อภิธานศัพท์โหราศาสตร์
1. วันทักทิน วันไม่ดี วันที่ถูกติเตียนทักท้วง วันที่ท่านห้ามทำการมงคล วันที่ไม่เป็นคุณในการทำ กิจการมงคล
2. วันทรทึก วันที่ถูกกล่าวหาลบหลู่ เป็นวันที่ไม่สมควรทำการมงคลด้วยเช่นกัน
3. วันยมขันธ์ เป็นวันที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน ร้อนอกร้อนใจ เสมือนอยู่ท่ามกลางขุมไฟนรก ทำให้เกิดความความเดือดร้อนไปทุกเรื่อง หาความเจริญมิได้
4. วันอัคนิโรจน์ เป็นวันที่ได้รับการขัดขวางด้วยไฟ ไฟหมายถึงของร้อน เผาผลาญ
5. วันทินกาล เป็นวันแห่งความตาย วันแห่งความสูญเสีย
6. วันศูร วันที่เกิดการต่อสู้ รบราฆ่าฟันกัน วันต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย (ทินศูร)
7. วันกาฬโชค, วันกาลโชค วันอับปางล้มเหลว วันที่โชคดับ
8. วันกาลทัณฑ์ วันที่ถูกลงโทษ
9. วันวินาสน์, วันวินาศ เป็นวันอันตรธาน วันถูกสังหาร วันล้มละลาย
10. วันพิลา วันแตกหักเสียหาย วันที่ไม่ควรทำการมงคล
11. วันมฤตยู วันของพระยายมมาจับชีวิตมนุษย์ หมายถึงความตาย วันสิ้นชีวิต
12. วันกาลทิน วันที่ประกอบด้วยความทุกข์ วันที่หาความสุขมิได้ วันที่ห้ามทำมงคล
13. วันอำมฤตโชค วันดี วันไม่ตาย เป็นวันทิพย์
14. วันสิทธิโชค วันให้ความสำเร็จ เป็นวันโชคดี วันให้ลาภผล
15. วันมหาสิทธิโชค วันให้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
16. วันชัยโชค วันแห่งชัยชนะ วันทำให้เกิดความภูมิใจ วันได้รับความสำเร็จจากการต่อสู้
17. วันราชาโชค เป็นวันได้รับชัยชนะด้วยบารมี เป็นที่เหมาะแก่การประกอบกิจมงคล
18. วันมหาสงกรานต์ วันที่ดวงตะวันจรก้าวเข้าสู่ขอบราศีเมษธาตุไฟ ดวงอาทิตย์เข้าสู่ต้นปี หรือต้นทวาร
19. วันเนา วันที่ดวงอาทิตย์อยู่ท่ามกลางเส้นแบ่งราศีมีน และราศีเมษบนท้องฟ้า
20. วันเถลิงศก วันที่สามของดวงอาทิตย์ที่โคจรพ้นขอบราศีมีน ก้าวเข้าสู่ราศีเมษเต็มดวง เป็นวันขึ้นศักราชใหม่
21. วันพระยาวัน วันที่พ้นจากอันตราย ขึ้นรอบศักราชใหม่ได้เต็มที่ ดวงอาทิตย์โคจรเข้าสู่ราศีมูลธาตุ เป็นวันเริ่มทำการมงคล
22. วันดาวอาทิตย์ย้ายราศี วันที่ดาวอาทิตย์โคจรอยู่คาบเส้นในระหว่างที่ข้ามราศี คือ โคจรจากราศี หนึ่งก้าวเข้าสู่อีกราศีหนึ่ง
23. วันดับ วันที่ดาวจันทร์เข้าสู่จุดดับ วันแรม 14 ค่ำบ้าง วันแรม 15 ค่ำบ้าง หรือวันอมาวสี
24. วันบูรณมี วันที่ดาวจันทร์เข้าสู่จุดเพ็ญ วันขึ้น 15 ค่ำ วันที่พระจันทร์เต็มดวง
25. วันกาฬปักษ์ (กฤษณปักษ์)วันที่จันทร์อยู่ข้างแรมตั้งแต่แรม 1 ค่ำถึงวันแรม 14 หรือ 15 ค่ำ
26. วันชุนหปักษ์ (ศุกรปักษ์) วันที่ดาวจันทร์สว่างอยู่บนท้องฟ้า เป็นดวงจันทร์ข้างขึ้น ตั้งแต่ขึ้น 1 ค่ำถึงขึ้น 15 ค่ำ
27. วันคราส วันที่มีสุริยะคราส หรือจันทร์คราสเป็นวันที่ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์และโลก อยู่ในเส้นตรงของแสงอาทิตย์ที่พุ่งตรงสู่โลก
28. วันอวมานโอน วันสุดท้ายของการโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งจะต้องเพิ่มอีกจากอัตรา 692 ตามวิถีทางการคำนวณทางสุริยยาตร
จึงมีคำว่า “โอน” คือเพิ่มเข้าอีก 1 วัน
29. ลัคนา คือจุดอุทัยทางขอบฟ้า ด้านทิศตะวันออก ในขณะเกิดของเจ้าชะตา เรียกว่า อุทัยลัคน์
30. วิสมคติ วิกลคติ วิถีโคจรวิปริตผิดปกติธรรมดาของดวงดาวเป็นศัพท์โหรทางภารตะ ไทยนำมาใช้ในการเดินผิดปกติของดวงดาว
เป็น พักร์-มณฑ์-เสริด พักร์ คือ ดาวโคจรถอยหลัง มณฑ์ คือ การเดินช้าของดาวเคราะห์ หรือการหมุนอยู่กับที่ เสริดคือ การโคจร
เร็วของดาวเคราะห์
31. วรรษผล ดวงชะตาประจำปี เป็นดวงชะตาอีกแบบหนึ่ง เป็นตำราทางอินเดีย ใช้พยากรณ์ ดวงชะตาตลอดปี อายุย่างเข้าปีนั้นๆ
เช่น อายุเต็ม 25 ปี อายุย่าง 26 ปี
32. กาลกิณี หมายถึง จุดวิบัติ จุดเสื่อม อุปสรรค ศัตรู ความอาภัพความเศร้าโศกการล่มจมความอัปมงคล และเหตุที่ไม่ดีทั้งปวง
33. โลกาวินาส หมายถึง อันตราย ความสูญสิ้น ความหายนะ ความเสียหาย สูญสิ้นความเจริญ หมดสิ้นความดี ความย่อยยับ
34. อุบาทว์ หมายถึง สิ่งชั่วร้าย อัปมงคล เคราะห์ร้าย ความด่างพร้อย ไม่บริสุทธิ์ อุบัติเหตุ อัปรีย์จัญไร สิ่งที่ไม่เป็นมงคล
35. ศูนย์พาหะ แปลว่า ผู้พาไป ผู้นำไป เป็นพระเคราะห์ที่นำหน้าลัคนา 1 ราศี
36. อธิกมาส ปีที่มีเดือน 8 เพิ่มเป็นเดือน 8 สองครั้ง
37. อธิกวาร ปีที่เดือน 7 มีวันเพิ่มเป็นแรม 15 ค่ำ
38. อธิกสุรทิน ปีที่เดือน กุมภาพันธ์ มี 29 วัน
39. ปกติมาส-ปกติวาร-ปกติสุรทิน หมายถึงปีที่ไม่มีเดือน-วันเพิ่มและกุมภามีเพียง 28 วัน
40. ธรณีโชค หมายถึงโชคดีบนพื้นดิน หากบุคคลใดจะมีโชคดีบนพื้นดินชนิดใด ก็สุดแต่ดวงชะตา กำเนิดของผู้นั้น
41. วันทัคธทิน วันที่ไฟจะไหม้
42. วันกาลศูร วันที่จะถูกฆ่าให้ตาย
43. วันพิลา วันแตกหัก ทำข้าวของเสียหาย
44. วันบอด วันที่มัวหมอง หรือมืด
45. วันปลอด ให้ผลเป็นกลาง ทำการมงคลได้
46. ดิถีเรียงหมอน ใช้สำหรับในการมงคล ฤกษ์ที่จะทำการมงคลสมรส
47. สกุณฤกษ์ หมายถึง ฤกษ์ที่แสดงเป็นนิมิตดีแก่เจ้างาน
48. วันภาณฤกษ์-อายกรรมพราย เป็นวันที่ต้องห้ามทำการมงคล ประจำเดือน เดือนหนึ่งมี 6 วัน คือข้างขึ้น 3 วัน ข้างแรม 3 วัน
49. ดิถีฤกษ์ไชย เป็นการหาฤกษ์ใช้กับการเดินทางไกล หรือฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่
50. จัตุรงคโชค คือการคำนวณสอบดวงฤกษ์
51. มหัทธกรรมโกลาฤกษ์ เป็นเกร็ดสำคัญในการให้ฤกษ์
52. ฤกษ์ล่าง คือฤกษ์ที่กล่าวด้วยกฎเกณฑ์ย่อย ๆแต่อีกความหมายหนึ่งคือฤกษ์ที่จันทร์เสวยในดวงจรที่สัมพันธ์กับฤกษ์จันทร์กำเนิด
53. ฤกษ์บน คือฤกษ์ที่กล่าวถึงการโคจรของพระจันทร์ และดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้า
54. ดวงวรรษจักรา คือเมื่อครบรอบวันเกิด ดาวอาทิตย์โคจรมาทับอาทิตย์เดิมองศาสนิทในวันใดและเวลาใด ก็เอาดวงชาตะของวันนั้นมาผูกขึ้น และเอาเวลาที่ทับกันสนิทนั้นวางลัคนาขึ้น กลายเป็นดวงใหม่
55. ดวงนวางค์จักร คือดวงดาวเคราะห์แต่ละดวงที่สถิตอยู่ในนวางค์ราศีจักร
56. นวางค์อุจ คือดาวที่เข้าเป็นอุจในราศีใดๆ ก็ตาม โคจรเจ้าไปอยู่ในนวางค์แรกที่ดาวเกษตร เจ้าเรือนครอบครองเป็นเจ้านวางค์
57. โคตรนวางค์ คือนวางค์ที่เป็นต้นตระกูลของนวางค์ทั้ง 9 ในราศีนั้นๆ โดยการเป็นนวางค์ที่มี ดาวเคราะห์เกษตรเป็นเจ้าครองนวางค์อยู่ในราศีที่ตรงกับเกษตรในราศีนั้นๆ เรียกว่า โคตรนวางค์ หรือวรโคตรนวางค์
58. กาลจักร หมายถึงเวลาที่เวียนไปตามรูปวงกลมทางโหราศาสตร์นั้น ได้แก่จักรราศี
59. กาลจักรลัคน์จร หมายถึง ลัคนาจรไปในราศีต่างๆ ตามเกณฑ์ของกาลจักร
60. สวเกษตร ก็คือพระเคราะห์ที่สถิตเรือนตนเอง ซึ่งก็ได้แก่ พระเคราะห์เกษตรนั่นเอง
61. ดิถีโลกาวินาส หมายถึง สูญสิ้นความเจริญ หมดสิ้นความดี อันตราย ความย่อยยับ ความเสียหาย
62. ดิถีอุบาทว์ หมายถึง สิ่งชั่วร้าย อัปมงคล เคราะห์ร้าย ความด่างพร้อย ไม่บริสุทธิ์ อุบัติเหตุ อัปปรีย์จัญไร สิ่งที่ไม่เป็นมงคล สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด วันที่ตกอยู่ในบ่วงกรรม มีอุปสรรคโชคร้าย
63. พินทุบาทว์ คือดวงชะตาที่ให้ผลในทางร้าย ทางเสีย ทางเสื่อม หดชั่วไม่ดี ดวงบอด
64. คชเกศริโยค คือดาวจันทร์ทำมุมเป็น 1,4,7,10 ต่อพฤหัสบดี ดวงชะตาที่ได้คชเกสรีโยค มักจะกล้าเสี่ยง มีอำนาจวาสนา ตระกูล
สูงอยู่แล้ว ก็จะทำให้ดวงสูง เด่นดีขึ้นกว่าเดิม มีกำลังบารมีแก่กล้า เสริมบารมีให้ดีขึ้น
65. อธิโยค คือมีดาวศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ 6,7,8 แก่จันทร์คือมุมตรงข้ามกับจันทร์และส่งมุมปลายหอกมายังจันทร์ ท่านว่าให้คุณแก่จันทร์อย่างใหญ่หลวง
66. ดิถีมหาศูนย์ ห้ามทำการมงคล เป็นวันดับ สำหรับดาวอาทิตย์ ได้แก่วันที่ดาวอาทิตย์โคจร สุดราศี หรือวันยกราศี และวันดับ
สำหรับดาวจันทร์ ได้แก่วันสิ้นเดือนไทย
67. วันธงชัย วันที่สำเร็จในผลดี หรือความดีทั้งหลาย ชัยชนะ มิ่งขวัญของหมู่คณะ
68. วันอธิบดี วันที่เป็นใหญ่ มีอำนาจในการปกครองควบคุมดูแล
69. กาลโยค คือ กาลอันพึงมีตามกำหนดอันประกอบด้วยผล คือคราวดีร้าย ที่สืบเนื่องมาตาม ลำดับจาก วัน ยาม ราศี ดิถี ฤกษ์
70. ราศี คือ ส่วนแบ่งบนทรงกลมท้องฟ้ามี 12 ส่วน ส่วนละ 30 องศา เรียกว่า 12 ราศี เป็น 1 จักรราศี เท่ากับ 360 องศา
71. ดิถี หมายถึงขึ้นแรม เป็นการโคจรของดวงจันทร์สัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ หรือลำดับวันทาง จันทรคติ นับตั้งแต่วันจันทร์ดับ ( อมาวสี) เรียงกันเป็น ดิถี 1-30 ไปจนถึงดวงจันทร์ดับมืดอีกครั้งหนึ่ง ใช้ข้างขึ้น 15 ค่ำ ข้างแรม 15 ค่ำเป็นปกติ ถ้ามีเกิน 15 ให้เอา 15 ลบเป็นข้างแรม
72. สัปต์เกณฑ์ต่อกัน คือ เล็งกัน เป็น ๗ ต่อกัน หรือ 180 องศา
73. ลัคนาธิปติ คือ เจ้าเรือนลัคนา
74. ฤกษ์ หมายถึง คราว หรือเวลาซึ่งเหมาะเป็นชัยมงคล
75. จักรพยากรณ์ จักร แปลว่า วงกลม พยากรณ์ แปลว่า การทาย รวมความคือ การทำนายด้วย ดวงชาตา
76. พญาวัน ได้แก่วันในสัปดาห์ที่ขึ้นเถลิงศก เปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือว่า เป็นวันที่ใหญ่ยิ่งของปีนั้น