ly/3xvdpXP

17.วากจาลนโชค – เจ้าชะตาพูดติดอ่าง ,วิษปรโชค– เจ้าชะตาจะถูกผู้อื่นวางยาพิษ https://bit.ly/3NDzBVh

18.โสทรนาศโชค (โสทะระนาศะ – พี่น้องวินาศ)– เจ้าชะตาเสียพี่น้องชายหญิงเกือบทั้งหมด https://bit.ly/3Mzgqe3

19.คฤหนาศโชค (คฤหะนาศะ – บ้านเรือนพินาศ) – เจ้าชะตาสูญเสียทรัพย์สมบัติบ้านเรือนทั้งหมด https://bit.ly/3mxke4W

20.มาตรุนาศโชค (มาตรุนาศะ – เสียมารดา) – มารดาเจ้าชะตาอายุสั้น https://bit.ly/3NA6wtZ

21.กปฏโชค (กะปะฏะ – มายา, ตลบตแลง) – เจ้าชะตาเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้ากล เสแสร้งแกล้งทำ มีอุบายมายา https://bit.ly/3xAZdwk

22.มาตรุศตรูตวโชค (มาตรุศตรูตะวะ – เป็นศัตรูกับมารดา) – เจ้าชะตาเกลียดมารดา https://bit.ly/3tr4hku

23.คุรุ-จัณฑาล โทษ "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" เจ้าชาตาจะเป็นคนยากจน ขาดแคลนเงินทองอยู่เสมอ แต่หากเจ้าชาตาเกิดในตระกูลมั่งคั่ง ร่ำรวย เจ้าชาตาก็จะรักษาทรัพย์เอาไว้ไม่อยู่ https://bit.ly/3H7Atir

24.พุทธิชฑโชค-เจ้าชะตาจะเป็นคนโง่ทึบ เบาปัญญา ปัญญาอ่อน

25.พันธนโชค-เจ้าชะตาจะถูกจองจำ ถูกกักขังในเรือนจำ

26.วามสเฉทโชค-เจ้าชะตาจะเป็นผู้ทำลายครอบครัวและวงศ์สกุล

27.อันธโชค-เจ้าชะตาจะตาบอดสนิทมาแต่กำเนิด

28.มถิภรมนโชค-เจ้าชะตาจะกลายเป็นคนวิกลจริต

2.9 โทษร้ายต่างๆในดวงชาตา

นอกจากนี้ยังมีโทษร้ายอื่นๆในดวงชาตาที่ต้องหลีกเลี่ยง เช่น มังคลิโทษ หรือคุชโทษ (โทษร้ายจากดาวอังคาร) ,กาฬสรปะโทษ (โทษร้ายจากราหู) ,นทิโทษ (โทษร้ายของพ่อ-แม่ที่ส่งผลต่อทารก),สรปิตโทษ (โทษจากการถูกสาปแช่ง),ปิตรโทษ (โทษจากบรรพบุรุษ),กฤตติกา ชนมโทษ (โทษสำหรับผู้เกิดเดือนกฤตติกา)

เสต สาติโทษ เคราะห์ร้าย 7ปีครึ่ง ที่ทุกๆคนต้องเผชิญ

กาฬ สรปะ โทษ (อสรพิษแห่งความตาย)- โทษร้ายแรงในดวงชาตา

ภคุฏโทษ ดวงความขัดแย้งในชีวิตคู่

นทิโทษ ดวงพิฆาตคู่ครองและทำลายผู้สืบสกุล

 

2.10 โยคร้ายที่ทำให้อายุสั้น

และที่สำคัญที่สุดเมื่อได้ฤกษ์ดีแล้ว ก็ต้องนำมาสอบทานว่าทารกนี้จะต้องมีอายุยืนนาน เรียกว่า การหา “อายุรทัย”  และต้องไม่มีโยคร้ายที่ทำให้อายุสั้นก่อนวัยอันควร(อายุสั้น 1-7 ขวบ) เรียกว่า “พละริษฏโยค”

 

 

สรุป.. จากข้อมูลเบื้องต้น ท่านจะเห็นว่าโหรภารตะนั้นท่านละเอียดสุขุมในเรื่องฤกษ์ยามเป็นอย่างมาก ยิ่งในกรณีที่เป็นการให้ฤกษ์กำเนิดทารกแล้ว ก็ต้องยิ่งให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะฤกษ์ผ่าคลอดหรือดวงฤกษ์กำเนิดนี้เองก็จะผูกพันและกำหนดชาตาชีวิต ทั้งความรุ่งเรือง และความตกต่ำของเด็กคนนี้ต่อไปจนวันตาย

และตามความเป็นจริงของโลกใบนี้ คนเราทุกย่อมประสบกับความทุกข์มากกว่าความสุข  โหราศาสตร์เองก็กล่าวเอาไว้ว่าดวงชาตาของคน มีดาวร้าย หรือดาวปาปเคราะห์ 5 ดวง (อาทิตย์ อังคาร เสาร์ ราหู เกตุ) มีดาวดีหรือดาวศุภเคราะห์เพียง 2 ดวง(พฤหัส ศุกร์) นอกนั้น( พุธ จันทร์)ยังไม่แน่ว่าดีหรือร้าย แล้วแต่ดวงของแต่ละคน สรุปว่า ดวงคนเรานั้นประสบทุกข์มากกว่าสุข  ดังนั้นจะหาฤกษ์ดีสักปานใดก็ยังตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้

**ข้อจำกัดในการหาฤกษ์ผ่าคลอด***

ถึง แม้ว่าเราจะมีกฏเกณฑ์มากมายในการเลือกเฟ้นฤกษ์ยามที่ดีเป็นมงคลแก่บุตรหลาน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอันเนื่องมาจากเงื่อนของเวลาในการผ่าคลอด ซึ่งแพทย์จะกำหนดให้เวลาเพียง 5-7 วันตามอายุครรภ์ที่เหมาะสมแก่การผ่าคลอด (หรือ 38 สัปดาห์) ซึ่งเวลาค่อนข้างจำกัดนี้การหาฤกษ์ที่สมบูรณ์ที่สุดย่อมทำได้ยาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ดูฤกษ์ยามเอาเสียเลย หรือไปดูฤกษ์แบบง่ายๆ หรือฤกษ์ชั้นสองชั้นสาม หรือเอาฤกษ์โหลๆ เช่น วันธงชัย เป็นต้น  ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อแม่และทารกในครรภ์

เคย ได้ยินได้ฟังมาว่า อาจารย์บางท่านให้ฤกษ์ผ่าคลอดตอนอายุครรภ์เพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น เท่ากับว่าคลอดก่อนกำหนด เพราะเชื่อว่าช่วงเวลานี้เป็นฤกษ์ดีที่สุด ซึ่งอันตรายมาก  ดังนั้นในการขอฤกษ์ อายุครรภ์มารดาจะต้องได้ตามที่สูติแพทย์กำหนดเท่านั้น หากอายุครรภ์ไม่ถึงหรือเกินกว่ากำหนดถึงแม้จะมีฤกษ์ดีสักปานใด ทางอาศรมฯก็จะไม่ให้ฤกษ์

ในการ ขอฤกษ์ผ่าคลอดกับทางอาศรมฯ ซึ่งใช้โหราศาสตร์ชั้นสูงคำนวณฤกษ์ ในสมัยโบราณมักต้องเป็นชนชั้นสูง เจ้านาย คนมียศฐาบรรดาศักดิ์ หรือเป็นพระราชา และพระราชวงศ์เท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้ใช้ฤกษ์แบบนี้  หากทารกคนใดได้มีโอกาสใช้ศาตร์ชั้นสูงนี้ในการกำหนดฤกษ์คลอดแล้ว ก็ย่อมแสดงอยู่เป็นนัยแล้วว่า เป็นทารกผู้มีบุญมาเกิด หรือมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตมาในอดีตชาติ และในชาตินี้เมื่อได้ถือกำเนิดเกิดมา ก็ย่อมเกิดมาสนองคุณบิดา-มารดา ครูอาจารย์และประเทศชาติให้เกิดความสุขความเจริญสืบไป

  ดูฮวงจุ้ย

***หากท่านต้องการทราบรายละเอียดและความหมายเกี่ยวกับการดูฤกษ์ อ่าน "กฎเกณฑ์การให้ฤกษ์" คลิ๊กที่นี่..

หมายเหตุ 1)หากสงสัยว่าวิชาโหรฯมีการคำนวนดวงชาตาของฤกษ์ยามที่ละเอียดซับซ้อนและแตกต่างจากวิชาอื่นๆอย่างไร กรุณาอ่านบทความ โหราวิทยา บทที่ 4 การคำนวนกำลังดาวเคาระห์และเรือนชาตาโดยคลิ๊ก โหราวิทยาบทที่ 4 การคำนวณกำลังดาวเคราะห์และเรือนชาตา

หมายเหตุ 2) หากท่านเข้าใจว่าวิชาโหรฯเป็นวิชาที่งมงายไร้เหตุผล ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักการ ขอให้ท่านเข้าไปศึกษา วิชาการคำนวณดวงชาตาของโหรฯเสียก่อน โดยคลิ๊ก การคำนวณดวงพิชัยสงคราม,คัมภีร์สุริยยาตร์และมานัตต์

ดูฮวงจุ้ย

 02 Our Service

ฤกษ์ผ่าคลอด

 

การ คำนวนฤกษ์จะเร็วจะช้าจะยากหรือง่ายก็ขึ้นอยู่กับดวงชาตาของทารกนั้นๆ ว่าจะต้องให้ถือกำเนิดมาในฤกษ์อะไร และในช่วงเวลาที่กำหนดให้มานั้นหาฤกษ์ดีได้ยากหรือไม่ 

หากต้องขอฤกษ์ผ่าคลอดนี้ ผมอาจจะต้องใช้เวลา 3-5 วันในการคำนวนหาฤกษ์  หรืออาจใช้เวลามากกว่านี้ ในกรณีที่ช่วงเวลาที่ครบกำหนดตามอายุคครรภ์นั้นหาฤกษ์ได้ยาก ในการหาฤกษ์ สิ่งที่ต้องการก็คือ

1.  ดวงชาตาคู่สมรส (พ่อแม่ของเด็ก) วันเดือนปีเกิด เวลาเกิด และจังหวัดที่เกิด และบอกอาชีพมาด้วย พร้อมชื่อ-สกุลโดยละเอียด

2.  เวลาที่ต้องการที่สูติแพทย์กำหนด ว่าประมาณวันไหน เดือนอะไร และคลอด โรงพยาบาลอะไร ที่จังหวัดไหน และช่วยระบุช่วงเวลาให้ละเอียดหน่อยนะครับ และต้องสอบถามกับทางแพทย์และทางโรงพยาบาลว่า สามารถทำการผ่าตัดได้ช่วงไหนบ้าง เช่น เช้า สาย บ่าย เย็น หรือกลางคืน (ระบุ เช่น 08.00-20.00 น.) โดยปกติแล้วการผ่าคลอดมักจะไม่ทำตอนดึกๆมากนัก เช่น ตี 1-5 เพราะอาจจะเป็นอันตราย 

3.  เพศของลูก หากทราบก่อนแล้ว ชายหรือหญิง หากตั้งชื่อแล้วก็ระบุมาด้วย

4.  เป็นลูกลำดับที่เท่าไหร่ (ท้องที่เท่าไหร่) หรือเป็นท้องแรก

ทั้งหมดนี้ต้องเตรียมให้ครบนะครับ แล้วไปสู่ขั้นตอนที่ 3

ปัจฉิมลิขิต ทาง อาศรมจะให้ฤกษ์ที่ดีที่สุดเพียงฤกษ์เดียวในช่วงระยะเวลาที่คุณระบุมาเท่า นั้น ทางเราไม่มีฤกษ์เผื่อเลือก เช่น ขอหลายๆฤกษ์ ไม่มีฤกษ์โหลๆ เช่นวันนี้วันดีแต่งงานได้ทุกคู่ หรือวันนี้วันดีออกรถได้ทุกคน หรือฤกษ์ตามใจฉัน ฤกษ์ตามใจผู้ใหญ่ หรือชอบฤกษ์ที่ฉันสะดวก หรือต้องการฤกษ์ชั้น 2 ชั้น 3 หรือต้องการฤกษ์ที่ตัวเองไปเสริชร์หาในเน็ต หรือเปิดปฏิทินดูเองแล้วนึกว่าเป็นฤกษ์ดี หรือ ไปขอฤกษ์จากอาจารย์ท่านอื่นที่ให้แต่วันมา แต่กลับไม่มีเวลาให้ แล้วจะมาขอเวลาฤกษ์ อย่างนี้เป็นต้น

ฤกษ์ ชั้น 1 หรือ ฤกษ์ยามชั้นสูงของวิชาโหราศาสตร์พระเวทระบบนี้คำนวณยากและหาฤกษ์ได้ยากกว่า ระบบอื่นและจะต้องคำนวน ให้ถูกต้องตามหลักวิชาต้องเป็นมงคลที่สุดและดีที่สุดสำหรับผู้มาขอฤกษ์เท่า นั้น ท่านไหนสามารถนำไปใช้ได้ก็ถือว่าเป็นคนมีบุญ และเป็นศิริมงคลเกิดความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองสำเร็จสมหวังตามปรารถนา แต่ท่านไหนมีวิบากกรรมเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางหรือวาสนาไม่ถึงฤกษ์ ก็นำไปใช้ไม่ได้ ส่วนโหรผู้ให้ฤกษ์ก็ไม่สามารถทำแบบมักง่ายหรือให้ฤกษ์แบบตามใจท่าน เพราะหากเกิดความวิบัติใดใดแก่ผู้ใช้ฤกษ์ ตัวโหรผู้ให้ฤกษ์ก็ต้องรับผลกรรมอันนั้นด้วย ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านก็ได้สาปแช่งให้เกิดความวิบัติแก่ตัวโหรผู้ให้ฤกษ์ผิดๆ โดยหวังจะเอาลาภสักการะ หรือทำแบบสุกเอาเผากิน ดังนั้นจึงได้โปรดได้เข้าใจในกฏข้อนี้ด้วย

03 Our Service

 

สำหรับ ท่าน ที่เกิดต่างประเทศ /อาศัยอยู่ในต่างประเทศ /ต้องการใช้ฤกษ์มงคลเพียงแค่แจ้งชื่อเมือง /ประเทศ/รัฐ /เวลาท้องถิ่น/เวลา DST ที่ท่านเกิดหรือเมืองที่ต้องการประกอบการมงคลต่างๆ  ส่วนผมจะแจ้งฤกษ์มงคลตามเวลาท้องถิ่นที่ท่านอาศัยอยู่โดยคำนวนจาก Time Zone,DST,GMT,Lat-Long ซึ่งจะแม่นยำและไม่ผิดพลาด

หากต้องการสอบถามรายละเอียดก่อน คลิ๊กที่นี่..

หรือสอบถามผ่าน Line @astroneemo

กรุณากรอกแบบฟอร์มเพื่อขอฤกษ์ผ่าคลอด โดยคลิ๊กที่แบนเนอร์ข้างล่างนี้

c section form png

04 Our Service

 

ค่าครูบูชาฤกษ์ผ่าคลอด ๒,๙๙๙ / ต่อ 1 ฤกษ์ ใช้เวลาคำนวณประมาณ 3 วัน หากต้องการขอฤกษ์ใหม่ต้องทำบุญค่ายกครูใหม่ครับ

 (หมายเหตุ ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์ชั้นสูงของโหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) มีค่าควรเมือง ค่าครูปกติอยู่ที่ 10,000 บาท/ฤกษ์ แต่เนื่องด้วยอาจารย์ต้องการเผยแพร่ศาสตร์ชั้นสูงของภารตะให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ จึงกำหนดค่าครูไว้เพียง 2,999 บาท/ฤกษ์เท่านั้น รายได้นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำข้อมูลและบริหารเว็บไซด์  และเพื่อเผยแพร่ความรู้เชิงวิชาการด้านโหราศาสตร์ ธรรมะ  ฯลฯ แก่สาธารณะชน และอีกส่วนหนึ่งนำไปทำบุญกุศลต่างๆตามกฏเกณฑ์ของโหร)

     

ACC2022

การแจ้งการโอนเงินชำระค่าบูชาครู ฤกษ์ผ่าคลอด

การแจ้งการโอนเงินชำระค่าบูชาครู เมื่อท่านได้ชำระค่าครูแล้วกรุณาแจ้งการโอนเงินมาทาง SMS ที่หมายเลข 085-832-8228 หรือ แจ้งผ่าน Line @astroneemo (คลิ๊กเพื่อแอดไลน์ https://lin.ee/s7l5EpF )
หรือแจ้งการโอนเงิน ได้ที่เมนูหน้าเว็บไซด์หรือคลิ๊กที่นี่ "แบบฟอร์มแจ้งการโอนเงินค่าบูชาครู"

ปัญหาที่พบบ่อยมากก็คือเมื่อท่านทำการส่งข้อมูลและได้ทำการโอนเงินชำระค่าครูแล้ว มักจะไม่ค่อยได้แจ้งการโอนเงิน ทำให้ได้รับฤกษ์ล่าช้า (เนื่อง จากการทำการขอฤกษ์ยามมงคลจะต้องมีค่าบูชาครูเพื่อที่จะให้คุณได้ฤกษ์ยามจาก ครูบาอาจารย์ที่ถูกต้องจะไม่เป็นหนี้เวรหนี้กรรมต่อกันในการติดค้างครู อาจารย์ และโหรผู้คำนวนฤกษ์ก็จะไม่ต้องรับวิบากผลในการให้ฤกษ์ยามในการแก้ดวงชาตาให้ กับท่าน) หากได้ทำการชำระค่าครูแล้วกรุณาโทรแจ้งคุณกมล (คุณบอย) 085 832 8228 หรือแฟกซ์ / อีเมล์ตามรายละเอียดข้างต้น

ขอความกรุณาอย่าโทรมาบอกให้ผมจดรายละเอียดในการขอฤกษ์ของท่าน เพราะ

หาก ท่านไม่ได้แจ้งเข้ามา เราก็จะไม่สามารถตรวจสอบว่ายอดเงินนี้เป็นของท่าน เพราะยอดเงินจะเหมือนกันทั้งหมด จะทำให้ท่านได้รับฤกษ์ล่าช้า

05 Our Service

 

และ เมื่ออาจารย์ได้รับการยืนยันการชำระค่าครูบูชาฤกษ์แล้ว จะดำเนินการจัดส่งฤกษ์ผ่าคลอดให้กับท่านทางอีเมล์ ภายใน1-5 วันแล้วแต่กรณี และ  SMS แจ้งทางหมายเลขมือถือที่ท่านได้ให้ไว้ตอนกรอกแบบฟอร์ม

ฤกษ์มงคลที่ท่านจะได้รับมีดังนี้

1.ฤกษ์มงคล เวลามงคลสำหรับการผ่าคลอด

2.ดวงชาตาของเด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ (กุณฑลิวินิจฉัย) หรือ การพยากรณ์ดวงชาตากำเนิด คือ การอธิบายดวงฤกษ์ผ่าคลอดตามหลักโหร เช่น บอกว่าฤกษ์ผ่าคลอดดีอย่างไร มีโยคเกณฑ์มงคลส่งเสริมดวงชาตาของเด็กในด้านไหนบ้าง ในอนาคตเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งความสำเร็จด้านการงาน-อาชีพ ยศตำแหน่ง มีคนอุปถัมภ์ การเงิน-ความร่ำรวยมั่งคั่ง สุขภาพ-อายุยืน คู่ครอง  ชื่อเสียง บุตรหลาน ฯลฯ

3.วิธีการใช้ฤกษ์ผ่าคลอด ตามหลักโหราศาสตร์

4.การปฏิบัติตัว ในระหว่างตั้งครรภ์และหลังจากคลอดแล้ว เพื่อให้ได้ลูกดี และประสบความสำเร็จ

 

การบันทึกเวลาตกฟากของฤกษ์ผ่าคลอดฤกษ์ผ่าคลอด

 

การบันทึกเวลาตกฟาก

ส่วนการกำหนดว่า จุดไหนคือจุดที่นับว่าเป็นฤกษ์กำเนิด  หรือ เวลาตกฟาก(ลัคนา) ซึ่งมี หลายฝ่ายที่มีความคิดแตกต่างกันในเรื่องของเวลาคลอดว่าจะเอาเวลาไหนเป็นเวลา ตกฟาก(เวลาคลอด)กันแน่ซึ่งเวลาตกฟากนี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นของลัคนาในดวง ชาตา โดยมีหลายคติ ดังนี้

1.อาธานะ ลัคนา หมายเอาเวลาร่วมสังวาสกัน (กำหนดฤกษ์ปฏิสนธิ) แล้วเอาเวลานั้นมาคำนวณแล้วหาวัน-เวลากำหนดคลอด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีหาฤกษ์คลอดแบบโบราณและสามารถคำนวนวันเวลาคลอดได้อย่าง แม่นยำ ปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว

2.ศิโรทัศนา ลัคนา หมายเอาเวลาที่ศีรษะเด็กโผล่ออกมาจากช่องคลอด

3.ภูปาตนะ ลัคนา(ฤกษ์ผ่าคลอด) หมายเอาเวลาที่ตัวเด็กพ้นออกมาจากครรภ์มารดาอย่างสมบูรณ์ทั้งตัว (ไม่เกี่ยวกับสายรก) ซึ่งทางอาศรมฯของเรา ถือมตินี้เป็นหลักในการบันทึกเวลาคลอด โดยอ้างอิงจากวาทะ ของสัตยาจารย์ โหราจารย์ของฮินดูเมื่อหลายพันปีก่อนแนะนำให้ถือเอามตินี้เป็นหลักในการ บันทึกเวลาตกฟากเพื่อวางลัคนา

ซึ่ง ทางกฎหมายปัจจุบันให้คำจำกัดความในเรื่องคำว่า “คลอด”เพื่อระบุสภาพบุคคลทางกฎหมาย  “คลอด” หมายความว่า คลอดออกมาจากครรภ์มารดา ล่วงพ้นจากครรภ์มารดาออกมาอย่างสมบูรณ์แล้วทั้งตัว ไม่มีอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของทารกติดค้างอยู่ จะตัดสายสะดือทารกแล้วหรือยัง ไม่เป็นข้อสำคัญ กฎหมายถือว่า คลอดโดยสมบูรณ์แล้ว

4.การร้องไห้ของทารก ในบางมติถือว่า เมื่อคลอดแล้วทารกต้องร้อง และเอาเวลาร้องไห้ของทารกนั้น นับเป็นเวลาตกฟาก  ส่วนในทางกฎหมายนับการหายใจของทารก นับเป็นสภาพบุคคลตามกฎหมาย (คลอด-อยู่รอดเป็นทารก)สรุป..ในหลักโหราศาสตร์ฮินดูภารตะ การนับเวลาตกฟากให้ใช้ข้อ 3 เป็นหลักในการบันทึกเวลาตกฟากซึ่งตรงกับหลักกฏหมายในปัจจุบันว่าด้วยสภาพบุคคลและตรงตามหลักของโหรโบราณ

06 Our Service

ฤกษ์ผ่าคลอด  ที่ถูกต้องตามโหราศาตร์ชั้นสูง   ส่งเสริมดวงชาตาให้รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ มีทรัพย์สิน ยศศักดิ์ มีความรู้ มีความสามารถ มีคนอุปภัมภ์ ขจัดอุปสรรค และปลอดจากโทษร้ายทั้งมวล  ฤกษ์ผ่าตัดคลอด,
หาฤกษ์คลอด, ฤกษ์คลอดปี 2568,  ฤกษ์คลอดบุตรปี 2568, ฤกษ์วันคลอด, ฤกษ์คลอดลูกปี 2568, ฤกษ์คลอดลูก 2568, ดูวันคลอด, ดูวันคลอดลูก, ดูวันผ่าคลอด ,ฤกษ์ผ่าท้อง,ฤกษ์คลอดบุตร 2568 ,ฤกษ์คลอดลูก 2568astroneemo Auspicious time Caesarean section

 

กุณฑลิวินิจฉัย (วิเคราะห์ดวงกำเนิด-ฤกษ์ผ่าคลอด)

 

ชื่อ....................................... สกุล..........................................

เพศ...... หญิง.......      

ประสูติกาล ณ  โรงพยาบาล .....................

จังหวัด ..................................................

ชื่อบิดา...................................................

ชื่อมารดา................................................

ศุภดิถีมงคลวาร สุริยคติกาล วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๒:๕๕ น จันทรคติกาล วัน ๒ ๕ฯ ๑๒  ปีมะเมียฉศก จุลศักราช ๑๓๗๖ มหาศักราช ๑๙๓๖ ลัคนาสถิตย์ราศีมังกร ๑๓.๓๙ องศา เกาะปัญจมนวางศ์ ๖ ทุติยตรียางค์ ๖ เกี่ยวกับฤกษ์ที่ ๒๒ ศราวณะนักษัตรประกอบด้วยภูมิปาโลแห่งฤกษ์ ดาวจันทร์เป็นดาวเจ้าฤกษ์ จันทร์สถิตย์ ราศีพิจิก เสวยฤกษ์ที่ ๑๘ เชษฐะนักษัตร วิมโษตรีทศา - สมดุลย์จันทรทศา มหาทศาจันทร์ ๐ ปี ๕ เดือน ๒๕ วัน ศักราช-ปีชัยยะศก อายัน-ทักษิณายัน ฤดู-เหมันตฤดู มาส-กฤติกามาส วาร-วันจันทร์ ดิถี-ศุกลจตุรถี นักษัตรโยค-โสภณโยค กรณะ-วานิชกรณะ มุหูรตะโยค-รวิโยค,โสภณโยค อาทิตย์ขึ้นเวลา ๐๖.๑๔ น. ตกเวลา ๑๗.๔๙ น.  (ปฐมฤกษ์เริ่มเวลา ๑๒.๕๕-๑๓.๐๘ น. เป็นปัจฉิมฤกษ์)

ดวงชาตานี้ได้เกณฑ์มหามงคล ดังนี้

1. ลัคนา เจ้าเรือนลัคนา ดาวเคราะห์ทั้ง ๙ เจ้าเรือนทั้ง๑๒  ศุภนวางศ์ ศุภตรียางค์   เป็นศุภผล  9/10 อ่านรายละเอียดได้ที่ โหราวิทยา เล่ม 1 ผูกดวงชาตา และ  โหราวิทยา เล่ม 7 พิจารณาดวงชะตาเบื้องต้น

2. วาร ดิถี นักษัตรโยค กรณะ มุหูรตะโยค  เป็นศุภผล  10/10  รายละเอียด วิธีการให้ฤกษ์ยามชั้นสูง (มุหูรตะ) และ มุหูรตะ โยค

3. กำลังในษัฑพละ ปัญจกสุทธิ ทั้งหมดเป็นศุภผล  10/10  รายละเอียด  ษัฑพละ : กำลังของดวงดาว

4. ไม่มีโทษต่างๆในดวงชาตา  4.1มังคลิโทษ 4.2 กรรตตรีโทษ 4.3 ษัษฏ อัษฏ ริผฆฏะ จันทรโทษ 4.4 อุทัยอัสตะสุทธิ 4.5 ทุรมุหูรตะ 4.6 คณะทาณะดารา 4.7 บาปษัทวรรค 4.8 ภฤคุษัทกะ 4.9 กุชอัษฏมะ 4.10 ราศีวิษฆติกา 4.11 กุณนวางศ์โทษ 4.12 วาระโทษ 4.13 คระหโนตปาตะโทษ  ล้างโทษทั้งหมดเป็นศุภผล  9/10  รายละเอียดกรุณาอ่าน  วิธีการให้ฤกษ์ยามชั้นสูง (มุหูรตะ)

5. ไม่มีโทษร้ายประจำวัน (ปัญจางคะ) 5.1ทุรมุหูรตะ  5.2 วารชยะ 5.3 ราหูกาล 5.4 คุลิกากาล ไม่มีโทษ เป็นศุภผล  10/10 รายละเอียดกรุณาอ่าน  วิธีการให้ฤกษ์ยามชั้นสูง (มุหูรตะ)

6. ไม่มีโยคร้าย พละริษฏโยค (อายุสั้นไม่เกิน ๘ ขวบ) ไม่มีโทษ เป็นศุภผล  10/10

7. ไม่มี ตรียางค์ นวางศ์ให้โทษ ล้างโทษ เป็นศุภผล  10/10  (รายละเอียดกรุณาอ่านเรื่อง ความแตกต่างของ ตรียางค์นวางศ์พิษ ของไทยกับภารตะ )

8. โยคมงคลในดวงชาตาของเด็กคนนี้..มีดังนี้

1-กาหาละโชค काहल योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ เป็นคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีอำนาจ

2-ทามะ-ทามินีโยค दाम दामिनी योग-เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะร่ำรวย มีชื่อเสียง มีบุตรหลายคน

3-โยคัณฑะโยค योगदा योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้จะร่ำรวย มีทรัพย์สินมากมาย

4-ราชา สัมพันธนะโยค राजसम्बन्ध योग –เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้จะมีความสุขดุจราชา  และเกี่ยวข้องกับคนชั้นสูง   จะเป็นบุคคลสำคัญในสังคมที่ตนเองอยู่

5-วิปริวรรตะ ราชาโยค विपरीत राजयोग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะมีผู้ช่วยเหลือให้พบกับความสำเร็จ มีความสุขดุจราชาและได้ชัยชนะ

6-ราชา/ลักษมีโยค राजयोग-लक्ष्मी योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะเป็นมีโชคดีเสมอและประสบความเร็จอย่างสูง

7-ราชา/ธรรมะ-กรรมะธิปติ धर्म कर्माधिपति योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะเป็นมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงและประสบความสำเร็จ

8-มาลยโยค मालव्य योग –เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะมีรูปร่างเจ้าชะตาสมส่วน จิตใจเข้มแข็ง มีทรัพย์สิน มีความสุขด้วยบุตรภรรยา มียานพาหนะ   มีชื่อเสียง และมีความรู้

9-อุภยจารีโยค उभयचरी योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะมีความสุข ความสบายดุจราชา มีคนเกื้อหนุน

10-จามรโยค चामर योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้จะเป็นคนมีวาทะศิลป์ในการพูด อายุยืน มีวิชาความรู้ และเก่งในศิลปะ  มีอายุยืน มีการศึกษาสูง

11-ปริชาติโยค पारिजात योग -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้จะเข้มแข็ง และมีชื่อเสียง  มีความสุขดุจราชา,มีหลักการ มีความรู้

12-โยคการกะ योग कारक -เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ จะประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน ,และมีตำแหน่งสูง มีเกียรติยศมีความสำเร็จและชื่อเสียง

13-เภรีโยค भेरी योग-เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้จะเป็นคนมีชื่อเสียงมาก ร่ำรวย มีทรัพย์สินมาก มีคู่ครองที่ดี มีบุตรหลานดี

14-พรหมโยค ब्रह्म योग เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้จะได้อาหารรสดี เป็นที่นับถือของพราหมณ์และผู้มีความรู้สูง มีความรู้สูงมาก อายุยืน ใจบุญ และทำแต่ความดีเสมอ

15-คชเกศริโยค गजकेसरी योग เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ อายุยืน  ชื่อเสียงดี  มีอิทธิพลมาก  ความสำเร็จผลทั่วไป  เป็นผู้นำที่ดีในการเมือง  การสังคม  และองค์การสาธารณกุศลต่าง ๆ มีเสน่ห์และมีชัยชนะต่อศัตรู

16-อานัพผโยค अनफा योग เด็กที่เกิดในฤกษ์นี้ มีความสุขสำราญ  พอใจและยินดีในทุก ๆ  มีบุคลิกดี หน้าตาดี

รายละเอียดกรุณาอ่าน คัมภีร์ไตรศตโชคมัญชริ

 

07 Our Service

ฤกษ์ผ่าคลอดด

 

วิธีการใช้ฤกษ์ผ่าคลอด

วิธีใช้ฤกษ์จะมีคำอธิบายเป็นขั้นตอนอย่างละเอียดอยู่ในอีเมล์ ซึ่งจะส่งให้พร้อมกับใบฤกษ์ที่ระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของฤกษ์

ฤกษ์กำเนิด หรือที่เราเรียกว่าดวงชาตากำเนิด การที่จะให้ได้ผลดี บริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์คงเป็นไปไม่ได้ เพราะดวงกำเนิดก็คือแผนที่กรรมของคนเราที่ทำมาแล้วในอดีตชาติ การหาฤกษ์มงคลเพื่อเป็นฤกษ์กำเนิดนั้นหากได้ดีเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว แต่หากได้มากกว่านั้นก็เป็นบุญวาสนาของเจ้าชาตา เพราะการเลือกวันดีจากวันกำหนดคลอดเพียง 5-7 วันคงหาวันดีสมบูรณ์ได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม วิชาโหราภารตะนั้นมีเครื่องมือวินิจฉัยดวงชาตาอยู่มากมายกว่าโหรระบบอื่นๆ นับร้อยเท่าตัว ซึ่งสามาถเลือกเฟ้นฤกษ์ที่ดีปลอดผลร้ายได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาที่กำหนด  แต่หากจะได้ฤกษ์ดีแบบเต็มร้อย ก็คงต้องใช้วิธีเลือกเฟ้นฤกษ์ยามตั้งแต่ปฏิสนธิ หรือฤกษ์ร่วมสังวาส (ร่วมกามพฤติ) กรุณาอ่านประวัติ

* พระบูรพมหาพฤฒาจารย์-ฤษีวยาสะ (กฤษณะ ไทวปายนะ วยาส)

**ดวงชาตาของผู้มีบุญมาเกิด “ดวงกำเนิดพระราม” ดวงชาตาที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี

อย่างไรก็ตามคนเราเกิดมาทุกผู้ทุกคน ล้วนแต่ต้องมีสุขและทุกข์ปะปนกันในแต่ละช่วงอายุ ไม่เว้นยากดีมีจน มากบ้างน้อยบ้างตามวิบากกรรมที่สั่งสมกันมา ในทางโหราศาสตร์ท่านว่า ในบรรดาดาวทั้งหมด 9 ดวงที่กำหนดดวงชาตาของทุกๆคน  มีดาวดี(ศุภเคราะห์)เพียง 2 (พฤหัสและศุกร์)  ดาวร้าย 4 ดวง หรือดาวปาปเคราะห์ (อาทิตย์ อังคาร เสาร์ ราหู เกต) และดาวเป็นกลาง 2 ดวง ที่จะส่งผลดีร้ายในแต่ละชาตาไม่ท่ากัน ( จันทร์ พุธ) หมายความว่าชีวิตคนเราจะต้องประสบทุกข์ 4 ส่วน ประสบสุขได้เพียง 2 ส่วน อีกสองส่วนจะร้ายหรือดีเพิ่มเข้าไปอีก ก็แล้วแต่วิบากกรรมของคนๆนั้น

  

1.วัน-เวลาของฤกษ์ผ่าคลอด

วันเวลาจากดวงฤกษ์ผ่าคลอดที่ให้เป็นการคำนวณวันเดือนปีที่จะผ่าคลอด และบอกเวลาเริ่มต้นของฤกษ์ผ่าคลอด(ปฐมฤกษ์เริ่มเวลา) และจนสิ้นสุดฤกษ์ผ่าคลอด (ปัจฉิมฤกษ์) เช่น สมมุติว่าฤกษ์ที่กำหนดเป็นเวลา 09.11 น. -09.29 น. หมายความการคลอดเอาทารกออกมาจะต้องอยู่ภายในเวลา 09.11 น.จนถึง 09.29 น. (ผมจะให้เวลาเริ่มต้นและเวลาสุดฤกษ์เอาไว้ให้)    โดยท่านจะต้องแจ้งเวลานี้ให้แก่แพทย์ที่ทำการผ่าตัด และวิสัญญีแพทย์ และพยาบาลได้ทราบก่อนล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมการให้ตรงกันกับฤกษ์ผ่าคลอดที่ให้ไว้

 

2.การเทียบเวลา

การใช้เวลาตามฤกษ์ผ่าคลอดควรจะต้องคำนวนเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่นที่เป็นมาตรฐานสำหรับสถานที่นั้นๆ เพราะแต่ละจังหวัดมีเวลาท้องถิ่นแตกต่างกันไป บางจังหวัดต่างกันถึง 18 นาที   โดยเทียบจากเวลามาตรฐานของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ โดยโทรไปที่หมายเลข 1811 ซึ่งจะบอกเวลามาตรฐานประเทศไทย ซึ่งผมใช้เวลามาตรฐานประเทศไทยนี้คำนวนฤกษ์ ฉะนั้นจะต้องตรงกันทั้งสองฝ่าย

 

3.การบันทึกเวลาตกฟาก

มีหลายฝ่ายที่มีความคิดแตกต่างกันในเรื่องของเวลาคลอดว่าจะเอาเวลาไหนเป็นเวลาตกฟาก(เวลาคลอด)กันแน่ซึ่งเวลาตกฟากนี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นของลัคนาในดวงชาตา โดยมีหลายคติ ดังนี้

1.อาธานะ ลัคนา หมายเอาเวลาร่วมสังวาสกัน (กำหนดฤกษ์ปฏิสนธิ) แล้วเอาเวลานั้นมาคำนวณแล้วหาวัน-เวลากำหนดคลอด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีหาฤกษ์คลอดแบบโบราณและสามารถคำนวนวันเวลาคลอดได้อย่างแม่นยำ ปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว

2.ศิโรทัศนา ลัคนา หมายเอาเวลาที่ศีรษะเด็กโผล่ออกมาจากช่องคลอด

3.ภูปาตนะ ลัคนา หมายเอาเวลาที่ตัวเด็กพ้นออกมาจากครรภ์มารดาอย่างสมบูรณ์ทั้งตัว (ไม่เกี่ยวกับสายรก) ซึ่งทางอาศรมถือมตินี้เป็นหลักในการบันทึกเวลาคลอด โดยอ้างอิงจากวาทะ ของสัตยาจารย์ โหราจารย์ของฮินดูเมื่อหลายพันปีก่อนแนะนำให้ถือเอามตินี้เป็นหลักในการบันทึกเวลาตกฟากเพื่อวางลัคนา

ซึ่งทางกฎหมายปัจจุบันให้คำจำกัดความในเรื่องคำว่า “คลอด”เพื่อระบุสภาพบุคคลทางกฎหมาย  “คลอด” หมายความว่า คลอดออกมาจากครรภ์มารดา ล่วงพ้นจากครรภ์มารดาออกมาอย่างสมบูรณ์แล้วทั้งตัว ไม่มีอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของทารกติดค้างอยู่ จะตัดสายสะดือทารกแล้วหรือยัง ไม่เป็นข้อสำคัญ กฎหมายถือว่า คลอดโดยสมบูรณ์แล้ว

4.ในบางมติถือว่า เมื่อคลอดแล้วทารกต้องร้อง และเอาเวลาร้องไห้ของทารกนั้น นับเป็นเวลาตกฟาก  ส่วนในทางกฎหมายนับการหายใจของทารก นับเป็นสภาพบุคคลตามกฎหมาย (คลอด-อยู่รอดเป็นทารก)

สรุปว่าในการนับเวลาตกฟากของฤกษ์ผ่าคลอดให้ใช้ข้อ 3 เป็นหลักในการบันทึกเวลาตกฟาก

4.การปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์

สำหรับหญิงหากตั้งครรภ์เกิน ๖ เดือน หรือมีครรภ์แก่จวนจะคลอด โบราณท่านมีข้อห้ามดังนี้ คือ 1. ห้ามย้ายบ้าน 2.ห้ามเดินทางไกล 3.ห้ามย้ายเตียง 4. ห้ามทุบรื้อซ่อมแซมบ้าน 5.ห้ามไปสุสาน ไปงานศพ หรืองานแต่งงาน  6.ห้ามไปเยี่ยมคนป่วย 7.ห้ามไปโรงศาล โรงพัก 8.ห้ามไปยังที่ๆมีอันตราย-เสี่ยงภัย  9.ห้ามเย็บปักถักร้อย 10.ห้ามเตรียมเสื้อผ้าของใช้สำหรับทารกก่อนล่วงหน้า 11.ห้ามผิดศีล ๕ (ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหก  ดื่มสุรา) 12.ห้ามเล่นการพนันขันต่อ 13.ให้ถือหลักปฏิบัตินี้ต่อไปหลังจากคลอดแล้วอย่างน้อย 1 เดือน

ส่วนข้อปฏิบัติเพื่อให้ทารกเกิดมาเป็นคนมีบุญวาสนาดี มีสติปัญญาดี ให้ปฏิบัติดังนี้ 1.สวดมนต์-จะได้ลูกความจำดี  2.ถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ในวันพระ-จะได้ลูกจะมีผิวพรรณงดงาม และมีชื่อเสียงดี  3.ทำการบริจาคทาน – จะได้ลูกจะเป็นเศรษฐี มั่งมีเงินทอง 4.นั่งสมาธิภาวนา-จะได้ลูกจะมีสติปัญญาดี 5.มีสัจจะ ไม่โกหก –จะได้ลูกจะมีคนเคารพยำเกรง มีอำนาจวาสนา 6.ไม่โมโหร้าย ไม่ฆ่าสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ –จะได้ลูกมีสุขภาพดี อายุยืนปราศจากโรค 7.ไม่ด่าคน  ไม่ใช้วาจาประทุษร้ายใคร -จะได้ลูกมีเสห่ห์ มีคนรักคนชอบ 8.ไม่ดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น-จะได้ลูกมียศศักดิ์

5.การปฏิบัติตัวก่อนผ่าคลอด

ในการเตรียมตัวก่อนคลอดนั้น การใช้ฤกษ์เพื่อให้เกิดผลดีและเกิดศุภผลตามที่ท่านต้องการ อย่างน้อยที่สุดท่านจะต้องสมาทานศีล 5 รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์ และในขณะที่กระทำการตามฤกษ์นั้น  จิตใจจะต้องแน่วแน่มั่นคงไม่หวั่นไหว ห้ามมีอารมณ์โกรธเคือง โมโห หรือมีเจตนาจะไปประทุษร้ายต่อใคร จิตใจต้องไม่วอกแวก สับสน วิตกกังวล ฯลฯ   เมื่อทำได้ครบตามที่กล่าวแล้วดวงฤกษ์ก็จะมีอิทธิพลังเป็นศุภผลส่งผลเกิดผลดีให้แก่ดวงชาตาของเด็กทารกที่จะเกิดและเกิดความเจริญรุ่งเรืองสืบไป

6.การปฏิบัติตัวหลังผ่าคลอด

สำหรับเมื่อคลอดบุตรออกมาแล้ว ช่วงระยะเวลา 1เดือนแรก เป็นช่วงที่อันตรายสำหรับทารกและคุณแม่ โบราณถือว่าเป็นช่วงดวงยังอ่อนทั้งลูกและแม่ และช่วงนี้ห้ามออกไปนอกบ้าน ไปจ่ายตลาด ซื้อของ หรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ ฯลฯ ให้ปฏิบัติตัวตามข้อ 4 ต่อไปอีก 1เดือน และเพิ่มการห้ามออกนอกเคหะสถานอีกหนึ่งข้อ

และนอกจากนี้คุณแม่จะต้องรีบทำบุญทำกุศล ทำการบริจาคทาน (อาจจะฝากคนอื่นไปทำให้)ภายใน 7 วันหลังคลอดเพื่อเป็นการฉลองต้อนรับเทวดาองค์ใหม่ที่มาจุติในบ้าน และหลังจากเด็กอายุครบ 1 เดือน หรือ ภายใน 6เดือน ท่านอาจจะต้องหาฤกษ์ยามสำหรับการโกนผมไฟให้กับลูกน้อย ตามประเพณี เพื่อสวัสดิมงคลแก่ตัวเด็กและครอบครัว โดยการขอฤกษ์โกนผมไฟให้คลิ๊กที่นี่ ดูฤกษ์โกนผมไฟ

6. ข้อควรระวังในการใช้ฤกษ์ผ่าคลอด

อย่างไรก็ตามการใช้ฤกษ์ชั้นสูงนี้มักจะมีเหตุที่ทำให้เจ้าการมักจะใช้ไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดอยู่บ่อยครั้งอันเนื่องมาจาก ดวงฤกษ์ที่สูงเกินวาสนาของเจ้าการ(เจ้าของดวง) หรือเจ้าของดวงมีเหตุที่ถูกอุปสรรคขัดขวางจากเจ้ากรรมนายเวร หรือวิบากกรรมอื่นๆ ที่จะไม่ไห้ได้ผลสำเร็จตามฤกษ์นั้นๆ ดังนั้นต้องหมั่นบำเพ็ญบุญ สวดมนต์ไหว้พระ เจริญเมตตาจิต เพื่อให้สามารถใช้ฤกษ์ได้ดังใจปรารถนา

เรื่องฤกษ์ยามที่ควรรู้

"คนชอบทัก"กับคำถามสำหรับคนชอบติว่าฤกษ์ไม่ดี

การดูฤกษ์ในปฏิทินโหร

การขอฤกษ์จากพระสงฆ์

วิธีการนับวันเกิดแบบโหร (เกิดวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร ฯลฯ)

วิธีการนับปีเกิดแบบโหร(ปีนักษัตร ชวด ฉลู ฯลฯ)

ปัญหาเรื่องลัคนาและราศีเกิด ทำไมไม่ตรงกัน

ฤกษ์ชั้นสูง ฤกษ์ชั้น 1 ฤกษ์ชั้น 2 ฤกษ์ชั้น 3 คืออะไร

เวลาเกิดไม่แน่นอน หรือ ไม่รู้ทั้งวันเดือนปีเกิด สามารถดูฤกษ์ได้หรือไม่

วิธีการใช้ฤกษ์ในระบบโหราศาสตร์

วันอุบาทว์ วันโลกาวินาศ ทำการมงคลไม่ได้จริงหรือ ?

สีถูกโฉลก กับ เหตุผลทางโหราศาสตร์

ปฏิทินคลาดเคลื่อน ใครผิด ใครถูก?

ความแตกต่างของฤกษ์จาก "วิชาโหร"กับ"วิชาหมอดู"

รวมคำถามเรื่องฤกษ์ยาม

ดวงชง-การทำลายและส่งเสริมผลของฤกษ์ยามต่างๆ

วันครู วันพระ วันในพรรษา ทำการมงคลได้หรือไม่

การดูฤกษ์แบบผิดๆ กับวันกาลกิณี

ข้อควรระวัง-การทำลายผลของฤกษ์ยาม

ระวังฤกษ์ที่ได้มาจากแหล่งต่างๆ

อันตรายจากการใช้ฤกษ์สะดวก

ความเชื่อที่ผิดๆเกี่ยวกับฤกษ์ยาม

******************************************************

ฤกษ์ผ่าคลอด  ฤกษ์ผ่าคลอด

ภาพพิธีกรรม อาจารย์ณภัทร ศรีจักรนารท