Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

secret Of Navamasa 4 800

ในตอนที่แล้วผมได้อธิบายในเรื่องทฤษฎี ราศี-ดุลย-นวางศ์ (นวางศ์เทียบเท่ากับราศี)ไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงทฤษฎี นวางศ์-ดุลย-ราศี नवांश तुल्य राशि แปลความว่า ราศีเทียบเท่ากับนวางศ์  ซึ่งหลักการนี้คล้ายกัน เพียงมองไปอีกมุมหนึ่งเพื่อความสมดุลย์กันทั้งสองฝ่ายในหลักทฤษฎีนี้ถึงแม้ว่าจะใช้กันมากในโหราศาสตร์ระบบนาฑิ แต่ก็ยังสามารถใช้ได้กับดวงชาตาโดยทั่วไปทั้งในดวงเดิมและดวงจร ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยดวงชาตาได้ง่ายและละเอียดมากยิ่งขึ้น  เพื่อความเข้าใจให้พิจารณาจากดวงชาตาตัวอย่างด้านล่างนี้

 

ราศีจักร    
นวางศ์จักร

 

จากดวงตัวอย่าง ราศีจักร –ลัคน์-ราศีธนู  ราศีจักร-ดาวอาทิตย์-ราศีสิงห์  นวางศ์จักร-ดาวอาทิตย์-นวางศ์มิถุน 

ผม จะอธิบายเฉพาะดาวอาทิตย์กับลัคนาก่อน เพื่อเข้าใจง่ายขึ้น โดยให้ถือลัคนาจากราศีจักรเป็นหลักก่อน ซึ่งในดวงนี้ลัคนาสถิตราศีธนู ต่อมาดูดาวอาทิตย์ราศีสิงห์(เป็นเรือนที่ 10 ในราศีจักร) กับดาวอาทิตย์ในนวางศ์มิถุน(ตรงกับเรือนที่ 7 ในราศีจักร) ซึ่งอธิบายตามทฤษฎีนี้ว่า ดาวอาทิตย์ในนวางศ์มิถุนสามารถส่งผ่านอิทธิพลย้อนกลับมาที่ราศีมิถุน ในราศีจักรได้ ดังนั้นในดวงชาตานี้ในเรือนที่ 7 ว่าด้วยคู่ครองและการแต่งงาน ไม่ใช่มีเฉพาะดาวเสาร์สถิตย์อยู่ในราศีจักรเท่านั้น แต่ยังมีดาวอาทิตย์ส่งอิทธิพลร่วมกับดาวเสาร์ผ่านทางนวางศ์จักรอีกด้วย สรุปว่าดาวทั้งสองดวงนี้(เสาร์+อาทิตย์) มีความสัมพันธ์ต่อกันตามทฤษฎีนี้

เรือนชาตาในนวางศ์จักร

ก่อน จะอธิบายต่อไป เราจะต้องรู้จักชื่อของเรือนชาตาในดวงนวางศ์ก่อน ซึ่งในการเรียกชื่อเรือนต่างๆในดวงนวางศ์นั้น มีชื่อเรียกออกไปเป็นชื่อเฉพาะ เพื่อมิให้สับสนกับเรือนชาตาในราศีจักร โดยเรียงลำดับและมีความหมายเหมือนกับเรือนชาตาในราศีจักรดังนี้ 

  1. ลัคนาอัมศะ  2. ธนะอัมศะ  3. วิกรมมะอัมศะ   4. สุขะอัมศะ  5. ปุตระอัมศะ  6. อริอัมศะ  7. กลัตรอัมศะ   8. นิธนะอัมศะ 9. ธรรมะอัมศะ 10. กรรมะอัมศะ 11. ลาภะอัมศะ 12. วยายะอัมศะ

ดังนั้นในดวงชาตานี้ การพิจารณาตามทฤษฎีนี้จะต้องเอาลัคนาในราศีจักรเป็นหลัก คือ ราศีธนู (ไม่ใช่ลัคนาในนวางศ์จักร) ก็จะได้ ดาวเคราะห์ที่เป็นเจ้าเรือนต่างๆในนวางศ์จักรที่สมดุลย์กับราศีจักรดังนี้

  1. ดาวอาทิตย์-นวางศ์มิถุน-กลัตระอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 7 ปัตนิ)
  2. ดาวจันทร์-นวางศ์พิจิก-วยายะอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 12 วินาส)
  3. ดาวอังคาร-นวางศ์พิจิก-วยายะอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 12 วินาส)
  4. ดาวพุธ-นวางศ์สิงห์-ธรรมะอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 9 ศุภะ)
  5. ดาวพฤหัส-นวางศ์เมษ-ปุตระอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 5 ปุตตะ)
  6. ดาวศุกร์-นวางศ์ธนู-ลัคนาอัมศะ(สมดุลย์กับเรือนที่ 1 ตนุ)
  7. ดาวเสาร์-นวางศ์เมษ-ปุตระอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 5 ปุตตะ)
  8. ราหู-นวางศ์มังกร-ธนะอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 2 กดุมภะ)
  9. เกตุ(สากล)-นวางศ์พฤษภ-นิธนะอัมศะ (สมดุลย์กับเรือนที่ 8 มรณะ)

ย้อน กลับไปข้างต้น โดยมองเฉพาะจากด้านของราศีจักรจะเห็นว่า ในเรือนที่ 7 ปัตนิ(ราศีจักร)มีดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีมิถุน(ราศีจักร)ดาวเสาร์เป็นเจ้า เรือนที่ 2และ 3 (เรือนกดุมภะ-สหัชชะ ในราศีจักร)และ เมือมองผ่านนวางศ์จักรตามทฤษฎีนี้จะมีดาวอาทิตย์สถิตย์ร่วมด้วย (กลัตระอัมศะ=ปัตนิ) และดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนที่ 9 ทั้งในดวงราศีและดวงนวางศ์( ศุภะ=ธรรมะอัมศะ) การพิจารณาผลของเรือนที่ 7 ในดวงนี้ก็คือ ดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนกดุมภะ+สหัชชะ+ ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือน-ธรรมะอัมศะ (เรือนที่ 2+เรือนที่ 3+เรือนที่ 9) สรุปความว่า คู่ครองของเจ้าชาตานี้ จะต้องมาจากความเป็นเพื่อน(สหัชชะ) มีเงิน (กดุมภะ) มาจากทางไกล มีชื่อเสียงและมีคุณธรรม (ธรรมะอัมศะ)