เรื่องมงคลสูตร ( ต่อ )
๑๒ สิงหาคม ๒๕๒๔
ได้แสดงอธิบายมงคลสูตรที่สวดกันอยู่เป็นสวดมนต์ตำนานที่ ๑ หรือพระปริตรที่ ๑ รวมเข้าก็เป็นมงคล ๓๘ ประการ ซึ่งท่านพระสิริมังคลาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์อธิบายมงคลสูตรชื่อว่ามังคลัตถทีปนี ได้กล่าวระบุไว้ว่า มงคล ๓๘ ประการนั้น แสดงไว้ในคาถาที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๖ คาถาละ ๓ มงคล แสดงไว้ในคาถาที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ คาถาละ ๔ มงคล แสดงไว้ในคาถาที่ ๗ ห้ามงคล ก็รวมเป็น ๓๘ ประการ สำหรับในคาถาที่ ๔ นั้น คือ มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ ความบำรุงซึ่งมารดาและบิดา ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห สงเคราะห์บุตรและภริยา อนากุลา จ กมฺมนฺตา การงานทั้งหลายไม่อากูล ดูก็มีเพียง ๓ ข้อ แต่พระอาจารย์ท่านแสดงไว้ว่า ในคาถานี้มี ๔ ข้อ จึงจำเป็นที่จะต้องแยก มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ ความบำรุงซึ่งมารดาและบิดา เป็น ๒ ข้อ หรือว่า ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห เป็น ๒ ข้อ ท่านก็ไม่ได้แสดงไว้ชัดว่าให้แยกข้อไหน แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว ควรจะแยกข้อ ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห ความสงเคราะห์ซึ่งบุตรและภริยา เพราะว่าได้มีแสดงถึงหน้าที่ซึ่งสามีพึงปฏิบัติต่อภริยาไว้ส่วนหนึ่ง หน้าที่ที่บิดามารดาพึงปฏิบัติต่อบุตรธิดาไว้ส่วนหนึ่ง ฉะนั้น จึงน่าจะแยกข้อนี้ออกเป็น ๒ ได้ คือความสงเคราะห์บุตร ๑ ความสงเคราะห์ภริยาหรือสามี ๑ ส่วนข้อบำรุงมารดาบิดานั้นควรรวมเป็นข้อเดียวกัน มีแสดงถึงหน้าที่ที่บุตรธิดาพึงปฏิบัติต่อบิดามารดาอันเดียวกัน เมื่อแยกดั่งนี้จึงได้มงคลในคาถานี้เป็น ๔
มงคล ๓๘ ประการนั้นก็อาจที่จะเรียงลำดับข้อได้ดังนี้
หนึ่ง อเสวนา จ พาลานํ ความไม่เสพซึ่งคนพาลทั้งหลาย
สอง ปณฺฑิตานาญฺจ เสวนา ความเสพซึ่งบัณฑิตทั้งหลาย
สาม ปูชา จ ปูชนียานํ ความบูชาซึ่งชนควรบูชาทั้งหลาย
สี่ ปฏิรูปเทสวาโส จ ความอยู่ในประเทศคือถิ่นอันสมควร
ห้า ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา ความเป็นผู้มีบุญอันได้ทำแล้วในก่อน
หก อตฺตสมฺมาปณิธิ ความได้ตั้งตนไว้ชอบ
เจ็ด พาหุสจฺจญฺจ ความได้สดับแล้วมาก
แปด สิปฺปญฺจ ศิลปศาสตร์
เก้า วินโย จ สุสิกฺขิโต วินัยอันศึกษาดีแล้ว
สิบ สุภาสิตา จ ยา วาจา วาจาเป็นสุภาษิตคือกล่าวดี
สิบเอ็ด มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ ความบำรุงซึ่งมารดาและบิดา
สิบสอง } ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห ความสงเคราะห์ซึ่งบุตรและภริยา
สิบสาม }
สิบสี่ อนากุลา จ กมฺมนฺตา การงานทั้งหลายไม่อากูล
สิบห้า ทานญฺจ การให้หรือความให้
สิบหก ธมฺมจริยา จ ความประพฤติซึ่งธรรม
สิบเจ็ด ญาตกานญฺจ สงฺคโห ความสงเคราะห์ซึ่งญาติทั้งหลาย
สิบแปด อนวชฺชานิ กมฺมานิ กรรมทั้งหลายไม่มีโทษ
สิบเก้า อารตี วิรตี ปาปา ความงดเว้นจากบาป
ยี่สิบ มชฺชปปานา จ สญฺญโม ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา
ยี่สิบเอ็ด อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ยี่สิบสอง คารโว จ ความเคารพต่อบุคคลควรเคารพ
ยี่สิบสาม นิวาโต จ ความไม่จองหอง
ยี่สิบสี่ สนฺตุฏฺฐี ความยินดีด้วยของอันมีอยู่
ยี่สิบห้า กตญฺญุตา ความเป็นผู้รู้อุปการะอันชนอื่นทำแล้ว
ยี่สิบหก กาเลน ธมฺมสฺสวนํ ความฟังธรรมโดยกาล
ยี่สิบเจ็ด ขนฺตี จ ความอดทน
ยี่สิบแปด โสวจสฺสตา ความเป็นผู้ว่าง่าย
ยี่สิบเก้า สมณานญฺจ ทสฺสนํ ความเห็นท่านผู้ระงับบาปทั้งหลาย
สามสิบ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา ความเจรจาซึ่งธรรมโดยกาล
สามสิบเอ็ด ตโป จ ความเพียรเผากิเลส
สามสิบสอง พฺรหฺมจริยญฺจ ความประพฤติอย่างพรหม
สามสิบสาม อริยสจฺจาน ทสฺสนํ ความเห็นซึ่งอริยสัจทั้งหลาย
สามสิบสี่ นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ ความทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน
สามสิบห้า ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ } จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลาย
จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ } ถูกต้องแล้วไม่หวั่นไหว
สามสิบหก อโสกํ ไม่มีโศก
สามสิบเจ็ด วิรชํ มีธุลีไปปราศแล้ว
สามสิบแปด เขมํ เกษม
ดั่งนี้ ก็เป็นมงคล ๓๘ ประการ
ท่านพระสิริมังคลาจารย์ได้มีอธิบายสรุปมงคลทั้ง ๓๘ ประการนี้ไว้อย่างน่าฟังซึ่งแปลความว่า สัตว์บุคคลทั้งหลายที่ใคร่หรือปรารถนาต้องการความสุขในโลกนี้ ความสุขในโลกอื่น และความสุขที่เป็นโลกุตระอยู่เหนือโลก ก็พึงปฏิบัติในมงคลทั้ง ๓๘ ประการนี้ โดยละการเสวนาส้องเสพคบหาคนพาล อาศัยบัณฑิต บูชาท่านผู้ควรบูชาทั้งหลาย เป็นผู้ที่อันความอยู่ในประเทศคือถิ่นอันสมควร และความเป็นผู้มีบุญที่ได้กระทำไว้แล้วในก่อน ตักเตือนในอันปฏิบัติทำกุศลให้บังเกิดขึ้น มีอัตภาพที่ได้ประดับตกแต่งไว้ดี ด้วยความตั้งตนไว้โดยชอบ และด้วยพาหุสัจจะคือความที่ได้สดับตรับฟังมาก และด้วยศิลปะคือความฉลาดในหัตถกิจและด้วยวินัย กล่าวถ้อยคำที่เป็นสุภาษิตตามสมควรแก่วินัย เมื่อยังไม่ละความเป็นคฤหัสถ์อยู่เพียงไร ก็ปฏิบัติชำระมูลหนี้เก่าด้วยการอุปัฏฐากบำรุงมารดาบิดา ประกอบมูลหนี้ใหม่ด้วยการสงเคราะห์บุตรภรรยา บรรลุถึงความสำเร็จแห่งธนทรัพย์เป็นต้นด้วยความที่มีการงานไม่อากูล ถือเอาสาระแห่งโภคทรัพย์ด้วยทานคือการให้การบริจาค และสาระแห่งชีวิตด้วยการประพฤติธรรม กระทำการสงเคราะห์บุคคลของตนด้วยญาติสังคหะ สงเคราะห์ญาติ สงเคราะห์บุคคลอื่นด้วยความที่ประกอบการงานไม่มีโทษ งดเว้นจากการปฏิบัติเบียดเบียนตน และงดเว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่นด้วย ความงดเว้นจากบาป งดเว้นจากการเบียดเบียนตนด้วยความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา เจริญธรรมที่เป็นฝ่ายกุศลทั้งหลาย ด้วยความไม่ประมาทอยู่ตราบนั้น และเมื่อละเพศของคฤหัสถ์ เพราะความที่เป็นผู้มีกุศลเจริญขึ้น โดยตั้งอยู่ในความเป็นบรรพชิต หรือว่าแม้ไม่ละเพศคฤหัสถ์ ยังตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์แหละ เมื่อต้องการเจริญกุศลต่อไปก็ให้ปฏิบัติให้สำเร็จวัตตสัมปทา คือความถึงพร้อมด้วยวัตรปฏิบัติให้ดีขึ้น ด้วยความเคารพและด้วยความถ่อมตนในท่านผู้ที่ควรเคารพและนอบน้อมถ่อมตนทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้า สาวกพระพุทธเจ้า อุปัชฌายอาจารย์ เป็นต้น หรือแม้ในท่านที่ควรเคารพบูชาอื่น ๆ เช่นบรรดาผู้ที่มีพระคุณ มีท่านบิดามารดาเป็นต้น ละความติดในปัจจัยลาภทั้งหลายด้วยความสันโดษ ตั้งอยู่ในภูมิของสัปปุริสชนคือคนดีด้วยความเป็นผู้ที่มีกตัญญู ละความเป็นผู้มีจิตย่อหย่อนด้วยการฟังธรรม ครอบงำอันตรายทั้งปวงด้วยความอดทน กระทำตนให้เป็นผู้มีนาถะ คือที่พึ่งด้วยความเป็นผู้ว่าง่าย เห็นความประกอบในการปฏิบัติด้วยการเห็นสมณะคือท่านผู้ระงับบาป บรรเทาความสงสัยในข้อที่เป็นที่ตั้งของความสงสัยทั้งหลายด้วยการสนทนาธรรม ยังวิสุทธิ กล่าวคือ สีลวิสุทธิ์ ความหมดจดแห่งศีลให้ถึงพร้อมด้วยอินทรียสังวรหรือตบะยังจิตตวิสุทธิ์ความหมดจดแห่งจิตให้ถึงพร้อมด้วยสมณธรรมพรหมจรรย์ และทำวิสุทธิอีก ๔ ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นให้สมบูรณ์ ก็บรรลุถึงญาณทัสสนวิสุทธิความหมดจดแห่งความรู้ความเห็น โดยปริยายคือความเห็นอริยสัจด้วยปฏิปทาคือทางปฏิบัตินี้ ย่อมกระทำให้แจ้งพระนิพพาน อันนับว่าเป็นโลกุตรธรรม คือ มรรค ผล นิพพาน ไปโดยลำดับ ฉะนั้น เมื่อโลกธรรมทั้ง ๘ ถูกต้อง จึงมีจิตไม่หวั่นไหวเหมือนเขาสุเมรุซึ่งไม่หวั่นไหวด้วยลมและผน จึงเป็นผู้มีจิตไม่โศก มีจิตปราศจากธุลีกิเลส มีจิตเกษมดั่งนี้ และเมื่อเป็นผู้ปฏิบัติในมงคลเหล่านี้มาโดยลำดับ จนเป็นผู้มีจิตเกษม ก็ย่อมจะเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง บรรลุถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสแสดงอานิสงสผลของผู้ปฏิบัติในมงคล ๓๘ ประการนี้ไว้ด้วยคิาที่ ๑๑ ว่า เอตาทิสานิ กตฺวาน บุคคลทั้งหลายปฏิบัติกระทำกิจทั้งหลายเช่นนี้แล้ว สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ ย่อมถึงซึ่งความสวัสดีในที่ทั้งปวง ตนฺเตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุดของเขาทั้งหลาย ดั่งนี้
มงคลสูตรนี้ จึงเป็นพระสูตรสำคัญซึ่งเป็นมงคลในพุทธศาสนาและก็เป็นมงคลจริง ๆ เพราะเมื่อปฏิบัติในมงคลทั้ง ๓๘ ประการนี้ ก็ย่อมจะได้ประสบความสุขที่เป็นความสุขในโลกนี้ ความสุขที่เป็นความสุขในโลกหน้า หรือโลกอื่น และความสุขที่เป็นโลกุตรสุข คือสุขที่พ้นโลกพ้นกิเลส เหนือโลกเหนือกิเลส ตามควรแก่ขึ้นของการปฏิบัติ และข้อปฏิบัติในมงคลเหล่านี้ ก็แสดงถึงข้อปฏิบัติตั้งแต่เบื้องต้นสำหรับปุถุชนหรือสามัญชนทั่วไปจะพึงปฏิบัติ และก็ได้เลื่อนขึ้นมาโดยลำดับจนถึงการปฏิบัติโดยละเอียดประณีตจนถึงโลกุตรธรรม อันรวมความว่าเป็นข้อปฏิบัติที่พึงปฏิบัติได้ ทั้งเพื่อสุขในโลกนี้ ทั้งเพื่อสุขในโลกอื่นคือโลกหน้า ทั้งเพื่อสุขที่เป็นโลกุตระ และก็เป็นข้อปฏิบัติที่มีเหตุผลอันจะพึงตรองให้เห็นได้โดยง่ายว่าเป็นสิ่งดีจริง ให้ผลดีจริง
อนึ่ง มงคลสูตรนี้เป็นเครื่องแสดงว่า ในพุทธศาสนานั้นแสดงมงคล ต้องการมงคลที่เป็นธรรมปฏิบัติ อันเป็นการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบดังกล่าว ไม่ได้มุ่งให้แสวงมงคลภายนอก หรือว่าเห็นมงคลภายนอกเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น จึงแสดงไว้ในที่นี้ว่า เป็นมงคลอันอุดมคือสูงสุด ซึ่งก็มีความหมายด้วยว่า แม้จะยังยึดถือในมงคลภายนอกนั้นอยู่ ก็มิได้ปฏิเสธทีเดียวว่า สิ่งที่ยึดถือเป็นมงคลภายนอกนั้นจะไม่เป็นมงคลเลย อาจจะเป็นมงคลได้ แต่ว่าไม่เป็นมงคลอันอุดม คือว่าไม่เป็นมงคลอันสูงสุด ที่จะเป็นมงคลอันอุดมคือมงคลอันสูงสุดนั้น ก็จะต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติที่แสดงไว้ในพระสูตรนี้ และเมื่อเป็นดั่งนี้ จึงจะได้รับมงคลที่เรียกว่าเป็นมงคลอันอุดมคือมงคลอันสูงสุด เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้จึงแสดงหลักปฏิบัติของพระพุทธศาสนา และก็เป็นเครื่องแสดงด้วยว่า แม้พุทธศาสนาจะไม่ยกย่องมงคลอย่างอื่นว่าสูงสุดนอกจากธรรมปฏิบัติอันถูกต้องดั่งนี้ แต่ก็มิได้กล่าวว่า มงคลอย่างอื่นนั้นไม่มี มงคลอย่างอื่นนั้นก็มีเหมือนกัน แต่ว่าไม่สูงสุด และมงคลที่ไม่สูงสุดนี้ เช่นที่เกี่ยวกับวัตถุ เช่นรูปที่ตาเห็น เสียงที่หูได้ยิน เป็นต้น ดังที่เรียกว่า ทิฏฐมงคล สุตมงคล มุตมงคล ตามที่กล่าวแล้ว ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องอาศัยหรือต้องใช้สอยเหมือนกัน คือวัตถุซึ่งทำให้เกิดความสุขทางกาย อันเนื่องมาถึงทางใจอันเป็นสิ่งที่ไม่มีโทษ ก็เป็นมงคลได้ตามควร แต่ว่าไม่เป็นมงคลอันอุดม เพราะฉะนั้น ทางพุทธศาสนาจึงแสดงธรรมที่เป็นสัจจะคือเป็นความจริง อะไรเป็นมงคลก็บอกว่าเป็นมงคล อะไรเป็นมงคลที่ไม่สูงสุดก็บอกว่าไม่สูงสุดแล้วมงคลที่เป็นสูงสุดคืออะไรก็ได้ตรัสชี้เอาไว้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปฏิบัติพุทธศาสนาแม้จะยังถือมงคลภายนอกเช่นวัตถุต่าง ๆ ก็ไม่พึงหลงถือแต่ว่าให้ถือในทางที่เป็นประโยชน์ เช่นเป็นประโยชน์ในทางใช้สอย ให้สำเร็จประโยชน์ในทางร่างกาย หรือให้สำเร็จประโยชน์ในจิตใจ ตามสมควร แต่แล้วก็ควรจะมาระลึกถึงมงคลทางพุทธศาสนาซึ่งเป็นมงคลอันอุดมเหล่านี้ และก็ตั้งใจปฏิบัติในมงคลเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้ และก็ควรคำนึงถึงด้วยว่า ข้อที่ตรัสสอนไว้ให้ปฏิบัติเหล่านี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นซึ่งจะต้องปฏิบัติ ถ้าหากว่าไม่ปฏิบัติก็จะทำให้เกิดความทุกข์ เดือดร้อนในโลกนี้ด้วย ในโลกอื่นคือโลกหน้าด้วย และจะตัดทางที่จะบรรลุถึงความสิ้นกิเลสและกองทุกข์ เพราะฉะนั้น หากจะไม่ปฏิบัติมงคลเหล่านี้ นอกจากจะไม่ได้รับความสุขแล้ว ไปปฏิบัติตรงกันข้ามก็จะยิ่งได้รับความทุกข์เดือดร้อนดังกล่าว ฉะนั้น ผู้ที่ฉลาดใช้ปัญญาพิจารณาจึงตั้งใจปฏิบัติในมงคลเหล่านี้ตามสมควร และพยายามส่งเสริมให้ปฏิบัติในมงคลเหล่านี้มากขึ้นเพื่อบรรลุถึงความสุขดังที่กล่าวมา และจะเป็นผู้ที่ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง บรรลุถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวงตามที่ตรัสเอาไว้