"สี" ในทางวิทยาศาสตร์บอกว่ามีผลต่อความคิด จิตใจ อารมณ์และความละเอียดปราณีตของจิตใจของมนุษย์ และรวมถึงช่วยสร้างสรรค์งานทางด้านศิลปะ และอื่นๆ สีถูกโฉลกจริงๆทั้งทางโหราศาสตร์ และทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ "สีที่เราชอบนั่นเอง" หลักทางจิตวิทยาบอกว่า ถ้าเราชอบสีแดงเป็นชีวิตจิตใจแล้วละก็ สีแดงก็คือสีถูกโฉลก ไม่ว่าจะเป็น รถสีแดง หรือ เสื้อผ้าสีแดง ล้วนแต่สร้างความมั่นใจให้กับเรา เวลาออกไปไหน ทำอะไรก็รู้สึกดี หรือเห็นสีแดงแล้วสบายใจ เป็นต้น นั่นก็คือถูกโฉลกเราแล้ว
สีถูกโฉลก กับ เหตุผลทางโหราศาสตร์
ในการพิจารณาสีถูกโฉลก ว่าชอบสีไหน ไม่ใช่ให้ไปเชื่อหมอดู เชื่อไปดูตามวันเกิดว่าเกิดวันอะไรจะต้องใช้สีอะไรจึงจะถูกโฉลก แต่ปรากฏว่า สีถูกโฉลกตามตำราหมอดู กลายเป็นสีที่เราไม่ชอบ
สำหรับการอธิบายทางโหราศาสตร์ การชอบสีอะไรก็ตามของคนๆนั้น ไม่ได้ชอบแบบลอยๆไร้เหตุผล แต่แสดงว่าในดวงของคนๆนั้น มีดาวที่ให้คุณอยู่ในดวงชาตา นี่คือเหตุและผลของความชอบ เช่นในดวงชาตามีดาวอาทิตย์ให้คุณและมีกำลังแรง คนๆนั้นจะชอบสี"แดง" ส่วนสีอื่นๆก็เช่นกัน หากเราไม่รู้โหราศาสตร์ก็ให้ใช้ความชอบของตัวเราเป็นหลัก รับรองว่าจะไม่ผิดพลาด
ในโหราศาสตร์พระเวท ดาวเคราะห์ทั้งเก้ายังเป็นตัวปล่อยหรือตัวสะท้อนแสงของรังสีที่มีสีต่างกัน รังสีสีที่สะท้อนและเปล่งออกมานั้นมีลักษณะเฉพาะสำหรับดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่ง การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มีอยู่ในคัมภีร์โหราศาสตร์ของ อียิปต์ กรีก และบาบิโลนด้วย
- สีของดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นส่วนผสมของสีส้มและสีแดง อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปถือว่าเป็นสีแดง
- ดาวจันทร์เป็นสีขาวหม่นแต่เมื่อผสมกับรังสีของอาทิตย์จะเป็นสีส้ม
- ดาวอังคารมีสีแดงแต่เมื่อผสมกับรังสีของอาทิตย์จะเป็นสีเหลือง
- ดาวพุธมีสีเขียวแต่เมื่อผสมกับรังสีของอาทิตย์จะเป็นสีเขียวเข้ม-อ่อน
- ดาวพฤหัสบดีมีสีส้มเหลืองแต่เมื่อผสมกับรังสีของอาทิตย์จะเป็นสีน้ำเงิน
- ดาวศุกร์ถือเป็นสีขาวบริสุทธิ์แต่เมื่อผสมกับรังสีของอาทิตย์จะเป็นสีคราม
- ดาวเสาร์มีสีดำแต่เมื่อผสมกับรังสีของอาทิตย์จะเป็นสีม่วง
- ดาวราหูมีสีดำ สีเงิน บรอนซ์เงิน สีควันบุหรี่
- ดาวเกตุมีสีน้ำตาล
ดังนั้นไม่ว่าเราจะชอบสีอะไรก็ตาม มันก็คือการสื่อถึงพลังงานของดาวที่ให้โชคในดวงชะตาของเรา ในบางครั้ง ในช่วงหนึ่งของชีวิตเราก็ไม่ได้อาจจะชอบสีใดสีหนึ่งไปตลอดชีวิต เมื่อสมัยเด็กเราอาจจะชอบสีเหลือง พอโตขึ้นมาก็อาจจะชอบดำ นั่นหมายความว่า ดาวประจำสีต่างๆกำลังทำหน้าที่เสวยอายุ ซึ่งดาวเสวยอายุก็จะการสลับสับเปลี่ยนดาวเป็นช่วง ๆ ละหลายๆปี
ถ้าเราชอบรถสีแดง แต่เกลียดสีดำ แต่หมอดูบอกว่าให้ใช้รถสีดำแล้วเกิดคุณไปเชื่อหมอดูเข้า ไปซื้อรถสีดำมาใช้ คุณใช้รถไปคุณก็ทุกข์ไป ส่วน"สี"จะผลต่อดวงชาตามากน้อยแต่ไหน ไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐานในปูมโหรใดใด ไม่เหมือนกับปูมดวงชะตา ดังนั้นอิทธิพลของ สี กับดวงชาตา จึงยังต้องศึกษาต่อไปอีก นอกจากสีประจำดาวพระเคราะห์ทั้ง 9 แล้ว ยังมีสีประจำราศีต่างๆ ทั้ง 12 ราศี และสีประจำนักษัตรทั้ง 27 นักษัตร ซึ่งหากมีโอกาสก็จะเขียนอธิบายเพิ่มเติมในส่วนนี้
ความชอบของเราก็คือ "โฉลกของเรา"
ให้เราดูง่ายๆ เวลาเราจะมีแฟน พอเราเจอคนที่ถูกใจ ก็จะเกิดความรักความพอใจขึ้นมาอย่างไม่ต้องมีเหตุผล และไม่เห็นว่าจะต้องไปถามหมอดูก่อนเลยว่าเนื้อคู่เราจะต้องมีลักษณะอย่างไร แต่เราก็เลือกเนื้อคู่ด้วยตัวเราเอง จากความชอบของเราเองอย่างเดียวเท่านั้น และคู่สามี-ภรรยา ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ แต่บางคู่ก็ดูประหลาดไม่เชื่อว่าจะมาเป็นแฟนกันได้ เช่น อายุต่างกัน รูปร่าง-ส่วนสูงไม่สัมพันธ์กัน ผัวหล่อ ได้เมียขีเหร่ เมียสวยได้ผัวอัปลักษณ์ คนมีฐานะร่ำรวยกลับเลือกคนยากจนมาเป็นแฟน คนชั้นสูงมียศศักดิ์กลับเลือกคนต่ำศักดิ์มาเป็นภรรยา และจะไม่สนใจคำครหานินทาใดใดทั้งสิ้น นี่ก็คือ มาจาก"ความชอบพอ"
ในทางโหราศาสตร์กลับมีคำอธิบายในเรื่องเนื้อคู่อย่างชัดเจนและมีเหตุผล เช่น คนที่เป็นเนื้อคู่มาแต่ชาติปางก่อน ในดวงชะตาก็จะบ่งบอกว่าจะได้เนื้อคู่แบบไหน รูปร่าง ลักษณะ ฐานะ ยศศักดิ์ สีผิว ชาติตระกูล จะได้เนื้อคู่ที่มีตำหนิหรือไม่มีตำหนิ และจะป็นภรรยาคนที่เท่าไหร่ โหราจารย์ที่เชี่ยวชาญก็สามารถทำนายออกมาได้อย่างแม่นยำ
คนที่จะมาชอบพอกันหรือรักกันได้ จะมีดาวที่ทั้งสองดวงชะตาสัมพันธ์กัน โดยดวงดาวที่ทำหน้าที่หลัก ก็คือ ดาวอาทิตย์ กับ ดาวจันทร์ และดาวศุกร์กับดาวอังคาร โดย ดาวคู่อาทิตย์จันทร์ บ่งบอกถึงความรัก ความพอใจ ฐานะ อุปนิสัยใจคอว่าเข้ากันได้หรือไม่ ส่วนดาวคู่อังคารศุกร์ บ่งบอกถึงความใคร่ ความหลงไหล ซึ่งดาวทั้ง 4 ดวงนี้ ต้องมีโยคเกณฑ์ถึงกันระหว่างดวงชะตาของทั้งสองคน จึงจะทำให้ทั้งสองคนเกิดความรักความพอใจกันได้ หากเป็นโยคเกณฑ์ดีก็จะมีความรักยั่งยืน หากเป็นโยคเกณฑ์ร้ายก็จะไม่ยั่งยืนและทะเลาะเบาะแว้งกันประจำจนกระทั่งเลิกรากันไปในที่สุด
ตัวอย่างดวงคู่
ผู้เขียนพบดวงชะตาคู่หนึ่ง ซึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะมารักกันได้ เพราะฝ่ายหญิงมีรูปงาม แต่ฝ่ายชายอัปลักษณ์ ยากจน แต่เมื่อนำดวงชะตามาตรวจดู ดาวจันทร์ฝ่ายหญิงเป็นมหาอุจน์อยู่ราศีพฤษภแต่กุมด้วยดาวอาทิตย์ ทำให้ดาวจันทร์ฝ่ายหญิงดับ(เป็นอัสตะเพราะรัสมีอาทิตย์) แต่ในดวงชะตาฝ่ายชายอาทิตย์สถิตย์ราศีพิจิกเล็งดาวจันทร์ฝ่ายหญิงแบบสนิทองศา ทำให้ดาวจันทร์ของฝ่ายหญิงจากจันทร์ดับกลายเป็นจันทร์เพ็ญขึ้นมาทันที นี่ทำให้หญิงรูปงามและมีเสน่ห์กลับมาตกหลุมรักชายอัปลักษณ์แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
สี กับ ความเชื่อโบราณ
ตามหลักโหราศาสตร์แท้ๆ "สี" กับดวงชาตานั้น มันคือการแสดงอิทธิพลและพลังงานของดาวที่เป็นตัวแทนสีนั้นออกมาผ่านความนึกคิดจิตใจของเราและกลายเป็นความชอบของเรา แต่ก็มีหลักวิชาเรื่องสีแทรกอยู่บ้างในวิชาบางสาย เช่น สีประจำวันเกิด โดยเอาสีของดาวดวงนั้น มาเป็นตัวแทน เช่น วันอาทิตย์ ก็เอาสีพระอาทิตย์ คือ สีแดง แทนพระอาทิตย์ วันจันทร์ ก็สีเหลือง แทนค่า ดาวจันทร์ เชื่อกันว่าจะเป็นการเสริมดวงชะตา
การใช้สีในทางโหราศาสตร์ ก็คล้ายกับเป็นการสื่อความหมายแทนดาวเคราะห์แต่ละดวง เหมือนกับเราเอาตัวเลขมาแทนดาวในวิชาโหราศาสตร์นั่นแหละ เช่น เลข ๑ แทนดาวอาทิตย์ เลข ๒ แทนดาวจันทร์ ฯลฯ
สมัยก่อนการใช้สีต่างๆมักใช้ในพิธีบูชาดาวนพเคราะห์ โดยใช้ธงสามเหลี่ยมปักบนบัตรพลีตามสีของดาวเคราะห์นั้นๆเพื่อการสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชาตา นัยเพื่อสื่อกับพลังงานหรือกำลังของดาวเคราะห์ดวงนั้นๆ
ในปัจจุบันเรามักจะเห็นชัดในการใช้สีวันเกิดกับธงประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น ธงประจำพระองค์ในก็รัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จพระราชสมภพวันจันทร์ก็ใช้ธงสีเหลือง และธงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก็เป็นธงสีฟ้า อันเป็นสีประจำพระชนมวาร (เสด็จพระราชสมภพวันศุกร์) นัยว่าเป็นการใช้สีของดาวประจำพระชนมวารเพื่อแสดงและส่งเสริมพระบรมเดชานุภาพ เป็นต้น
*****************************************