มะเร็ง คุณคิดว่ามาจากไหน

รายละเอียด: หมวด: สุขภาพ-อายุรเวท-ยาไทย-จีน; อัปเดตล่าสุดเมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2561; จำนวนผู้อ่าน: 11147

canner 2

เมื่อก่อนเราก็มักได้รับความเชื่อที่ว่า กินอาหารปิ้งย่าง สูบบุหรี่แล้วเป็นมะเร็ง ต่อมาก็เชื่อว่าผักผลไม้ที่มีสารเคมีตกค้างก็ก่อให้เกิดมะเร็ง อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง สารกันบูด ผงชูรสปลอม ฯลฯ และต่อ ๆมาก็มีผลวิจัย พบว่ามีสารอะไรนับพัน ๆ ชนิดที่สามารถก่อมะเร็งได้ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ

ในยุคนี้อาจจะเรียกว่ายุคแห่งมะเร็ง โรคร้ายที่บรรพบุรุษเราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน แต่ ในสมัยโบราณแพทย์แผนโบราณของฝรั่งพบว่าคนที่เป็นมะเร็งมักจะเกิดกับคนที่เกิดในช่วง 15 กรกฎาคม-15 สิงหาคม ซึ่งดวงอาทิตย์โคจรในราศีกรกฏ ก็เลยเรียกโรคแปลกๆพวกนี้ว่า โรคราศีกรกฏ หรือโรค Cancer นี้คือที่มาของ ชื่อที่สัมพันธ์กับราศีกรกฏซึ่งเป็นราศีธาตุน้ำ (ราศีต้นธาตุ) ซึ่งหมายถึงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แม่น้ำ ทะเลสาป และทะเล ไปจนถึงมหาสมุทร

มะเรงตอมลกหมาก

ผมเคยมีประสบการณ์รักษาดูแลผู้ป่วยมะเร็งหลายคน ในช่วง 2-3 ปีนี้ ปรากฏว่ามีรายหนึ่ง ไม่พบพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเลย คุณป้าท่านนี้อายุ 60 กว่าปีเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งตับ พร้อม ๆกัน ผมดูแลรักษาประคองอาการได้แค่ 2ปี ตลอดที่ผมดูแลอยู่ก็ซักถามประวัติการกินอยู่ของท่าน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับท่านที่ต้องการรู้เหตุผลที่แท้จริง

ปรากฏว่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายสมควรแก่ฐานะและอัตภาพ อยู่บ้านนอกทำไร่ทำนา ไม่เคยโกรธโมโห หรือเครียด แบบคนในเมืองอาหารการกินนับว่าเป็นคนที่กินยากคนหนึ่ง เพราท่านไม่กินของหวาน ของมัน เนื้อสัตว์ ทานแต่ปลาในคลองใสสะอาดแถวหมูบ้านเท่านั้น นอกจากนี้ท่านก็ไม่ทานของหมักดองแบบชาวบ้านที่ชอบกินกันกัน เช่น กะปิ ปลาร้า ก็ไม่ทาน อาหารกระป๋องของดองเค็มก็ไม่ชอบทาน แต่ชอบทานผักสดจิ้มน้ำพริกที่ตำเสร็จใหม่ๆ ท่านกินไข่บ้างแต่ไม่บ่อย แต่ก็สุขภาพีมาจนอายุ 50 กว่า ก็เป็นนิ่วในไต เหตุทีเป็นก็เพราะทางบ้านนอก ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ๆไม่มีน้ำประปาใช้ ก็กินกันแต่น้ำบ่อ ซึ่งเป็นน้ำบ่อสำหรับดื่มและทำอาหารโดยเฉพาะ น้ำบ่อมีรสหวานละมุน ดื่มแล้วสดชื่นใจไม่เหมือนน้ำประปา แต่น้ำบ่อก็แค่เป็นสาเหตุของการเกิดนิ่วเท่านั้น

ปรากฏว่าในหมูหมู่บ้านของท่าน ซึ่งห่างไกลจากตัวเมือง คนมีอายุเริ่มตายด้วยโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น แม้แต่คนใกล้บ้าน สุดท้ายท่านก็เป็นเหมือนกับชาวบ้านทั้งนี้ สาเหตุมาจากการกินอยู่ที่ไม่ถูกสุขลักษณะตามที่เราเชื่อกันหรือ เปล่าเลย แล้วมะเร็งมันมากจากไหน

มะเรงปากมดลก

ตามชนบทเลี้ยงชีพด้วยเกษตรกรรมทำนาปลูกข้าว แถมปลูกผักนำมาขายในเมือง ที่เรารู้ๆกันก็คือมีการใช้สารฆ่าแมลง ยาปราบวัชพืชและปุ๋ยเคมีจำนวนมากในแต่ละช่วงของการเพาะปลูกตลอดทั้งปี และเมื่อฝนตกชะล้างยาและปุ๋ยเคมีเหล่านั้น ก็ลงไปในน้ำหนองคลองบึง ตลอดจนซึมลึกลงไปในธารน้ำใต้ดิน ที่เป็นแหล่งน้ำดื่มของชาวบ้านเมื่อกินดื่ม นำมาทำอาหาร ก็ย่อมได้รับสารเคมีนี้โดยตรง สะสมมาเป็นแรมปี นี่แหละคือสาเหตุที่แท้จริง ของ มะเร็งที่มาจากน้ำ หรือ ราศีกรกฏ

ที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าสารเคมีอยู่เพียงแค่น้ำบ่อ น้ำใต้ดิน น้ำชลประทาน แต่มันแพร่ไปถึงแม่น้ำทุก ๆสาย ทั้งหนองคลองบึง จนเป็นสาเหตุให้สัตว์เล็ก ๆหลายชนิดสูญพันธ์ไปจนเกือบหมดและมาก็มาถึงตัวเราอย่างง่ายเพียงผ่านท่อน้ำประปาที่เรากินเราใช้อยู่ทุกวัน ที่เราไม่เคยได้ตระหนักเลยว่า มฤตยูร้ายนั้นอยู่ภายในบ้านเราเอง ทุก ๆบ้าน

การผลิตน้ำประปานั้น ไม่สามารถกำจัดสารเคมีตกค้างจาก อุตสาหกรรมเคมีการเกษตรที่มีอยู่มหาศาล ในทุกภาคของประเทศ มักมากจนเกินไป จนเกินกว่าร่างกายจนกำจัดได้ทัน เพราะมันมาจากน้ำที่เรากินดื่ม นำมาต้มยำทำแกงอยู่ทุก ๆวัน และแม้แค่คลอรีนที่ใช้กำจัดเชื้อโรคในน้ำประปาก็เป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง เมื่อเรารู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว ก็จงตระหนักในอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราและคนในครอบครัว แม้ว่าคุณจะไม่สูบบุหรี่คุณก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งปอด แม้นคุณจะไม่ทานอาหารปิ้งย่าง สุกๆดิบๆคุณก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งตับ ฯลฯ เพราะสาเหตุจริง ๆมันมาจากน้ำต่างหาก

ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 70 ในเลือดมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 92 ในสมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 85 ถ้าพิจารณาในแต่ละเซลล์จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบร้อยละ 60 คุณลองคิดดูว่าถ้าคุณบริโภคน้ำที่สารก่อมะเร็งลงไปวันละ 1.5-3 ลิตร / วัน คุณคิดว่าเซลล์ที่มีน้ำผสมสารเคมี ยาฆ่าแมลง หรือสารก่อมะเร็งอื่นๆเป็นส่วนประกอบ เซลล์เหล่านั้นจะสามารถกลายพันธ์เป็นมะเร็งได้เร็วแค่ไหน บางคนอายุไม่ถึง 20 ก็เป็นมะเร็งกันแล้ว แล้วเราจะสามารถป้องกันมันได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่มีความรู้เกี่ยวเรื่องน้ำที่เราดื่มเราใช้ในทุกๆวัน ว่ามันมีส่วนผสมอะไรบ้าง

ขอจงช่วยแชร์กันออกไป เพื่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารที่ปลอดจากสารเคมี และกระตุ้นเตือนให้ทุกคนรู้ว่าผลผลิตทางการเกษตรและอาหารที่ได้มาจำนวนมากนั้น มันไม่คุ้มกับชีวิตและสุขภาพของทุก ๆคนในประเทศนี้ สุดท้ายพวกเราจะต้องสูญพันธ์ไปจนเกือบหมด เหมือนไดโนเสาร์ฉะนั้นแล

โรคมะเรงเตานม