ปรัชญาปารามิตาหฤทัยสูตร (พระสูตรว่าด้วย แก่นแท้แห่งมหาปัญญาสู่ความรู้แจ้ง)
หมายเหตุผู้แปล เนื่องจากพระสูตรนี้นับเป็นหัวใจและแก่แท้ของปรมัตถ์ธรรมขั้นสูงยิ่ง เป็นปัญญาญาณขั้นปรัมัตถ์เข้ากันได้ทั้งฝ่ายมหายานและเถรวาท และมีหลายๆสำนวนแปลที่เคยแปลมาก่อนหน้านี้ แต่สำนวนของผมเป็นสำนวนแปลตามความเข้าใจและความรู้สึกของผมเอง โดยเน้นแปลที่อรรถะตามความหมายที่เข้าใจ และบางครั้งไม่แปลตามพยัญชนะ ตัวอักษรทั้งหมด ดังนั้นมิควรนำสำนวนแปลนี้ไปเปรียบเทียบกับท่านอื่นๆที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ที่แปลได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามสามารถนำไปเผยแพร่ได้ตามความเหมาะสมและไม่สงวนสิทธิ์ใดใด ขอแต่เพียงแจ้งว่า สำนวนที่แปลนี้ เป็นการแปลตามความเข้าใจและความต้องการอยากแปลให้เข้าใจง่ายเท่านั้น ทั้งนี้ย่อมมีข้อผิดพลาดมากอยู่
อริยาวโลกิเตศวาโร โพธิสัตตโว คัมภีรํ ปรัชญาปารมิตา จารยํ จารมโน วยาวโลกยาติ สมา ปัญจะ สกันธัส (ขันธะ) ตัมส จะ สว ภว ศุนยํ
观自在菩萨 行深般若波罗蜜多时, 照见五蕴皆空 度一切苦厄
ในสมัยหนึ่งพระพุทธองค์ประทานเทศนาแด่พระสารีบุตร กล่าวถึงการบำเพ็ญธรรมของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ดังนี้ว่า
“ พระอวโลติเกศวรโพธิสัตว์(กวนอิม) ขณะบำเพ็ญวิปัสนาญาณแล้วบังเกิดปัญญาญาณอันยิ่ง เพ่งพิจารณาในขันธ์ ๕ ทั้งปวงแล้วรู้ชัดด้วยปัญญาญาณว่า ขันธ์ ๕ ทั้งหลายล้วนคือความว่าง คืออนัตตา คือความเป็นศูนย์ หากสรรพสัตว์ทั้งหลายมีปัญญาเห็นตามดังนี้ ย่อมข้ามพ้นซึ่งทุกข์ทั้งปวง”
ปัศยาติ สมา อิหา ศารีปุตระ รูปํ ศุนยตา วะ รูปํ รูปํ นะ ปฤถัก
ศุนยตา ศุนยตายะ นะ ปฤทัก รูปํ ยัท รูปํ สะ ศุนยตา ยะ ศูนยตายะ สะ รูปํ
เอวัม เอวะ เวทนท สังชญา (สัญญา) สังสการา (สังขาร) วิชญานัม (วิญญาณ)
舍利子,色不异空 空不异色,色即是空 空即是色,受想行识 亦复如是
ดูกร! สารีบุตร รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่างไม่ต่างจากรูป รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป แม้ที่สุด เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณก็ล้วนว่างเปล่า
อิหา ศารีปุตระ สารวะ ธารมะ ศุนยตา ลักษณะ อนุตปัณณะ อนิรุทธะ อวิมาละ อนูนะ อปาฤปูฤณะ ตัสมา ศารีปุตร ศุนยตายํ
舍利子,是诸法空相 不生不灭,不垢不净 不增不减,
ดูกร สารีบุตร ธรรมทั้งปวงล้วนว่างเปล่า ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มัวหมอง ไม่ผ่องแผ้ว ไม่มีเพิ่ม ไม่มีลด
นะ รูปํ นะ เวทานา นะ สังชญา นะ สังสการ นะ วิญญาณ นะ จักษุ โสรตัม นะ ฆราน ชิว กาย มน นะ รูป ศัพท คันธ รส ศปิสตาวยา ธารมา นะ จักษุ ธาตุ ยะ วัน นะ มโน วิชญาณัม ธาตุ
是故空中无色 无受想行识,无眼耳鼻舌身意 ,无色声香味触法
无眼界 乃至无意识界
ดังนั้นด้วยเหตุนี้ ในความว่างย่อมไม่มีรูป ไม่มีเวทนา ไม่มีสัญญา ไม่มีสังขาร ไม่มีวิญญาณ และย่อมไม่มีการสัมผัสรับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงไม่มีรูป ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง ไม่มีการรับรู้ทางสัมผัสและธรรมารมณ์ ย่อมไม่เกิดจักษุวิญญาณ ฯลฯ จนกระทั่งที่สุดย่อมไม่มีมโนวิญญาณ (เกิดขึ้น)
นะ วิทยา นะ วิทยา กศโย ยะ วัน ชรามรณัม นะ ชรามรณัม กศโย นะ ทุกข สมุทย นิโรธ มฤคาชณ นะ ชญานัม นะ ปราปติ นะ ภิศมายะ ตัสมา นะ ปราปติ
无无明 亦无无明尽
乃至无老死 亦无老死尽
无苦集灭道 无智亦无得 以无所得故
ไร้ซึ่งอวิชชา และไร้ซึ่งที่สุดแห่งอวิชชา (วิชชา) ไร้แม้กระทั่ง ชาติ ชรา มรณะ และที่สุดแห่งชาติ ชรา มรณะ ไร้ความทุกข์ (ทุกข์) ไร้เหตุแห่งทุกข์(สมุทัย) ไร้การดับทุกข์(นิโรธะ) ไร้หนทางที่ดำเนินไปสู่ทางดับทุกข์ (มรรค) ไร้ปัญญา ไร้การบรรลุ เพราะไม่มีอะไร(จะ)ให้บรรลุ
ตวัท โพธิสัตตวะ ปรัชญาปารมิตา อศฤตยา วิหาระ ตยา จิตตา วรโน
นะ สิทธิตวัท อตรัสโต วิปา ฤยส ติ กรานโตนิ สถา นิรวานะ ตยา ธยา วยาว สถิตา
สาระ พุทธา ปรัชญาปารมิตัม อศฤตยาอนุตตรํ สัมยักสัมโพธิง อภิสัมพุทธา
菩提萨陲 依般若波罗蜜多故,心无罣碍 , 无罣碍故, 无有恐怖,远离颠倒梦想 究竟涅盘,三世诸佛 依般若波罗蜜多故
得阿耨多罗三藐三菩提
พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ด้วยเหตุที่ได้ดำเนินตามมหาปัญญาอันเป็นปรมัตถ์นี้(ปรัชญาปารามิตา) จิตย่อมไม่วิตก(กังวล) เพราะจิตไม่วิตกกังวล(สับสนมืดมัว) จิตจึงมี(ความตั้งมั่น)ไม่หวาดหวั่น (ย่อมเป็นผู้)ห่างไกลจากมิจฉาทิฐิทั้งปวง มีพระนิพพานเป็นที่สุด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายแม้ในอดีต ปัจจุบัน และจักมีในอนาคต ล้วนอาศัยเหตุของการดำเนินตามและพิจารณาด้วยปัญญาอันยิ่งนี้ (ปรัชญาปารามิตา) ด้วยความเห็นตรงเยี่ยงนี้ (สัมมาทิฐิ ) (ตามข้างต้นนี้แล้ว) จึงได้บรรลุสู่ญาณแห่งความรู้แจ้งอันสูงสุด ซึ่งไม่มีสิ่งใดยิ่งกว่า (อนุตรสัมมาสัมโพธิญาน)
ตา สมา ชญตา วยัม ปรัชญาปารมิตา มหามันตรัม มหาวิทยามันตรัม
อนุตตรมันตรัม อสมสมา มันตรัม สารว ทุกขา ปรสามานัม สัตยํ อมิตยัทวัท
ปรัชญาปารมิตายัม อุทโท มันตรา ตัทยาถา
故知般若波罗蜜多 ,是大神咒 是大明咒 是无上咒 ,是无等等咒 能除一切苦 真实不虚, 故说般若波罗蜜多咒,即说咒曰 :
(ด้วยเหตุนี้ๆ) จงทราบไว้ว่า “ปรัชญาปารามิตา”เป็นมหาศักดาธารณี(มนต์) เป็นมหาวิทยาธารณี(มนต์) เป็นอนุตรธารณี (มนต์)เป็นอสมธารณี(มนต์) สามารถดับสรรพทุกข์ทั้งหลายให้หมดสิ้นไปได้ ด้วยสัตยาทิษฐาน(สัจจะอันไม่เป็นเท็จ)นี้ ฉะนั้นจึงได้ประกาศ “ปรัชญาปารามิตามหาธารณีมนต์”ดังนี้
คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิ สวาหา
揭谛揭谛 波罗揭谛,波罗僧揭谛 ,菩提娑婆诃
(ไป ไป ไปสู่ฝั่งโน้น ฝั่งแห่งพุทธะ ฝั่งพระนิพพาน สวาหา)
………………………จบปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร…………….๑๘ เมษา ๒๕๕๒ เวลา๑๐.๑๘ น. Astro Neemo