บทที่ 9
ทศมะ สผุต (ทีฆันดรของเรือนที่ 10)
72. ทศมะภวะ ทศมะภวะหรือเรียกว่ามัธยลัคน์ มัธยลัคน์เทียบทางดาราศาสตร์ ได้แก่จุดหรือชั้นสูงสุดของวิถีที่เส้นศูนย์เที่ยงทางโหราศาสตร์ ถือเป็นทศมะภวะ (เรือนที่ 10) เป็นเจ้าการสำคัญในการดำรงชีวิต ให้ความหมายถึงการอาชีพหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากรรม เป็นเนื้อแท้สำคัญที่เหลืออยู่ในดวงชะตาที่จะต้องพิจารณาให้ได้ความแน่นอน เมื่อได้ ทีฆ. ของทศมะภวะแน่นอนแล้วเรื่องของเรือนอื่น ๆ ก็หาได้ง่าย.
73. ราศีจักร ราศีจักรเป็นที่หมายหรือเครื่องหมายคงที่ของจักรราศีภายในขอบเขตของราศีทั้ง 12, ราศี 1 เป็น 1 ใน 12 ส่วนของจักรราศีมีขอบเขต 30 องศาของสุริยวิถี ในเรื่องนี้ขอให้เข้าใจว่า ราศีจักร (ข้อ 71) และภวะจักร (ข้อ 75) ต่างกัน.
74. ความเห็นในเรื่องภวะจักร ความเห็นทั่ว ๆ ไปเข้าใจว่าภายหลังที่ได้สผุดของลัคน์แล้วภวะอื่น ๆ ก็หาได้ง่าย โดยสันนิษฐานว่าอิทธิพลของลัคน์มีขอบเขตข้างละ 15 องศา แล้วก็เริ่มหาภวะหน้าและหลังต่อไป ความเห็นนี้ไม่เป็นที่ถูกต้อง.
ความจริงการเปลี่ยนแปลง ของอิทธิพลขึ้นอยู่แก่ แต่ละองศาลิปดา ฯลฯ ของทีฆ. และวิถ. ณ พื้นปฐพี ราศีจักรออกจากภวะจักร และเป็นไปเพื่อการพยากรณ์.
75. กฎของภวะจักร ภวะจักรคือจุดตรงที่สุริยวิถีตัดกับเส้นขอบฟ้าตะวันออกเป็นอุทัยลัคน์ (จุดเกิด) จุดตรงที่สุริยวิถีตัดกับเส้นขอบฟ้าตะวันตกเป็นอัสตมะลัคน์ (จุดดับ) จุดตรงที่สุริยวิถีตัดกับเส้นศูนย์เที่ยงท้องถิ่นเป็นลัคน์เบื้องสูง (จุดสูงสุดเหนือพื้นปฐพี) และนาฑิร์ลัคน์ ๆ เบื้องต่ำใต้ปฐพี.
ทศมะ สผุส (ทีฆันดรของเรือนที่ 10) 47
76. ความหมายจำกัดของภวะจักร ภวะจักรเป็นจุดหมายของสุริยวิถีในเรือนทั้ง 12 เรือน โดยอาศัยหลัก วิถ. (รุ้ง) ของสถานที่และเวลาเมื่อเกิด (ดูบทต่อไปในคำจำกัดความของเรือน) และสผุดคือรายละเอียดต่อไปของขอบเขตแห่งเรือนต่าง ๆ เช่นภวะสนธิและรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน.
77. วิธีพิจารณาหาศูนย์กลางเวหา ความแตกต่างระหว่างเที่ยงวันและเวลาของวันเห็นได้จากที่สถิตของอาทิตย์ โดยตั้งนะตะเป็นที่กำหนดนะตะคือของระยะของเส้นศูนย์เที่ยง นะตะเป็นทั้งประคะคือตะวันออกและปาศะจาตะยะคือตะวันตกเป็นประคะระหว่างเที่ยงคืนกับเที่ยงวัน และเป็นปาศะจาตะยะระหว่างเที่ยงวันกับเที่ยงคืน.
ประคะนะตะสรุปความเป็น 2 นัย คือ :
(1) ระยะเวลาระหว่างอาทิตย์และศูนย์เที่ยง เมื่อก่อนดวงอาทิตย์ตก.
(2) ระยะเวลาระหว่างศูนย์เที่ยงและอาทิตย์ ภายหลังดวงอาทิตย์ตก.
นะตะเมื่อลบจาก 30 มหานาทีได้เป็นอุนนะตะ.
ในเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจไว้ว่า ศูนย์เที่ยงได้แก่เวลาเที่ยงจริง อาทิตย์ได้แก่เวลาเกิด.
ภายหลังเมื่อได้เข้าใจแจ่มแจ้งในความหมายและความสำคัญของคำว่า “นะตะ” และ “อุนนะตะ” ให้หาดูว่าเวลาเกิดตกในประคะนะตะหรือปาศะจาตะยะนะตะ.
48 โหราวิทยา
ประคะนะตะ.
(ก) ถ้าเกิดภายหลังอาทิตย์ขึ้น เอาเวลาเกิดลบจากทินอาระขะ (ครึ่งเวลากลางวัน)
(ข) ถ้าเกิดก่อนอาทิตย์ขึ้น เอาทินอาระธะบวกกับมหานาทีที่ผ่านล่วงแล้วจากเวลาเกิดถึงอาทิตย์ขึ้น.
ผลของทั้ง 2 ประการนี้เป็นประคะนะตะ คือประคะนะตะชี้ให้เห็นโดยเวลาที่ล่วงแล้วระหว่างเวลาเกิดและเวลาเที่ยงจริงของท้องถิ่น.
ในปาศะจาตะยะนะตะ.
(ก) ถ้าเกิดเวลาบ่ายก่อนอาทิตย์ตก เอาทินอาระธะลบจากเวลาเกิด (เป็นมหานาที)
(ข) ถ้าเกิดภายหลังอาทิตย์ตก เอาทินอาระธะบวกกับจำนวนเวลาระหว่างอาทิตย์ตกและเวลาเกิด ได้จำนวนเวลาของปาศะจาตะยะ.
ตามระเบียบการข้างบนนี้สรุปความได้ดังนี้ :
กฎ 1 เมื่อเกิดระหว่างเที่ยงคืนและเที่ยงวัน.
(ก) ทินอาระธะ – สุรโยทัยชนม์กาลมหานาที – จำนวนเวลาประคะนะตะ.
(ข) ทินอาระธะ + เวลาระหว่างเวลาเกิดกับอาทิตย์ขึ้น = จำนวนเวลาประคะนะตะ.
กฎ 2 เมื่อเกิดระหว่างเที่ยงวันและเที่ยงคืน
(ก) สุรโยทัยชนม์กาลมหานาที – ทินอาระธะ = จำนวนเวลาปาศะจาตะยะนะตะ.
(ข) ทินอาระขะ + เวลาระหว่างอาทิตย์ตกและเวลาเกิด = จำนวนเวลาปาศะจาตะยะนะคะ.
กฎ 3 30 มหานาที – นะตะ = อุนนาตะ.
ทศมะ สผุส (ทีฆันดรของเรือนที่ 10) 49
ตัวอย่าง 12 หาสภาวะของนะตะและเวถาระหว่างนะตะในชะตาตัวอย่างเวลาเกิดเป็นเวลาเมื่อ “เกิดระหว่างเที่ยงวันกับเที่ยงคืน” และกฎ 2 (ก) เป็นกฎที่ใช้กับเวลาเกิดนี้ เพราะเกิดภายหลังเที่ยงวันและก่อนอาทิตย์ตก.
มหานาที วิมหานาที
ทินอาระธะ (ครึ่งเวลากลางวัน) 14 42
สุรโยทัยชนม์กาลมหานาที 20 15
20 / 15 – 14 / 42 5 33
สภาวะของนะตะเป็นปาศะจาตะยะ เป็นเวลา 5 มหานาที 33 วิมหานาที (นะตะเป็นเวลาระหว่างเวลามัธยมของเวลาเที่ยงจริงและเวลามัธยมของเวลาเกิด ในเรื่องนี้เวลาระหว่างนั้นเป็นเวลามัธยมเฉพาะท้องถิ่นของเวลาเกิด (2 ล.ท.) – เวลามัธยมของเวลาเที่ยงจริง (11.46 ล.ท.) 2 ชั่วโมง 14 นาที มหานาที 5 / 35 ต่างกัน 2 วิมหานาที เป็นเพราะการเคลื่อนกันของเวลาอาทิตย์ขึ้น เพื่อความสะดวกทางโหราศาสตร์ปัดทิ้งเสียได้)
ตัวอย่าง 13 หาเวลาอุนนะตะซึ่งประคะนะตะ = 17 มหานาทีตามกฎ 3 ได้ 30 / 0 – 17 / 0 = 13 มหานาที – เวลาของอุนนะตะ.
จากที่สถิตของอาทิตย์สายะนะและถือเอาเวลาขึ้นที่เส้นศูนย์สูตร หาเรขาหรือวิถีโค้ง (ในระเบียบกลับกัน) ซึ่งตรงกับเวลาของนะตะ เอาจำนวนบวกกับหรือลบจากอาทิตย์สายะนะสุดแท้แต่นะตะเป็นปาศะจาตะยะหรือประคะ ผลลัพธ์ตัดโดยอายะนางศ ได้มัธยลัคน์นิรายะนะ.
ตัวอย่าง 14 หามัธยลัคน์นิรายะนะในดวงชะตาตัวอย่าง.
ปาศะจาตะยะนะตะ = 5 / 33 (ตัวอย่าง 12)
อาทิตย์สายะนะ = 200° 24'
เวลาขึ้นของตุลย์ 20° 24'
7
50 โหราวิทยา
|
|
20° 42'
30
หรือ (20 X 60 + 24) ÷ (30 X 60) X (4 X 60 + 39) = 3 / 9.72 หรือ 3/ 10
ถือเอาในทางกลับกันเราก็ได้เห็นว่า 3 มหานาที 10 วิมหานาทีเป็นเวลาที่ผ่านเข้าในราศีตุลย์
ในราศีกันย์ผ่านมาได้ นะตะ – 3 / 15° หรือ 5' 33 - 3' 10 = 2 / 23
|
ฉะนั้นเราขาตรงกับ 2 / 23 ราศีกันย์ (ณ ศูนย์สูตร) =
= 15° 22' 34" หรือ 34" .84 หรือ 35"
ฉะนั้นระยะระหว่างอาทิตย์และเส้นศูนย์เที่ยงเป็นตุลย์ 20° 24' 0"
กันย์ 15 22 35 +
ระยะศูนย์ เที่ยง = 35 46 35
เมื่อนะตะเป็นปาศะจาตะยะบวกนะตะนี้เข้ากับอาทิตย์สายะนะ
อาทิตย์สายะนะ 200° 24' 0"
ระยะศูนย์เที่ยง 35 46 35 +
ฉะนั้นมัธยลัคน์สายะนะ 236 10 35
อายะนางศ 21 15 46 -
ฉะนั้นมัธยลัคน์นิรายะนะ = 214 54 49
= 214 55 0
ฉะนั้นศูนย์เวหาหรือมัธยลัคน์ = 214° 55'
- ราศีพฤศจิก 5° 55'
หรืออีกนัยหนึ่งว่า นี่เป็น ทีฆ. ของภาวะมัธยหรือศูนย์กลางของเรือนที่ 10.