ชาติภูมิแห่งพระผู้สถาปนาอริยะบรรพต (หลิงจิวซาน ไต้หวัน)
พระธรรมาจารย์ซินเต้า ถือกำเนิดในตระกูลชาวนาครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอยู่อาศัยบริเวณเชิงเขาในประเทศพม่า เมื่ออายุได้ 4ขวบ ก็ได้ลิ้มรสแห่งความเป็นอนิจจัง และความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต ท่านได้สูญเสียบิดามารดาทั้งสองท่านไปในระหว่างสงคราม ทำให้ชีวิตในวัยเยาว์อันสุดแสนจะรันทด ก็ต้องทนเดินทางเร่ร่อนพเนจรไปกับน้าเขยอยู่นานนับแรมปี
จวบจนเมื่ออายุได้ 9 ขวบ จึงได้อาศัยหยุดอยู่ ณ. หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง และได้มีวาสนาพบเห็นพระอริยเจ้าซึ่งได้บรรลุอรหันต์รูปหนึ่ง สำแดงปาฎิหาริย์ให้ประจักษ์แก่สายตาทำการเดินบนผิวน้ำในสระน้ำแห่งหนึ่ง โดยเท้าทั้งสองมิได้เปียกน้ำเลยแม้แต่น้อย นับแต่นั้นมาท่านจึงได้เกิดความตั้งใจปรารถนาที่จะมีอิทธิฤทธิ์ดั่งพระอรหันต์องค์นั้นให้ได้เมื่อเจิญวัยขึ้น
เมื่อท่านอายุได้ 15 ปี ก็มีโอกาสได้ยินเสียงสวดสรรเสริญพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวนอิม)เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งแม้จะเป็นเพียงการได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรก ก็ได้ทำให้ท่านได้เกิดความรู้สึกและสัมผัสรับรู้ถึงมหาปณิธาณแห่งความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ในพระนามนั้น จนเกิดมหาศรัทธา มหาปิติกระทั่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องร่ำไห้ออกมา แล้วจึงได้เริ่มตั้งปณิธานไม่ขอเบียดเบียนสรรพชีวิต งดเว้นอาหารเนื้อสัตว์นับแต่บัดนั้น
อายุ 16 ปีได้แสดงปณิธาณอันแน่วแน่ที่จะโปรดสรรพสัตว์ โดยการสักอักษรไว้ที่แขนทั้งสองข้างความว่า”มุ่งมั่นบรรลุธรรมบูชาคุณพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หากไม่สำเร็จพุทธะข้าฯจะไม่ขอหยุดพัก”
ครั้นล่วงถึงวัยเบญจเพส(อายุ๒๕ปี) ก็ได้อุทิศตนเข้าบรรพชาอุปสมบทในบวรพุทธศาสนา และเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์เย่หลิน เมื่ออายุได้ ๒๖ ปีจึงตัดสินใจใช้การบำเพ็ญสมาธิภาวนาเพื่อขัดเกลากิเลสอย่างจริงจัง โดยการเก็บตัวนั่งสมาธิภาวนา วันหนึ่งๆจะบำเพ็ญสมาธิภาวนาไม่ต่ำกว่าวันละ ๑๘ ชั่วโมงขึ้นไป และฉันอาหารเจเพียงวันละ ๑ มื้อ กลางคืนอฐิษฐานจิตไม่ยอมนอน ก็เพื่อหวังที่จะ หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวล
จากนั้นก็เร่งความเพียรบำเพ็ญมากขึ้นโดยการสมาทานโสสานิกังคะธุดงค์ อาศัยอยู่ในสุสาน ณ วัดโบราณหยวนหมิง และป่าช้าสถูปอัฐิ เขตซื่อจื่อหลุน ฯลฯ จากการที่ท่านได้ทำการจาริกธุดงค์ก็ได้พิจารณาและได้มองเห็นถึง ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ของสรรพสิ่ง ท่ามกลางความตายในสุสานสานทั้งหลาย ก็ได้บรรลุถึงความปล่อยวาง
เมื่อครั้งบำเพ็ญธรรม ณ ในถ้ำซึ่งสร้างดุจดังภาพมายา ในเขตยี่หลัน ท่านพระธรรมมาจารย์ในเวลานั้นอายุล่วงได้ ๓๕ปีแล้ว ก็เริ่มบำเพ็ญทุกขเวทนาอย่างอุกฤษฎ์มากจนถึงขั้นละเว้นจากการฉันอาหารทุกชนิด ก็เพื่อที่จะพัฒนาภูมิธรรมในขั้นสูงขึ้นไป