คระหะณะ โทษ ग्रहण दोष นับว่าเป็นโทษร้ายอีกโทษหนึ่งในดวงชาตา โทษนี้ถือว่าเป็นโทษที่ทรงพลังมากโทษหนึ่ง ซึ่งสามารถให้โทษแก่ดวงชาตาได้อย่างกว้างขวางและไร้ข้อจำกัด "คระหะณะ โทษ" จะเกิดขึ้นได้หากพื้นดวงชาตาปรากฏว่ามีดาวอาทิตย์หรือดาวจันทร์ร่วมกับราหูและเกตุ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือจะเกิดขึ้นเมื่อมีปรากฏการณ์สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาเกิดขึ้นในวันที่เจ้าชาตาถือกำเนิด
คระหะณะ โทษ ในโหราศาสตร์พระเวท
คระหะณะ โทษ หมายถึงในพื้นดวงชาตามีดาวอาทิตย์หรือดาวจันทร์สถิตในเรือนเดียวกันกับ ราหู หรือ เกตุ ไม่ว่าจะร่วมกันในเรือนลัคนาหรือร่วมกันในเรือนใดใดก็ตาม
ซึ่งโดยปกติแล้วราหูหรือเกตุมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดาวอื่นๆ หรือเรียกว่า"โคจรย้อนจักร" ซึ่ง ราหูและเกตุ ไม่นับว่าเป็นดาวเคราะห์แต่เป็นจุดตัดของระนาบการโคจรของอาทิตย์และจันทร์ แบ่งเป็นเหนือและใต้ ซึ่งเรียกว่า node ซึ่งจุดตัดนี้เองทำให้มีปรากฏการณ์อุปราคาเกิดขึ้น ส่วนโหรเรียกว่า "ดาวอุปเคราะห์" หากเจ้าชาตาถือกำเนิดในช่วงสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา ก็ถือว่าดวงชาตาเด็กคนนี้ต้อง "คระหะณะ โทษ"
“ราหู” หมายถึงความปรารถนาทางวัตถุ ความก้าวร้าวและความหลงใหล ในขณะที่ “เกตุ” หมายถึง "โมกษะ" การปลดปล่อยและการหลุดพ้น และความสงบนิ่ง
ดาวอาทิตย์เป็นตัวแทนของพ่อ การควบคุม และความเข้มงวด ในขณะที่ ดาวจันทร์ แสดงถึงแม่ความเมตตากรุณาและความรัก ดังนั้นเมื่อ ราหู หรือ เกตุ โคจรเข้ามาใกล้กับดาวอาทิตย์หรือดาวจันทร์ มันก็จะทำให้เกิดพลังการผลักดันอย่างรุนแรงแบบสุดโต่งให้เป็นไปตามตามความหมายดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นชีวิตของเจ้าชาตาจึงไม่มีความมั่นคงและขาดความสมดุล
"คระหะณะ โทษ" ในทางโหราศาสตร์ จึงถือว่าเป็นโทษร้ายแรงโทษหนึ่ง โดยคำว่า "คระหะณะ "นั้นหมายถึงการเกิด คราส หรือ อุปราคา ทั้งจันทรุปราคา และ สุริยุปราคา
ทีนี้เรามาดูการวิเคราะห์โทษนี้อย่างละเอียด โดยการโคจรของราหูและเกตุจริงๆนั้นมีการโคจรทั้งแบบเดินหน้าและถอยหลังอยู่เป็นช่วงๆ การคำนวณแบบนี้เราเรียกว่า “ราหูจริง” “ราหูสารัมภ์” หรือ "True Node" แต่โดยมากราหูมักจะโคจรย้อนจักรเสมอ (retrograde motion) และจะมีเพียงบางวันเท่านั้นที่ราหูและเกตุโคจรไปตามวิถีจักร (direct motion)
เมื่อการโคจรมีทั้งการเดินหน้าและถอยหลัง นักโหราศาสตร์จึงใช้วิธีการหาค่าเฉลี่ยของราหูและเกตุขึ้น ซึ่งเราเรียกว่า "ราหูเฉลี่ย" หรือ "Mean Node" แต่ก็มีบางดวงชาตาที่ในพื้นดวงที่มีราหูโคจรแบบเดินหน้า หรือ (direct motion) แต่ก็มีเป็นส่วนน้อย ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นการโคจรย้อนจักร
ราหูจะสถิตในราศีหนึ่งๆ อยู่ประมาณ 18 เดือน สมมุติว่าตอนนี้ ราหู สถิตในราศีสิงห์ ส่วน เกตุก็จะอยู่ในราศีกุมภ์ ดังนั้นเมื่อดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ยกเข้าสู่ราศีสิงห์ และมีองศาใกล้เคียงกับราหู ก็ย่อมที่จะเกิด "คระหะณะ โทษ" ได้ (ส่วนดาวเกตุก็ใช้หลักการเดียวกัน) นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมองศาจึงมีความสำคัญ ดังนั้นการสถิตร่วมกันของอาทิตย์-จันทร์ ราหู-เกตุ ในราศีเดียวกัน หากองศาต่างกันมากก็ไม่นับว่าเป็น "คระหะณะ โทษ"
และ "คระหะณะ โทษ" นั้นจริงๆแล้วมันคืออะไร? ก่อนอื่เราต้องทำความรู้จักกับความหมายของดวงดาวต่างๆที่ทำให้เกิดโทษนี้ ซึ่งก็คือ
1.ดาวอาทิตย์ หมายถึง พ่อ, รัฐบาล, อำนาจ, ความภาคภูมิใจ, เกียรติ, อัตตาและอำนาจ
2.ดาวจันทร์ หมายถึง แม่,อารมณ์,ความรู้สึก,บ้าน,ความปลอดภัย,ความสะดวกสบาย,และอาหาร
3.ดาวราหู หมายถึง ความก้าวร้าว,ความหลงใหลในวัตถุ,ความสะดวกสบายเทคโนโลยีและการผจญภัย
4.ดาวเกตุ หมายถึง โมกษะ ความหลุดพ้น , การปลดปล่อย, จิตวิญญาณ, ไสยเวท, ความเงียบ, ปรีชาญาณ, ความรู้สึกอึกอัดใจ, เวทย์มนต์
ผลร้ายของ "คระหะณะ โทษ"
ตามหลักของโหราศาสตร์พระเวท สำหรับผู้ที่มี "คระหะณะ โทษ" ในดวงกำเนิดจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ชีวิตของเจ้าชาตาจะตกอยู่ในความมืดเหมือนสุริยุปราคาและจันทรุปราคา เว้นแต่เจ้าชาตาจะทำการแก้เคล็ดโดยวิธีการทางโหราศาสตร์ ผลกระทบของ "คระหะณะ โทษ" มีดังนี้คือ
1.แม้ว่าเจ้าชาตาจะประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน แต่ความมั่งคั่งจะไม่ยืนยง ในไม่ช้าความมั่งคั่งนั้นก็จะหมดไป
2.เจ้าชาตาจะไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในด้านหน้าที่การงาน
3.อารมณ์ของเจ้าชาตาจะไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ความโกรธ ความตื่นเต้นและความกังวล
4.ความเป็นผู้ที่ก้าวร้าวและความดื้อรั้นจะทำให้ชีวิตของเจ้าชาตาประสบกับปัญหาที่ยุ่งยากอยู่เสมอ
5.เจ้าชาตาจะขาดความเคารพต่อผู้อาวุโสและไม่สนใจคำแนะนำของพวกท่านจนทำให้เจ้าชาตาประสบกับความล้มเหลว
6.เจ้าชาตาจะรู้สึกว่าทุกคนเป็นศัตรูของตน
7.เจ้าชาตาจะเป็นคนที่มีทิฐิมานะสูงและจะไม่เชื่อใจใคร
8.เจ้าชาตาจะมีจิตใจที่ไม่มั่นคง หวั่นไหว แปรปรวนตลอดเวลา
9.เจ้าชาตาอาจจะมีอาการซึมเศร้า แต่การสำนึกผิดจะทำให้เจ้าชาตารู้สึกดีขึ้น
10.เจ้าชาตามักจะประสบความล้มเหลวและผิดพลาดอยู่เสมอ
11.เจ้าชาตาจะประสบแต่ความยกจน ข้นแค้นและมีปัญหาด้านการเงินอยู่เสมอ
12.สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้วจะมีบุตรยาก เด็กที่บ้านเจ็บป่วยบ่อย การแท้งบุตร
13.ครอบครัวที่ขาดความรักใคร่ปองดองและประสบกับความล้มเหลวในการทำธุรกิจ
14.จะมีอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าของเจ้าชาตาในทุกๆด้าน
15.จะชาตาจะมีโรคเรื้อรัง ชีวิตมีแต่ความยุ่งยาก ประสบกับความผิดหวังอยู่เสมอจนทำให้เกิดโรคซึมเศร้า
วิธีการแก้เคล็ด สำหรับ ผู้ที่มี "คระหะณะ โทษ" ในดวงชาตา
1.หากเจ้าชาตามีคุรุ หรือมีครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นครูทางโลกหรือทางธรรมเจ้าชาตาควรให้ความเคารพต่อครูบาอาจารย์ และให้การดูแลอุปฐากครูอาจารย์ อานิสงค์นี้จะช่วยให้เจ้าชาตาหลุดพ้นจากโทษร้ายนี้
2.ถ้า"คระหะณะ โทษ" เกิดขึ้นเนื่องจากดาวอาทิตย์ เจ้าชาตาควรจะทำการถวายน้ำบริสุทธิ์เพื่อบูชาพระสุริยะเทพทุกวัน นอกจากนี้เจ้าตาควรจะท่องมันตรา เช่น ตยะหฤทะยะสโตตระ आदित्यहृदयस्तोत्र ทุกวัน
หลีกเลี่ยงการรับประทานเกลือในวันอาทิตย์ และบริจาคชุดสีแดงให้กับเด็กผู้หญิง
3.หาก "คระหะณะ โทษ"เกิดขึ้นเนื่องจากดวงจันทร์ให้บริจาคเสื้อผ้าสีขาวให้กับเด็กผู้หญิง
4.ท่องมันตรา มะหามฤตยุญชะยะมันตรา महामृत्युंजयमंत्र ให้ได้ 1,25,000 ครั้ง
5.บูชาพระศิวะและหนุมานเพื่อให้จิตใจสงบต่อต้านอิทธิพลเชิงลบของ ราหูและเกตุ