การดูฤกษ์ในปฏิทินโหร
ในปฏิทินโหราศาสตร์ส่วนมากก็จะระบุฤกษ์เอาไว้หลายระดับ หลายระบบ ในหน้า/เล่มเดียวกัน ดังนั้นคนที่อ่านปฏิทินโหราศาสตร์ได้จะต้องศึกษามาก่อน ไม่ใช่อ่านเอาความหมายแล้วนึกเองว่าดีหรือร้าย เพราะฤกษ์ทุกชนิดมีกฎเกณฑ์เฉพาะตัวของมัน โดยห้ามนำมาปนกัน มิฉะนั้นจะกลายเป็นหัวมังกุท้ายมังกร
ตัวอย่าง เช่น เรื่องฤกษ์ล่าง เช่น วันทินสูร กาลทัณฑ์ เป็นฤกษ์ล่างคำนวณตามดิถีแบบไทย สำหรับชาวบ้านใช้ทั่วไป โดยชาวบ้านคำนวณดวงชาตากำเนิดเองไม่ได้ หรือไม่ได้ศึกษาวิชาโหรมาก่อนก็ต้องใช้ฤกษ์ชนิดนี้ ซึ่งมีข้อผิดพลาดสูงเพราะดิถีไม่ตรงกันกับดิถีเพียรทางโหราศาสตร์ และบางวันมีทั้งดีและร้ายผสมกันไป เป็นการคำนวณอย่างง่ายอีกแบบหนึ่ง ถือว่าฤกษ์ชนิดนี้เป็นฤกษ์แบบชาวบ้าน ระดับพื้น ๆ ให้ผลน้อยเพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์ เหมือนกับฤกษ์ของวิชาหมอดูแบบอื่นๆ ซึ่งก็เพียงพอสำหรับวิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยก่อน ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนเหมือนคนสมัยนี้
หรือเรื่อง วันโลกาวินาศ วันอุบาทว์ ฯลฯ ดิถียมขันธ์ หรือดิถีดี-ร้ายอื่น ๆที่ระบุไว้ในปฏิทิน เป็นการคำนวณฤกษ์ล่างแบบที่ไม่ใช้ดวงดาวและนักษัตรฤกษ์เป็นหลัก เป็นฤกษ์ชั้นสองไม่มีผลอะไรกับฤกษ์ชั้นหนึ่ง ซึ่งหมอดูชาวบ้านมักจะใช้กันในเพราะไม่สามารถคำนวณดวงดาวบนฟากฟ้าได้
เนื่องจากวิชาการให้ฤกษ์ของโหรพราหมณ์หรือโหรหลวงของเรา จะไม่เหมือนกับฤกษ์ของชาวบ้านที่ไปเปิดปฏิทินฤกษ์ยามดูแล้วก็ให้ฤกษ์ โดยไม่คำนวณความสัมพันธ์ของดวงชาตาอย่างนี้อันตรายมาก หากได้ฤกษ์แล้วกรุณาอย่าไปเทียบกับปฏิทินโหราศาสตร์ที่วางขายทั่วไปตามท้องตลาด เพราะหนังสือชนิดนี้ต้องให้โหรเป็นผู้อ่านและใช้เพื่อการกำหนดฤกษ์เท่านั้น ชาวบ้านทั่วไม่สามารถนำไปอ่านแล้วไปให้ฤกษ์กันได้ (หากไม่เคยเรียนวิชาโหรมาก่อน) จะอันตรายและวิบัติแก่ผู้ใช้ฤกษ์ เพราะที่บอกว่าวันดีในปฏิทินและทำการมงคลได้ ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะบางคนนำไปใช้ก็วิบัติเพราะดวงไม่สมพงศ์กับฤกษ์ในวันนั้น ๆ ฉะนั้นจะต้องสอบทานฤกษ์กับพื้นดวงชาตาก่อนเท่านั้นจึงจะหาฤกษ์มงคลเฉพาะชาตาแต่ละคนได้ และฤกษ์นั้นก็จะส่งเสริมให้เจ้าชาตาประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรือง แก้ไขอุปสรรคในชีวิตได้
ส่วนปฏิทินที่วางขายตามท้องตลาดมีหลายๆเจ้า หลายอาจารย์ หลายระบบ รับรองว่า ไม่มีวันฤกษ์ดีวันไหนที่ตรงกันเลยสักวัน บางเล่มว่าวันนี้ดี แต่บางเล่มว่าร้าย แล้วท่านจะเชื่อใครดี? และหากไปดูฤกษ์ยามแบบจีน+ไทย ผสมกัน รับรองว่าจะไม่มีวันดีที่ตรงกันเลยแม้สักวัน และหากไปขอฤกษ์จากอาจารย์ท่านไหนแล้วท่านมาแค่เปิดปฏิทินพลิกๆดูแล้วก็ให้ฤกษ์ โดยไม่คำนวณพื้นดวงชาตาเจ้าของงานประกอบด้วยแบบนี้อันตรายที่สุด วิบัติเอาได้ง่ายๆทั้งอาจารย์และผู้ไปขอฤกษ์ เพราะผิดครู ถือว่าอาจารย์ท่านนั้นไม่เป็นเรื่องฤกษ์ยามเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่างก็คือเรื่องกาลโยคที่ระบุเอาไว้ในปฏิทินทั่วไปเช่น วันนี้เป็นวันอุบาทว์ วันโลกาวินาสน์ วันธงชัย วันอธิบดี วันกาลกิณี ฯลฯ ท่านต้องเข้าใจว่า กาลโยคนี้คำนวณจากยาม ไม่ใช่ว่าวันนี้เป็นวันอุบาทว์ทั้งวันอย่างนี้ไม่ใช่นะครับ มีเป็นบางยามเท่านั้น หรือวันนี้เป็นวันธงชัยทั้งวันก็หาไม่ ก็เป็นบางยาม ดังนั้นวันที่บอกว่าเป็นวันอุบาทว์ วันโลกาวินาสน์ก็สามารถที่จะให้ฤกษ์ที่ดีได้ แต่ในทางกลับกันวันที่เป็นวันธงชัย วันอธิบดีก็ไม่ได้ดีทั้งวัน ก็มีฤกษ์ร้ายในบางยามอยู่เช่นกัน กรุณาอ่านบทความ วันอุบาทว์ วันโลกาวินาศ ทำการมงคลไม่ได้จริงหรือ ?
ส่วนความเชื่อที่ว่า คนเกิดวันศุกร์ห้ามทำการมงคลวันเสาร์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูกัน หรือ คนเกิดวันอังคาร ห้ามทำการมงคลวันอาทิตย์ วันพุธ ห้ามทำการในวันศุกร์ วันพฤหัสบดีห้ามวันจันทร์ อันนี้ไม่ใช่หลักการให้ฤกษ์ทางวิชาโหราศาสตร์ เป็นเพียงวิชาหมอดูที่นำหลักดาวคู่มิตร-ศัตรูทางโหราศาสตร์มาผสมเป็นหลักการให้ฤกษ์ของวิชาหมอดูทั่วไปซึ่งหยาบมากและเป็นอันตรายแก่ผู้ที่เชื่อหลักการนี้ เพราะหากคนเกิดวันศุกร์ไม่ถูกกับวันเสาร์แล้ว แสดงคนเกิดวันศุกร์ก็ต้องโชคร้ายในทุก ๆวันเสาร์ คนเกิดวันศุกร์ก็คบกับคนวันเสาร์ไม่ได้ หรือรักกันไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ อันนี้เป็นความเชื่อที่บิดเบือนหลักโหราศาสตร์อย่างยิ่ง ส่วนมากหมอดูชอบนำไปใช้กัน