โพชฌงค์ ๗
๑. สติ ความระลึกได้
๒. ธัมมวิจยะ ความสอดส่องธรรม
๓. วิริยะ ความเพียร
๔. ปีติ ความอิ่มใจ
๕. ปัสสัทธิ ความสงบใจและอารมณ์
๖. สมาธิ ความตั้งใจมั่น
๗. อุเปกขา ความวางเฉย
เรียกตามประเภทว่า สติสัมโพชฌงค์ไปโดยลำดับจนถึงอุเปกขาสัมโพชฌงค์
อัฏฐกะ คือ หมวด ๘
โลกธรรม ๘
ธรรมที่ครอบงำสัตว์โลกอยู่ และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามธรรมนั้น เรียกว่าโลกธรรม โลกธรรมนั้นมี ๘ อย่าง คือ มีลาภ ๑ ไม่มีลาภ ๑ มียศ ๑ ไม่มียศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑
ในโลกธรรม ๘ ประการนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ควรพิจารณาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรรู้ตามที่เป็นจริง อย่าให้มันครอบงำจิตได้ คืออย่ายินดีในส่วนที่ปรารถนา อย่ายินร้ายในส่วนที่ไม่ปรารถนา
ลักษณะตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความกำหนดย้อมใจ ๑
เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ ๑
เป็นไปเพื่อความสละกองกิเลส ๑
เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่ ๑
เป็นไปเพื่อความไม่สันโดดยินดีด้วยของมีอยู่ คือ มีนี่แล้วอยากได้นั่น ๑
เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑
เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ๑
เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ๑
ธรรมเหล่านี้พึงรู้ว่า ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด ๑
เป็นไปเพื่อความปราศจากทุกข์ ๑
เป็นไปเพื่อความไม่สะสมกองกิเลส ๑
เป็นไปเพื่อความอยากอันน้อย ๑
เป็นไปเพื่อความสันโดดยินดีด้วยของมีอยู่ ๑
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่ ๑
เป็นไปเพื่อความเพียร ๑
เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ๑
ธรรมเหล่านี้พึงรู้ว่า เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา
มรรคมีองค์ ๘
๑. สัมมาทิฏฐิ ปัญญาอันเห็นชอบ คือเห็น อริยสัจ ๔
๒. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ ดำริจะออกจากกาม ๑ ดำริในอันไม่พยาบาท ๑ ดำริในอันไม่เบียดเบียน ๑
๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือเว้นจากวจีทุจริต ๔
๔. สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ คือเว้นจากกายทุจริต ๓
๕. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ คือเว้นจากความเลี้ยงชีวิตโดยทางที่ผิด
๖. สัมมาวายามะ เพียรชอบ คือเพียรในที่ ๔ สถาน
๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือระลึกในสติปัฏฐานทั้ง ๔
๘. สัมมาสมาธิ ตั้งใจไว้ชอบ คือเจริญฌานทั้ง ๔
ในองค์มรรคทั้ง ๘ นั้น เห็นชอบ ดำริชอบ สงเคราะห์เข้าในปัญญาสิกขา วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีปชอบ สงเคราะห์เข้าในสีลสิกขา เพียรชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจไว้ชอบ สงเคราะห์เข้าในจิตตสิกขา