ในโหราศาสตร์พระเวท มีโทษบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์โดยตรง หรือเรียกว่า ครหะโทษ ซึ่งมีหลายประเภท แต่ในที่นี้จะกล่าวถึง โทษร้ายจากดาวอังคาร ที่มีผลต่อดวงคู่ครองโดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า กุชชะ โทษ कुजा दोष หรือ มังคลิโทษ मांगलिक दोष
คุชะโทษ หรือ มังคลาโทษ หรือ มังกัลโทษ เป็นความเชื่อของชาวฮินดู ที่แพร่หลายในอินเดียมาโดยตลอดหลายพันปี หากบุคคลใดที่เกิดภายใต้อิทธิพลร้ายของดาวอังคาร (มังคลา) ตามโหราศาสตร์ฮินดู ปรากฏในดวงชะตาบุคคลนั้นมี "มังคลาโทษ" ("โทษร้ายจากดาวอังคาร") บุคคลนั้นจะถูกเรียกว่า "มังคลิก" ตามความเชื่อของชาวฮินดู หากใครแต่งงานกับคนที่เป็น"มังคลิก" ถือเป็นหายนะอย่างยิ่ง
ชาวฮินดูเชื่อหากใครมี คุชะโทษ(มังคลิก) ไปแต่งงานกับ คนที่ไม่มี คุชะโทษ(มังคลิก) จะทำให้คู่สมรสที่ไม่ใช่ คุชะโทษ(มังคลิก) เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
แต่อย่างไรก็ตาม ชาวฮินดูโบราณก็มีเคล็ดลับป้องกันผลร้ายเหล่านี้ เช่น ให่้บุคคลที่มีคุชะโทษ(มังคลิก)นั้นอาจจะต้องแต่งงานกับต้นไม้ (เช่น กล้วยหรือต้นไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง)สัตว์ต่างๆ หรือวัตถุที่ไม่มีชีวิต เช่น ไม้แกะสักเป็นรูปคน เป็นต้น
ประเพณีการแต่งงานแก้เคล็ดแบบนี้มีชื่อแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ "คู่สมรส" หรือของที่ที่ใช้ในพิธี ตัวอย่างเช่น ถ้าบุคคลนั้นแต่งงานกับหม้อดิน (กุมภะ) พิธีนี้เรียกว่า "กุมภะวิวาห์" ("แต่งงานกับหม้อ") และเชื่อกันว่าผลร้ายทั้งหมดที่เกิดจาก คุชะโทษ(มังคลาโทษ) ตกอยู่กับ "คู่สมรสเทียม" แทน และบุคคลนั้นจึงหลุดพ้นจากผลร้ายของการเป็น "มังคลิก" และการแต่งงานในภายหลังกับมนุษย์ด้วยกันจริงๆก็จะกลายเป็นมีความสุข
คุชะโทษ(มังคลิกโทษ) เกิดจากอะไร
โดยเป็นผลมาจากที่สถิตของดาวอังคารในพื้นดวงชาตา ซึ่งในดวงชาตาผู้ใดก็ตามไม่ว่าชายหรือหญิง หากมีดาวอังคารสถิตย์เรือนที่ 1 ที่ 4 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 12 นับจากลัคนา ถือว่าในดวงนั้นต้อง”กุชชะโทษ”หรือ เป็น มังคลิก
**หมายเหตุ-นักโหราศาสตร์ของอินเดียทางใต้ มีมติเพิ่มเติมว่าว่า หากดาวอังคารสถิตย์เรือนที่ 2* ก็นับเป็นกุชชะโทษด้วยเช่นกัน
ที่มาของคำว่า “กุชชะ”
อ้างอิงจากคัมภีร์ พรหมะไววรรตะ ปุราณะ ब्रह्मवैवर्त पुराण ได้กล่าวไว้ว่าว่า กุชชะ นั้นก็คือบุตรแห่งแผ่นดิน ซึ่งคำว่า “กุ” นั้นหมายถึงแผ่นดินหรือโลก ส่วนคำว่า “ชะ”นั้นหมายถึงการถือกำเนิด
โดย”กุชชะ”นั้นในโหราศาสตร์หมายถึงดาวอังคารโดยถือกำเนิดมาจากปะการังในมหาสมุทรซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการอยู่ร่วมกันระหว่างพระวิษณุกับพระแม่ธรณีหรือ "ภูมิเทวี" (ซึ่งเป็นอวตารของพระแม่ลักษมี) ดังนั้น”กุชชะ”หรือดาวอังคารจึงมีอีกชื่อเรียกว่า เภามะ भौम และนอกจากนี้ดาวอังคารก็มีความหมายถึง”โลก”หรือ “ภูมิการกะ”ในโหราศาสตร์ดวงเมืองอีกด้วย
ความหมายของดาวอังคารหรือ กุชชะ
1. ดาวอังคารเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ พลังงาน ความใฝ่ฝันและความมั่นใจในตนเอง
2. ในทางลบมันทำให้เกิดความก้าวร้าว, ความฉุนเฉียว, ความโกรธ, อารมณ์แปรปรวน, การโต้แย้ง, ความขัดแย้ง, การแข่งขัน, การทำลาย, ความรุนแรง, การบาดเจ็บและความหายนะ
3. พลังงานของดาวอังคารนี้จะต้องมีการควบคุมให้เป็นไปในทางบวก มิฉะนั้นจะนำไปสู่ผลกระทบในด้านร้าย
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครมี "กุชชะ โทษ" ในดวงชาตา
1.การศึกษาพื้นดวงชาตากำเนิด และหาตำแหน่งของดาวอังคารในพื้นดวง ว่าอยู่ในกฎเกณฑ์ของ"กุชชะ โทษ" หรือไม่ และรวมไปถึงกฎข้อยกเว้นต่างๆ
2.ศึกษาผลกระทบของดาวอังคารที่ส่งผลต่อเรือนที่ 7 ของในเรื่องของการแต่งงานโดยเฉพาะ
3.หากมีดาวอังคารอยู่ในเรือนของตนเอง เช่นได้ตำแหน่งเป็นเกษตร หรือเป็นอุจน์ หรืออยู่เรือนที่ 1 แล้ว "กุชชะ โทษ"ก็จะไม่เกิดขึ้น
4.ตำแหน่งของดาวอังคารนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าใครจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจาก "กุชชะ โทษ" ในดวงชาตา และจะต้องหาวิธีแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายจากโทษนี้
ผลร้ายของ"กุชชะโทษ"ในเรือนต่างๆ
ดาวอังคารในเรือนที่ 2 เป็นเรือนที่หมายถึงครอบครัว การเงินและความสุข แต่ผลร้ายของ"กุชชะโทษ"จะทำให้เกิดคำพูดที่รุนแรง ทะเลาะเบาะแว้งเรื่องการเงิน และเกิดความเข้าใจผิดระหว่างคู่ครอง
ดาวอังคารในเรือนที่ 4 เป็นเรือนที่หมายถึงบ้าน ความเป็นแม่ และการเลี้ยงดูในวัยเด็ก แต่ผลร้ายของ"กุชชะโทษ" ผลจะทำให้เกิดความก้าวร้าวต่อกัน, ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องภายในบ้าน, เกิดการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง
ดาวอังคารในเรือนที่ 7 เป็นเรือนที่หมายถึงคู่สมรสและการแต่งงาน แต่ผลร้ายของ"กุชชะโทษ"จะทำให้ เกิดความเข้าใจผิดกันระหว่างคู่สมรส อีกทั้งภูมิหลังของคู่สมรสมีความแตกต่างกันมากจนเข้ากันไม่ได้
ดาวอังคารในเรือนที่ 8 เป็นเรือนที่หมายถึง สวัสดิภาพและความราบรื่นของชีวิตสมรส แต่ผลร้ายของ"กุชชะโทษ"จะทำให้คู่สมรสเสียชีวิตก่อนวันอันควร , เกิดอุบัติเหตุ, และมีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายกันระหว่างคู่สมรส
ดาวอังคารในเรือนที่ 12 เป็นเรือนที่หมายถึงการกระตุ้นความปรารถนาซึ่งกันและกันระหว่างคู่รัก แต่ผลร้ายของ"กุชชะโทษ"จะทำให้ กลายเป็นความเกลียดชังกัน เป็นปรปักษ์ต่อกัน เบื่อหน่าย ไร้อิสรภาพ ความหวาดระแวง และความหึงหวง ทำให้การใช้ชีวิตร่วมกันในแต่ละวันกลายเป็นเรื่องที่ต้องทุกข์ทรมาน
ซึ่งทุกข้อที่กล่าวมาล้วนเป็นเหตุให้เกิดความไม่ลงรอยกันในชีวิตคู่ การมีบุตรช้า และมีปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งมักจะจบลงด้วยการหย่าร้างในที่สุด
เคล็ดวิธีแก้ไข กุชชะ โทษ ในดวงชาตา
1.สำหรับคนที่มี กุชชะ โทษ นี้โหรมักจะแนะนำให้แต่งงานหลังจากอายุ 28 ปีขึ้นไป เพื่อให้ความรุนแรงของ กุชชะ โทษ ลดลง
2.หากเจ้าชาตามี กุชชะ โทษ ดังนั้นจึงแนะนำให้แต่งงานกับบุคคลที่มี กุชชะ โทษ ในดวงชาตาเหมือนกัน นัยว่าเพื่อเป็นการสร้างสมดุลของพลังร้ายของโทษนี้ ให้เป็นกลางต่อกัน
3.มีความเชื่อกันว่าเจ้าชาตาในชาติปางก่อน เคยปฏิบัติไม่ดีต่อคู่ชีวิตของเขาในอดีตชาติ การสวดมนต์สรรเสริญพระหนุมาน "หนุมาน จาลีสา हनुमान चालीसा" หรือ/และสวด “คายะตรี มันตรา गायत्री मन्त्र “ซึ่งนับว่าเป็นมันตราที่ดีที่สุดสำหรับทำลายผลร้ายของ กุชชะ โทษ นี้
4.การบำเพ็ญ"วรัต" หรือการอดอาหารในวันอังคารและการสวดอ้อนวอนถึงเทพแห่งดาวอังคารก็จะช่วยลดความรุนแรงของ กุชชะ โทษ
5.สวมใส่แหวนในนิ้วนางที่ทำด้วย ปะการังสีแดง(Red Coral) ซึ่งมีตัวเรือนทำจากทองคำ อย่างไรก็ตามคุณควรปรึกษานักโหราศาสตร์ก่อน เพื่อหาฤกษ์ยามมงคลก่อนใส่แหวนนี้
กฎข้อยกเว้นของ กุชชะ โทษ
1. หากในพื้นดวงชาตาดาวอังคารในเรือนที่ 4 หรือเรือนที่ 7 ซึ่งตรงกับราศีพิจิก ราศีเมษ ราศีกรกฏ หรือราศีมังกร ถือว่าดาวอังคารสถิตย์ในเป็นตำแหน่งที่ดี และทำให้เจ้าชาตารอดพ้นจาก กุชชะโทษ
2. ดาวอังคารในเรือนที่ 1, 2, 4, 7, 8, หรือ 12 แต่หากสถิตย์ร่วมกับดาวจันทร์ดาวพุธหรือดาวพฤหัสบดี ถือว่าไม่เป็น กุชชะโทษ
3. ดาวอังคารในเรือนที่ 1, 2, 4, 7, 8, หรือ 12 นับจาก ลัคนา, ชนมจันทร์ หรือ ดาวศุกร์ ซึ่งในเรือนดังกล่าวนั้นเป็นเรือนเกษตรของอังคารเอง คือ ราศีเมษหรือราศีพิจิก ถือว่าไม่เป็น กุชชะโทษ
4. ดาวอังคารอยู่ในเรือนของดาวศุกร์(ราศีพฤษภ ราศีตุลย์)นั้นถือว่าไม่ให้โทษ หากเรือนนั้นเป็นเรือนที่ 4 หรือเรือนที่ 7 นับจากลัคนา
5. ดาวอังคารอยู่ในเรือนของดาวพุธ (ราศีกันย์หรือราศีเมถุน) นั้นถือว่าไม่ให้โทษ หากเรือนนั้นเป็นเรือนที่ 2 นับจากลัคนา
6. ดาวอังคารจะไม่ให้โทษ หากอยู่ในเรือนของดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์และดาวเสาร์ (ราศีสิงห์ กรกฏ กุมภ์และมังกรตามลำดับ)
7. ดาวอังคารหากอยู่ในเรือนของดาวพฤหัส (ราศีธนูและมีน)นั้นถือว่าไม่ให้โทษ หากเรือนนั้นเป็นเรือนที่ 8 นับจากลัคนา
8. ดาวอังคารจะไม่ให้โทษ หากอยู่ในจรราศีเช่น ราศีเมษ, ตุลย์, กรกฏและมังกร
9. ดาวอังคารจะไม่ให้โทษ หากอยู่ในราศีกรกฎและราศีมังกร ไม่ว่าจะเป็นเรือนใดใดก็ตาม
10. หากดาวอังคารอ่อนแอและได้โยคเกณฑ์จากดาวศุภเคราะห์
11. หากดาวอังคารอยู่ในราศีกรกฎหรือราศีสิงห์โดย ไม่ว่าจะเป็นเรือนใดใดก็ตาม
12. ดาวอังคารจะไม่ให้โทษ ตามกฎดังต่อไปนี้ ดาวอังคารในราศีเมถุนหรือราศีพฤษภหรือราศีตุลย์ในเรือนที่ 12, ดาวอังคารในราศีเมษหรือราศีพิจิกในเรือนที่ 2, ดาวอังคารในราศีเมษหรือราศีพิจิกในเรือนที่ 4 , ดาวอังคารในราศีพฤษภหรือราศีตุลย์ในเรือนที่ 4, ดาวอังคารในราศีกันย์หรือมังกรในเรือนที่ 8
13. ถ้าดาวอังคารสถิตอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์ดังนี้ คือ อัศวินีนักษัตร มูละนักษัตร และมาฆะนักษัตร
14. หากดาวอังคารอยู่ในราศีมังกรสำหรับลัคน์ธนู หรือดาวอังคารอยู่ในราศีเมษสำหรับลัคน์มีน ไม่ว่าจะเป็นเรือนใดใดก็ตาม ถือว่าอังคารไม่ให้โทษ
15. ถ้าดาวอังคารอยู่ในราศีกุมภ์สำหรับลัคน์พิจิกหรือราศีกรกฏสำหรับลัคน์เมษ
16. ถ้าดาวอังคารอยู่ในเรือนที่ 7 สำหรับผู้ที่มีดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนลัคนา
17. ถ้าดาวอังคารอยู่ในเรือนที่ 8 สำหรับผู้ที่มีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนลัคนา
18. หากดาวอังคารอยู่ในเรือนที่ 2 ซึ่งมีดาวพุธเป็นเกษตรเจ้าเรือน
19. ถ้าดาวอังคารอยู่ในเรือนที่ 4 ซึ่งมีดาวอังคารเองเป็นเกษตรเจ้าเรือน
20. ถ้าดาวอังคารอยู่ในเรือนที่ 12 ซึ่งมีดาวศุกร์เป็นเกษตรเจ้าเรือน
21. หากดาวอังคารสถิตย์ในราศีสิงห์ หรือ ราศีกุมภ์