เกณฑราธิปติโทษ ดาวศุภเคราะห์ให้โทษในดวงชาตา
หรือเรียกว่า "เกณฑ์ธิปไตยโทษ" เป็นหนึ่งในหลักเกณฑ์สำคัญในการวินิจฉัยการให้คุณ-โทษของดาวเคราะห์ในดวงชาตาในโหราศาสตร์ภารตะ ซึ่งหลายๆคนยังเข้าใจผิดว่าดาวศุภเคราะห์นั้นมี
แต่ให้คุณไม่เคยให้โทษในดวงชาตา ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก โดยเฉพาะกฏเกณฑ์ของโหราศาสตร์ภารตะมีหลักการวินิฉัยโดยละเอียดและซับซ้อน ในการวินิจฉัยเรื่อง คุณภาพดาวเคราะห์
การให้คุณ-โทษของดาวเคราะห์ และดาวดี-ดาวร้ายในแต่ละดวงชาตาซึ่งในโหราศาสตร์ระบบอื่นๆไม่สามารถให้ความกระจ่างชัดในเรื่องนี้ได้
ทำให้หลายท่านเมื่อศึกษาโหราศาสตร์กลับต้องเผชิญกับความสับสน ในเรื่องของการให้คุณโทษของดาวเคราะห์ต่างๆ ว่า ทำไมบางครั้งทำไม่ดาวศุภเคราะห์ เช่นพุธ ศุกร์ พฤหัสจึงให้โทษ แต่ใน บางครั้งดาวบาปเคราะห์ เช่นอาทิตย์ อังคาร เสาร์ กลับให้คุณในบางดวงชาตา
หลัก "เกณฑ์ธิปไตยโทษ" นี้เป็นหนึ่งในหลายๆกฏเกณฑ์สำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณาในการพยากรณ์ถึงความเจริญ รุ่งเรือง ก้าวหน้าและความเสื่อมถอยของแต่ละดวงชาตา
โดยคำว่า "เกณฑร" คือเรือนที่เป็นจตุรเกณฑ์ในดวงชาตาคือ เรือนที่ 1,4,7,10 ส่วนคำว่า อธิปติ หมายถึงเจ้าเรือน รวมความว่า "เจ้าเรือนเกณฑ์ให้โทษ" กฏเกณฑ์การให้โทษนี้มาจากกฏทั่วไปในโหราศาสตร์ภารตะ 3 กฏใหญ่ๆคือ
กฏที่ 1 กฏแบ่งดาวศุภเคราะห์และดาวปาปเคราะห์ธรรมชาติ ในดวงชาตา
โดยกฏนี้ระบุว่า ดาวศุเคราะห์ในดวงชาตามี 1.ดาวศุกร์ 2.ดาวพฤหัส 3.ดาวพุธที่สัมพันธ์กับศุภเคราะห์ 4.ดาวจันทร์มีกำลัง ตั้งแต่ 8 ค่ำ-แรม 7ค่ำ ทั้งหมดนี้เป็นดาวศุภเคราะห์ธรรมชาติ
และดาวปาปเคราะห์คือ 1.อาทิตย์ 2.อังคาร 3.เสาร์ 4.ดาวพุธสัมพันธ์กับปาปเคราะห์ 5.ดาวจันทร์ไม่มีกำลัง คือแรม 8 ค่ำ-ขึ้น 7 ค่ำ
กฏที่ 2 ดาวศุภเคราะห์ธรรมชาติ(จากฏข้อ1) หากเป็นเจ้าเรือนเกณฑร์จะไม่ให้คุณ และดาวปาปเคราะห์ธรรมชาติ(จากฏข้อ1)หากเป็นเจ้าเรือนเกณฑร์จะไม่ให้โทษ ทั้งนี้มาจากหลักทั่วไปใน
โหราศาสตร์ว่าเรือนที่เป็นจตุเกณฑร์เป็นเรือนที่มีกำลังแรงและจะลดทอนผลทั้งหมดของดาวเคราะห์ที่เป็นเจ้าเรือนลงไป(ทั้งผลดี-ร้าย)
กฏที่ 3 ดาวเคราะห์หากเป็นเจ้าเรือนลัคน์ด้วย จะเป็นดาวใดก็ตาม เป็นศุภหรือปาป หรือเป็นเจ้าเรือนทุสถานะด้วยก็ตาม ก็จะไม่ให้โทษ จะให้แต่คุณเท่านั้น จากหลักทั่วไปที่ว่าดาวเคราะห์จะไม่
เป็นภัยแก่ตัวมันเอง เช่นราศีเมษ ดาวอังคารเป็นทั้งดาวร้ายและดาวเจ้าเรือนที่ 8 (มรณะ) แต่อังคารจะไม่ให้โทษแก่ดวงชาตาที่ตนเองเป็นลัคนาธิปติ (ราศีเมษ)
กฏเกณฑ์ที่กล่าวมานี้ ก็จะเห็นได้ว่า "เกณฑราธิปติโทษ" ในดวงชาตาจะปรากฏเฉพาะราศีที่มีดาวเจ้าเรือนเป็นดาวศุภเคราะห์ธรรมชาติ เท่านั้น ที่เข้าเงื่อนไขข้างต้น (ดาวศุภเคราะห์และเป็นเจ้า
เรือนเกณฑร์ด้วย) และเราจะหาดาวเคราะห์ที่เป็นเกณฑราธิปติโทษได้ตามราศีของลัคนาดังนี้
1.ราศีเมษ ดาวที่เข้าหลักเกณฑราธิปติโทษ คือ ดาวจันทร์ (เป็นเจ้าเรือนที่ 4) และดาวศุกร์ (เป็นเจ้าเรือนที่ 7) แต่ดาวศุกร์มีสถานะเป็นเจ้าเรือนที่ 2 ด้วยจึงมีโทษเพิ่มขึ้นมาอีกโทษหนึ่งก็คือ "มารกะสถานะ" คือดาวเคราะห์ที่ส่งผลให้เจ้าชะตาถึงตาย
สำหรับดาวจันทร์หากเป็นจันทร์อ่อนกำลัง(กฏข้อ1)ก็จะไม่เป็นเกณฑราธิปติโทษ แต่หากจันทร์มีกำลังก็จะเป็นเกณฑราธิปติโทษ และหากเป็นจันทร์เพ็ญโทษก็จะร้ายแรงขึ้นอีก ผลร้ายก็จะส่งผลในช่วงมหาทศาและอนุทศาของดาวเคราะห์เกณฑราธิปติโทษนั้น เช่นหากดาวจันทร์เสวยแทรก ก็จะผลร้ายเรื่องครอบครัว ที่อยู่อาศัย หากดาวศุกร์เสวยหรือแทรก ก็จะส่งผลร้าย
เรื่องการเงิน ชีวิตคู่ ทั้งนี้เป็นไปตามลักษณะของดาวเคราะห์+ความหมายของเจ้าเรือนของตน+ความหมายของเรือนที่ตนไปสถิตย์อยู่ และดาวศุกร์เป็นเจ้ามหาทศาเสวยอายุนานถึง 20 ปี และดาวจันทร์เสวยอายุนาน 10 ปี หากในดวงชาตาไม่มีกฏเกณฑ์อื่นมาช่วยเหลือถือว่าเป็นช่วงคราวเคราะห์ที่ยาวนานที่สุด
2.ราศีพฤษภ ไม่มีเกณฑราธิปติโทษ เพราะดาวศุภเคราะห์ไม่ได้เป็นเจ้าเรือนเกณฑร์
3.ราศีมิถุน ดาวพฤหัสเป็นเกณฑราธิปติโทษ ราศีนี้ถึงแม้จะมีดาวพุธเป็นเจ้าเรือนที่ 1,4 ด้วย แต่ไม่เข้าหลักนี้ (เพราะกฏข้อที่ 3) แต่ดาวพฤหัสให้โทษรุนแรงเพราะเป็นดาวศุภเคราะห์ ครองเรือน
เกณฑร์ถึง 2 เรือน คือเรือนที่ 7 และที่ 10 หากดาวพฤหัสเป็นเจ้ามหาทศาจะเสวยอายุนานถึง 16 ปี ซึ่งถือว่าให้โทษรุนแรงและยาวนานมาก เจ้าชะตาจะสูญเสียลาภผล ชื่อเสียงเกียรติยศและ
คุณความดีไปทั้งหมดในช่วงมหาทศานี้
4.ราศีกรกฏ ดาวศุกร์ เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 4 ส่งผลให้เจ้าชาตามีปัญหาด้านความรัก คู่ครอง แม่ ที่อยู่อาศัย เพราะนิสัยส่วนตัวของเจ้าชาตา
5.ราศีสิงห์ ดาวศุกร์ เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 10 ส่งผลให้เจ้าชาตามีปัญหาเรื่องการเงิน การงาน
6.ราศีกันย์ ดาวพฤหัส เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 4และ 7 ให้เจ้าชาตาใมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและคู่ครอง ความรัก
7.ราศีตุลย์ ดาวจันทร์มีกำลัง ขึ้น 8 ค่ำ-แรม 7 ค่ำ เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 10 ทำให้เจ้าชาตามีปัญหาเรื่องงาน ดาวจันทร์เพ็ญให้โทษมากที่สุด
8.ราศีพิจิก ดาวศุกร์ เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 4 ส่งผลร้ายด้านคู่ครอง ความรัก
9.ราศีธนู ศุภพุธ(พุธที่เป็นศุภเคราะห์) เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 7และ 10 ส่วนบาปพุธไม่เป็นเกณฑราธิปติโทษ (พุธสัมพันธ์กับดาวร้ายเป็นบาปพุธ) ให้ผลร้ายด้านคู่ครอง
การงาน
10.ราศีมังกร ดาวจันทร์มีกำลัง ขึ้น 8 ค่ำ-แรม 7 ค่ำ เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 7 ทำให้เจ้าชาตามีปัญหาเรื่องคู่ครอง ดาวจันทร์เพ็ญให้โทษมากที่สุด
11.ราศีกุมภ์ ไม่มีเกณฑราธิปติโทษ เพราะดาวศุภเคราะห์ไม่ได้เป็นเจ้าเรือนเกณฑร์
12.ราศีมีน ศุภพุธ(พุธที่เป็นศุภเคราะห์) เป็นเกณฑราธิปติโทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนที่ 4และ 7ให้ผลร้ายด้านคู่ครอง ที่อยู่อาศัย ส่วนบาปพุธไม่เป็นเกณฑราธิปติโทษ (พุธสัมพันธ์กับดาวร้ายเป็น
บาปพุธ)
กฏเกณฑ์ล้างโทษของเกณฑราธิปติโทษ
1.ดาวศุภเคราะห์ที่เป็นโทษนั้น สถิตย์ในเรือนตรีโกณ ถือว่าลบล้างโทษไปหมดสิ้น
2.ดาวเจ้าเรือนตรีโกณ สมพันธ์กับดาวเจ้าเรือนเกณฑราธิปติโทษ ในทางใดทางหนึ่งเช่นสถิตย์ร่วมกัน หรือทำมุมเป็นเกณฑ์ต่อกัน ก็ถือว่าล้างโทษได้เช่นกัน
การแก้ไขโทษของดาวเคราะห์เกณฑราธิปติโทษ
ในทางโหราศาสตร์สามมารถแก้ไขผลร้ายได้บางส่วนโดยการทำพิธีครหะศาติ หรือพิธีสวดอ้วนวอนดาวเคราะห์ที่เป็นโทษนั้น โดยสามารถสวดมนต์บทบูชาดาวนพเคราะห์ ที่เป็นโทษ เช่นดาวพฤหัสให้โทษ ก็สวดบูชาดาวพฤหัสในทุกๆวันพฤหัสก็จะสามารถลดทอนผลร้ายได้
นอกจากหลักทฤษฎีเรื่องเกณฑราธิปติโทษดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก็ยังต้องพิจารณากฏเกณฑ์ให้คุณ-โทษอื่นๆอีก เช่น มารกะสถานะ และพันธกะสถานะ ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อต่อไป