มุหูรตะ
บทที่ 1
ความสำคัญของฤกษ์ยาม
โดย อ.รัตน์-ศิระ นามะสนธิ
กาลหรือเวลาเป็นสิ่งมีค่าเหลือจะประมาณได้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเวลา ความเจริญก็อยู่ที่เวลาความเสื่อมก็อยู่ที่เวลา ข้อนี้เป็นความจริงที่ยืนหยัดดท้าทายให้พิสูจน์ได้ตลอดกาล เมื่ออำนาจในการสร้าง การพิทักษ์รักษา และการทำลาย อยู่ใต้อิทธิพลของเวลาเช่นนี้ เป็นการสมควรหรือไม่ที่จะปรึกษาอิทธิพลของพลังงานที่เกิดในสุริยจักรวาล และจักรวาลของดาวเคราะห์อื่นที่ได้รับอิทธิพลจากอาทิตย์ในการแจกจ่ายพลังงาน เพื่อหาทางดียิ่งในการแก้ไขปัญหาเรื่องอิทธิพลของเวลา
ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงเรื่องดาวเคราะห์สำแดงอิทธิพลต่อมนุษย์ เพราะเรื่องนี้มีในตำราเล่มอื่นแล้ว อาทิตย์เป็นมูลฐานทุกอย่างของการดำรงชีวิต อาทิตย์เองเป็นเจ้าการในเรื่องเวลา และอิทธิพลของอาทิตย์แผ่สร้านปกคลุมอยู่ในทุกระยะของเวลา พร้อมด้วยอำนาจของพลังงานสำหรับการสร้าง การพิทักษ์รักษา และการทำลาย มหาฤาษีสมัยโบราณได้เฝ้าสังเกตอิทธิพลของพลังงานนี้ และรวบรวมสิ่งที่ได้พบเห็นยกขึ้นเป็นสูตรไว้มากมาย ในคัมภีร์ที่ให้ชื่อว่ามุหูรตะ จังหวะของเวลาเป็นความสำคัญสำหรับสรรพสิ่งทั่วไปเนื้อแท้ชั้นที่หนึ่งของเวลาได้แก่ พลังงานธรรมชาติของดาวดาวที่อำนวยผลในจังหวะต่าง ๆ ของเวลา แต่ละจังหวะของเวลามีคุณสมบัติพร้อมมูลอยู่ในตัว การเจริญเติบโตและความเสื่อมสลายเป็นผลธรรมชาติในวงจรแห่งความหมุนเวียนของเวลา ฉะนั้นการประกอบกิจการใดก็ดีเช่น การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว ตลอดจนการเที่ยว การเล่น จึงต้องเลือกกระทำในเวลาที่เหมาระแก่กิจการนั้น เพราะว่าอิทธิพลแห่งพลังงานของอาทิตย์และดาวเคราะห์อื่นไม่ดำเนินอย่างสม่ำเสมอเพียงในระยะวันหนึ่ง ๆ ย่อมผิดแผกแตกต่างกันตามจังหวะของเวลา เช่น อิทธิพลของอาทิตย์ในเวลาเช้า บ่าย เย็น และเที่ยงคืน จะไม่ใช่อย่างเดียวกันในเรื่องความร้อน แสง อำนาจดึงดูด กระแสกระตุ้นเตือน การตื่นตัว ฯลฯ ฉะนี้มหาฤาษีจึงค้นคว้าหามูลเหตุดีร้ายในจังหวะหนึ่ง ๆ ของเวลาซึ่งเป็นความสำคัญพิเศษในความหมายของคำว่ามุหูรตะ ความแตกต่างกันระหว่างมุหูรตะและชะตากำเนิดมีอยู่ว่า เราพิจารณาผลในชะตากำเนิดจากฐานะและที่สถิตตายตัวของดาวเคราะห์เมื่อเกิด ซึ่งเป็นผลอดีตกรรมของเจ้าชะตาเอง หรือกล่าวได้อีกทางหนึ่งว่าดวงชะตะกำเนิดแสดงให้เห็นผลอดีตกรรมที่ตามติดมากับเจ้าชะตาตั้งแต่เกิด ซึ่งให้ผลแต่ร่างกาย จิตใจ การดำรงชีพ และปัจจัยประกอบอื่น ๆ การพิจารณาชะตากำเนิด พิจารณาด้วยหลักวิชาธรรมดาจากเครื่องหมายที่จารึกแทนดาวเคราะห์และสัญญลักษณ์อื่น ๆ ส่วนมุหูรตะมีความสำคัญกว่าในประการที่เราสามารถเลือกเอาจังหวะเวลาที่มีค่าสำหรับเรื่องภายหลังการเกิด ซึ่งสามารถปัดเป่า ทำให้เป็นกลาง ขัดขวาง หรือเอาชนะ แก่ผลร้ายที่แสดงอยู่ในชะตากำเนิด เครื่องหมายหรือสัญญลักษณ์ในชะตากำเนิดเพียงชี้ให้เห็นผลตายตัว ไม่มีกำหนดเปลี่ยนแปลงหรือขจัดปัดเป่าผลร้ายได้ ส่วนมุหูระตะเป็นสิ่งที่ให้กำหนดในการป้องกันและแนะนำให้ใช้ความกล้า ความพยายาม และการเสี่ยง ในเวลาหรือจังหวะที่เป็นศุภมงคล สามารถพลักดันผมร้าย และประสพความสำเร็จในผลดี นี่เป็นความสำคัญพิเศษของมุหูรตะ เพราะการเลือกจังหวะเวลาสำหรับความมุ่งหมายอย่างหนึ่ง ๆ จะต้องให้ได้จังหวะเวลาที่มีการไหวตัวในทางดีทุกอย่าง ที่เหมาะสมแก่ความมุ่งหมายนั้น ๆ เป็นจุดสำคัญ เพราะพลังงานที่เหมาะสมจะทำลายส่วนที่เป็นอวมงคลให้ไร้ค่าในการสำแดงผล
สมมุติว่าในชะตะกำเนิดแสดงให้เห็นความไม่สมบูรณ์สำหรับการศึกษา เพราะมีดาวร้ายอยู่ในเรือนที่ ๔ จากลัคน์และพฤหัสบดีเจ้าการ การศึกษา พุธเจ้าการความรู้และเชาว์ ถูกเบียน ฐานะเช่นนี้ของเรือนและดาวเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า เจ้าชะตาขาดการศึกษา เพราะผลกรรมแต่อดีตชาติ เรื่องอย่างนี้คัมภีร์มุหูรตะบรรยายว่าอุปสรรคในการศึกษาที่ชี้หมายในชะตากำเนิด จะให้อุปสรรคนั้นลดน้อยเบาบางบลงได้ โดยเริ่มต้นการศึกษาในเวลาที่เป็นศุภมงคลสำหรับการศึกษา อีกประการหนึ่งบสมมุติว่ามีดาวร้ายในเรือนที่ ๕ ซึ่งหมายถึงการสูญเสียบุตร มุหูรตะจะช่วยได้เป็นขั้นแรก โดยแนะนำให้ทำการสมรสในเวลาที่เป็นศุภมงคล สำหรับการสมรส ในขณะเมื่อรังษีที่กระจายจากดาวเคราะห์มีกำลังแรงพอที่จะตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจของผลร้าย ในเรื่องการเกิดและการรอดชีวิต ซึ่งอย่างน้อยก็ประกันการมีบุตรและให้บุตรมีชีวิตได้อยู่บ้าง ฉะนั้นมุหูรตะช่วยตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงผลร้ายได้กว้างขวาง แต่ขอเตือนอย่าให้นักศึกษาหลงคิดว่า มุหูรตะเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องทรัพย์สินและความสุขทั้งมวล มุหูรตะเพียงให้เรารู้ได้ว่าควรจะทำการอย่างใดเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลวซึ่งอาจมีขึ้นเท่านั้น
ผลสำเร็จหรือความล้มเหลวของมนุษย์เป็นเรื่องธรรมชาติของการดึงดูดและการผลักดัน ระหว่างมนุษย์กับวัตถุที่มนุษย์เกี่ยวข้องหรือกระทำอยู่ทุกเมื่อทุกวัน มุหูรตะจำกัดขอบเขตว่าขณะใดเป็นเวลาที่มีค่าสำหรับกิจการอย่างใด โดยคัดเลือกจังหวะดำเนินงานแต่ละอย่างให้สอดคล้องต้องกันกับแต่ละชนิดของอิทธิพลแห่งดาวเคราะห์ อาศัยการพิจารณาจากการผูกดวงในเวลาที่ต้องการ แล้วนำดวงที่เรียกว่าดวงฤกษ์นั้นมาเปรียบเทียบกับดวงกำเนิดของผู้ประกอบกิจการ ก็จะได้ฤกษ์ยามที่ได้ผลสมบูรณ์
บทที่ 2
ข้อแนะนำทั่วไป
การกำหนดเวลาที่ให้ผลดีหรือที่เรียกว่าหาฤกษ์ โหราศาสตร์ภารตะถือเอาสภาพของจันทร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการให้ผล จันทร์เป็นเจ้าการจิตใจและการยับยั้งชั่งใจ ที่สถิตของจันทร์ในดวงฤกษ์ต้องมีศักดิ์หรือกำลัง โดยเฉพาะยิ่งกว่านั้นการหาฤกษ์ต้องสัมพันธ์กับการพิจารณาชะตากำเนิดให้ถี่ถ้วนด้วย ถ้าชะตากำเนิดแสดงถึงบาปผลมากมาย มุหูรตะหรือฤกษ์ยามก็ไม่อาจจะประกันได้ว่าจะเป็นผลดี ความจริงกำลังที่มีอยู่ในชะตากำเนิดสามารถป้องกันเจ้าชะตา ไม่ให้เสียประโยชน์ ในเวลาที่โชคอำนวยอยู่แล้ว หรืออย่างดีที่สุดโอกาสที่จะล้มเหลวค่อนข้างน้อยเต็มที ดังนั้นการให้ฤกษ์มีส่วนประกอบที่จะต้องพิจารณาคือชะตากำเนิดมีกำลังเต็มที่หรือไม่ ในการให้บาปผลที่ร้ายแรงพอจะลบล้างโอกาสสำหรับผลสำเร็จที่แสดงในดวงฤกษ์ ถ้าผู้ขอฤกษ์ไม่รู้ชะตากำเนิด วิธีดีที่สุดให้หาจันทร์กำเนิดด้วยชื่อของผู้ขอฤกษ์จากนามนักษัตร (ดูท้ายเรื่อง) จะได้ฤกษ์และบาทฤกษ์ที่จันทร์เสวยซึ่งจะให้หาราศีจันทร์กำเนิดได้ แล้วตรวจดูผลสัมพันธ์ของนักษัตร (บทที่ ๓)
หลักสำหรับให้ฤกษ์แก่ผู้ไม่รู้เวลาเกิด โหราศาสตร์ถือเอาการรู้ความจริงจากผลสัมพันธ์ของนักษัตรจันทร์กำเนิดกับนักษัตรจันทร์ปัจจุบัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงชะตากำเนิดว่าจะมีกำลังหรือไม่
ส่วนความสำคัญที่ว่าผลของดวงฤกษ์ขึ้นอยู่แก่แนวทางที่เป็นลักษณะของบาปผลหรือศุภผลและกำลังที่มีในชะตากำเนิดนั้น ในที่นี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องรู้รายละเอียด และที่ตำราโบราณได้บรรยายสัมพันธภาพให้กำลังแก่ดวงฤกษ์ โดยทำให้ดวงฤกษ์มีอิสระในการให้เจ้าชะตาได้รับผลของอิทธิพลแห่งชะตากำเนิด รายละเอียดทั้งนี้จะได้กล่าวในโอกาสต่อไป
การหาฤกษ์หรือกรทำดวงฤกษ์ทางโหราศาสตร์ให้ได้ถูกต้อง จำเป็นต้องอาศัยความรู้จากปฏิทินโหราศาสตร์ ปฏิทินโหราศาสตร์ที่ดีนอกจากมีสผุตดาวเคราะห์ประจำวันและรายละเอียดอื่น ๆ ยังมีส่วนประกอบสำคัญ ๕ อย่างในการหาฤกษ์คือ (๑) ดิถีหรือวันจันทรคติ (๒) วาระหรือวันสัปดาห์ (๓) นักษัตรหรือดาวฤกษ์ (๔) นักษัตรโยคหรือจันทร์เป็นโยคกับนักษัตรในสุรยบถ (๕) กะระณะหรือนักษัตรกาลครึ่งของวันจันทรคติ
นักศึกษาควรเรียนรู้ให้เคยชินกับหลักวิชาเหล่านี้ โดยมากความสำคัญเกือบทั้งหมดอยู่ในเรื่องของจันทรคติ นักษัตร และวาระ คาดหมายกันว่าทั้ง ๕ สาขานี้เป็นตัวแทนแหล่งกำเนิดของพลังงานที่บางอย่างเห็นได้และบางอย่างไม่อาจเห็นได้ ถ้าเรากำหนดหรือหาฤกษ์ได้ถูกต้องพอสมควร ท่านว่าช่วยให้เกิดผลแก่สุขภาพและความไพบูลย์
๑) ดิถี เป็นระยะโคจรสัมพันธ์ของอาทิตย์และจันทร์ที่ต่างกันในทีฆันดรในระยะสูดสุดถึง ๑๒ องศา ดิถีเป็นวันสำคัญสำหรับประกอบพิธีกรรมในทางศาสนาหลายศาสนา จึงเป็นวันสำคัญที่สุดในการปฏิบัติกิจการอื่นด้วย และการพิจารณาส่วนสำคัญของมุหูรตะหรือฤกษ์ยาม โดยมากอาศัยพิจารณาที่ดิถี หรือนัยหนึ่งว่าแสดงพลังงานของจันทร๋และพิสูจน์ได้ว่าพลังงานของจันทร์อย่างเดียวกับพลังงานของจิตใจ ฉะนั้นการรู้ละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องการโคจรของจันทร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของดิถี ท่านว่าเป็นผลให้เกิดทรัพย์สิน
๒) วาระ เป็นวันธรรมดาของสัปดาห์ วันสัปดาห์วันหนึ่งได้ชื่อตามชื่อของดาวเคราะห์หนึ่งสอดคล้องต้องกันตามวิธีดาราศาสตร์ ท่านว่าวันที่ได้ชื่อตามดาวเคราะห์ใด ดาวเคราะห์นั้นเป็นดาวเคราะห์เด่นในวันนั้น
๓) นักษัตร นักษัตรเป็นที่หมายของวงจรในจักรราศีมี ๒๗ นักษัตร หรือเรียกว่าเรือน (คฤห) ของจันทร์ ขอบเขตของนักษัตรอาศัยกำหนดจากเวลาจริงที่จันทร์โคจรได้ ๑๓ องศา ๒๐ ลิบดาของสุริยวิถี นักเริ่มต้นจากจุดแรกของจักรราศีนักษัตรเสมอ ดาวนักษัตรกลุ่มใดมีกำลังมากในการส่งรังษีที่เป็นพลังงานแผ่เข้าในอากาศ เมื่อจันทร์โคจรผ่านและสัมพันธ์กับรังษีนี้ก็มีอิทธิพลพิเศษส่งผลสะท้อนสู่พื้นปฐพี
๔) โยค โยคนี้ได้ชื่อว่านักษัตรโยคเป็นระยะสัมพันธ์ของอาทิตย์และจันทร์ในทีฆันดร ในระยะ ๑๓ องศา ๒๐ ลิบดาที่จันทร์สัมพันธ์กับรังษีของนักษัตรหนึ่ง ปฏิทินโหราศาสตร์ที่ดีแสดงให้รู้ระยะของนักษัตรโยคประจำวันว่าสิ้นสุดลง ณ เวลาใด นักษัตรโยคประจำวันว่าสิ้นสุดลง ณ เวลาใด นักษัตรโยคมี ๒๗ คือ
(๑) วิษฏัมภ-อันตราย กีดขวาง
(๒) ปรีติ-ยินดี ปรีดา
(๓) อายุษมัน-การมีชีวิตอยู่
(๔) เสาภาคย-มงคล บุญโยทัย
(๕) โสภณ-งาม สุกใส
(๖) อติคัณฑ-วีรบุรุษใหญ่ยิ่ง
(๗) สุกรรม-บุณย ทำความดี ขยัน
(๘) ธริติ-หนักแน่น ธรณี
(๙) ศูละ-เบียดเบียน อาวุธ มฤตยู
(๑๐) คัณฑ-องอาจ วีรบุรุษ
(๑๑) วฤทธิ-สุข ลาภ ทรัพย์
(๑๒) ธรุว-มั่นคง ถาวร
(๑๓) วยาฆาตะ-อุปสรรค สังหาร
(๑๔) หรรษณ-ยินดี ปรีติ
(๑๕) วัชร-เข้มแข็ง เพชร
(๑๖) สิทธิ-ความสำเร็จ
(๑๗) วยาฑิปัฏฏหรือวยะปาฑะ-เจตนาร้าย หัก พัง ทำลาย ตาย
(๑๘) วรียัส-ใหญ่ยิ่ง
(๑๙) ปริฆะ-การฆ่า คฑาเหล็ก
(๒๐) ศิวะ-ปรมคติ
(๒๑) สิทธ-สมบูรณ์ ปราชญ์
(๒๒) สาธยะ-ความสำเร็จ
(๒๓) ศุภะ-สุข มงคล โชคดี
(๒๔) ศุกละ-เงิน สีขาว
(๒๕) พรหม-ความรู้ที่เป็นปุณยะ
(๒๖) อินทร-เจ้าสรรค์
(๒๗) วยธรูติ-ก้าวหน้า มั่นคง
โยคแสดงการร่วมของอิทธิพลที่ทำให้ร่างกายมีกำลังเข้มแข็ง กำจัดปัดเป่าเชื้อโรคร้าย ช่วยให้มีสุขภาพและชีวิตสมบูรณ์ในกาลของโยค
๕) กะระณะ สุดท้ายได้แก่กรณหรือครึ่งของวันจันทรคติ ในความหมายของเวลาในระยะ ๖ องศาทวีคูณระหว่างอาทิตย์กับจันทร์ กรณหรือนักษัตรกาลมี ๑๑ กรณ
(๑) ปะวะ-ความบริสุทธิ์
(๒) พลวัต-กำลัง อำนาจ
(๓) เกาลวะ-กำเนิดดี กุลชาติ