ผลของดาวอาทิตย์ สถิตย์ร่วมราศีกับดาวต่างๆ
สุริยะเทพ ดาวอาทิตย์ เป็นดาวแห่งแสงสว่างและพลังงานให้กับดาวทุกดวงในจักรวาลนี้ ดาวอาทิตย์ในทางโหราศาสตร์ หมายถึง ร่างกาย อัตตา ตัวตน และทำหน้าที่คล้ายกับเป็นลัคนาประเภทหนึ่งซึ่งบ่งบอกเกี่ยวลักษณะทางกายภาพของเจ้าชะตาในทางกลับกันดาวจันทร์ก็ทำหน้าที่คล้ายลัคนาประเภทหนึ่งเช่นกัน ซึ่งแสดงถึงจิตใจและความรู้สึก อารมณ์ของเจ้าชะตา **ผลของดาวอาทิตย์ สถิต ร่วมกับดาวต่างๆ มีดังนี้
ดวงอาทิตย์ + ดาวพุธ::::::: มักทำให้คนฉลาด ชอบการเรียนรู้ทุกๆอย่าง มั่นใจในตัวเองและประสบความสำเร็จในการสร้างอาชีพของตน
ดวงอาทิตย์ + ดาวอังคาร:::::: หุนหันพลันแล่น มีอารมณ์แปรปรวน สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและมีชื่อเสียง แต่คนอื่นไม่ค่อยสนับสนุน
ดวงอาทิตย์ + ดาวพฤหัสบดี::::: พูดจาดี มุ่งเน้นในอาชีพการงานได้ดี เป็นคนชอบอวดดีและเห็นแก่ตัว ...มักเกิดความเข้าใจผิด และส่งผลเสียด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือ คนใกล้ตัว
อาทิตย์ + ดาวศุกร์::::: มีความคิดสร้างสรรค์ การงานดีมียศศักดิ์ มีปัญหาความรัก ขาดความมั่นคงในอาชีพการงานหรือเรื่องการเงิน..
อาทิตย์ + ดาวเสาร์::::: บุคลิกภาพที่สง่างาม
มีชื่อเสียงที่ดีในสังคมและอาชีพการงาน หากดาวคู่นี้ใกล้กันมากเกินไป (ดาวดับ)
จะต้องเผชิญกับความยากลำบากก่อนที่จะได้ความสำเร็จจากหน้าที่การงาน
อาทิตย์ + ราหู:::: ได้ผลกำไรทางการเงิน มีชื่อเสียง ชาญฉลาด แต่ขาดความมั่นใจในตนเอง
อาทิตย์ + เกตุ::::: มีพลังแห่งปัญญาญาณ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ชีวิตการทำงานลุ่มๆดอน ขาดความมั่นใจในตนเอง
โดยทั่วไปแล้วนี่เป็นการกล่าวโดยกว้างๆ ..ควรตัดสินจากดวงชะตาส่วนบุคคลเป็นหลักว่ามีดาวอะไรมาสถิตเพิ่มร่วมด้วย หรือแม้กระทั่งได้รับโยคเกณฑ์จากดาวในราศีอื่นที่ส่งเกณฑ์มาถึง ควาหมายก็จะเปลี่ยนไปตามพลังดาวที่ส่งเกณฑ์มาร่วม เพื่อลดทอน หรือ ส่งเสริม หรือแม้กระทั่งทำให้ความหมายเปลี่ยนไป
ทำไมคัมภีร์โบราณ ไม่แม่นยำ
แต่ทำไมในคัมภีร์เขียนผลของดาวต่างๆที่ทำโยคเกณฑ์ต่อกันคล้ายๆแบบนี้ไว้ แต่กลับไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะการพิจารณาดาวโยคเกณฑ์ต่างๆในดวงชะตา แม้ในคัมภีร์จะกล่าวอย่างไรก็ตาม ก็มักจะไม่ตรงกับคีมภีร์ที่กล่าวเอาไว้ คัมภีร์เขียนก็เป็นเพียงแค่การตั้งสมมุติฐาน หรือตั้งสมการเอาไว้ ให้ผู้เริ่มศึกษาได้เข้าใจดาวทีละดวงๆ ไปก่อน แล้วก็ค่อยสอนผสมดาวทีละคู่ๆ ทีละราศีๆ ไปเรื่อยๆ เป็นการสอนตามลำดับขั้นเพื่อให้เริ่มเข้าใจ ในกรณีนี้เป็นการสมมุติขึ้นว่าในดวงชะตามีดาวเพียงแค่ 2 ดวง และอยู่ในราศี X หากใครไม่มีพื้นฐานแล้วไปอ่านคัมภีร์ก็จะเข้าใจผิดทันที แล้วก็บอกว่าคัมภีร์ไม่แม่นยำ
ดังนั้นในการศึกษาโหราศาสตร์จำเป็นต้องมีครูผู้รู้เป็นผู้สอนตามลำดับขั้น คล้ายๆกับการเรียนคณิตศาสตร์ ต้องเรียนบวกลบ คูณหาร เป็นพื้นฐานไปก่อน แล้วก็ค่อยๆ ยกระดับการเรียน ไปจนถึงการถอดสมการได้ ดังนั้นมีหลายคนไม่เข้าใจแม้แต่ทฤษฎีพื้นฐานบวก ลบ คูณ หาร ยังไม่คล่อง แต่กลับกระโดดข้ามไปเรียน แคลคูลัสเลย ก็เลยไปต่อไม่ได้