เปิดตำนานเทพไท้ส่วย--ที่มาของ ไท้ส่วยเอี๊ย
ชาวจีนที่นับถือลัทธิเต๋าจะมีประเพณีไหว้ตรุษจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหว้เทพเจ้าที่คุ้มครองดวงชาตาในช่วงเวลาของยามแรกของการเริ่มวันแรกของปีใหม่ คือเวลาประมาณ 23. 00 น. ของวันสิ้นปีตามปฏิทินจันทรคติจีน การไหว้เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชาตานี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีและความเชื่อในโหราศาสตร์จีนเกี่ยวกับเทพเจ้าประจำ “ลักจับกะจื้อ” (การหมุนเวียนทั้ง 60 รอบของเทพเจ้าประจำปีนักษัตร) รวมถึงความเชื่อในเทพยดาผู้มีอิทธิพลดลบันดาลชาตาชีวิตของมนุษย์เช่นเดียวกับความเชื่อในเทพเจ้าที่ครองดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวง (ปักเต้าชิงจวิน) และต่อมาพิธีกรรมนี้ได้กลายเป็นประเพณีการไหว้เทพเจ้าคุ้มครองดวงชาตาหรือที่เราเรียกว่า “ไท้ส่วยเอี๊ย”
ไท้ส่วย คือใคร มาจากไหน
“ไท้ส่วย” ตามตัวอักษรจริงๆ แล้วหมายถึง “อายุ” คืออายุขัยหรือชาตากำเนิดของเจ้าชาตา และไท้ส่วยเอี๊ย ก็คือ “เทพเจ้าที่คุ้มครองดวงชาตา” โดยปกติแล้วเทพไท้ส่วย ก็คือเทพเจ้าประจำปีนักษัตรในแต่ละปีซึ่งแต่ละรอบจะมี 12 ปีนักษัตร นับจากปีชวดหรือ子 (จื้อ), ฉลู丑 (ทิ่ว), ขาล寅 (อิ๊ง), เถาะ卯 (เบ้า), มะโรง辰 ( ซิ้ง), มะเส็ง巳 (จี๋), มะเมีย午 (โง่ว), มะแม末 (บี่), วอก申 (ซิน), ระกา西 (อิ้ว), จอ戌 (สุก), กุน亥 (ไห) ไปจนครบ 1 รอบคือ 12 ปี ซึ่งในทางโหราศาสตร์จีนเรียกว่าราศีดิน[1]หรือตี้จือหรือราศีนักษัตร และบวกกับราศีฟ้าหรือเทียนกานอีก 1 รอบหรือ 10 ปี คือ 甲 (กะ), 乙 (อิก), 丙 (เปี้ย), 丁 (เตง), 戊 (โบ่ว), 己 (กี้), 庚辛 (ซิง), 壬 (ยิ้ม), 癸 (กุ่ย ) หมุนรอบและผสมธาตุร่วมกับราศีดินหรือนักษัตรรวมเป็น 60 รอบหรือ 60 ปี การนับเช่นนี้เป็นวิธีนับปฏิทินวันเดือนปีและเวลาของจีนมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์หรือสมัยพระเจ้าเหลือง วิธีนับก็คือเริ่มนับเอาราศีฟ้าเป็นหลักแล้วผสมกับราศีดิน เช่น กะ (ราศีฟ้า) ร่วมกับจื้อ แล้วจะเรียกปีนั้นว่าปี “กะจื้อ”( 甲子)จากนั้นก็มีลำดับตามหลังปีอีก ส่วนปีต่อไปก็เอาราศีฟ้าตัวที่สองรวมกับราสีดินตัวที่สองก็จะได้เป็น ปีอิกทิ่ว แล้วก็นับไปจนครบทั้งสองราศี ซึ่งก็จะได้ 1 รอบเท่ากับ 60 ปี ทำให้จำง่ายว่าปีนี้เป็นปีไหนจะไม่ซ้ำกันเลยและใช้นับได้เป็นพัน ๆ ปี คล้ายกับการนับของไทยเราที่เรียกเป็นตัวอย่างว่า พ.ศ.ฉลูเบญจศก ปีจอเอกศก ดังในการจดบันทึกเอกสารโบราณของไทยสมัยรัชกาลที่ 4 บันทึกว่า. . . . . . . . (แก),
“กฎให้ไว้ ณ วันเสาร์ เดือนสิบ ขึ้นสิบห้าค่ำ จุลศักราชพันร้อยสี่สิบสี่ (พ. ศ. ๒๓๒๕) ปีขาล จัตวาศก”
วิธีนับปีผสมธาตุตามทฤษฎี หลักจับกะจื้อ
10 ราศีฟ้า แทนค่าด้วย 0-9
0)甲 (กะ)1)乙 (อิก),2)丙 (เปี้ย),3)丁 (เตง),4)戊 (โบ่ว),5) 己 (กี้),6)庚 (แก),7)辛 (ซิง),8)壬 (ยิ้ม),9)癸 (กุ่ย )
12 ราศีดินแทนค่าด้วย A-L
A)ชวด子 (จื้อ),B)ฉลู丑 (ทิ่ว),C)ขาล寅 (อิ๊ง),D)เถาะ卯 (เบ้า),E)มะโรง辰 ( ซิ้ง),F)มะเส็ง巳 (จี๋),G)มะเมีย午 (โง่ว),H)มะแม末 (บี่),
I)วอก申 (ซิน),J)ระกา西 (อิ้ว),K)จอ戌 (สุก),L) กุน亥 (ไห)
เอาราศีฟ้าเป็นหลัก คือ 0A(甲子),ปีต่อไปคือ 1B(乙丑),2C(丙寅),3D(丁卯),4E(戊辰),5F(己巳),6G(庚午),7H(辛末),8I(壬申),9J(壬西)เมื่อหมดราศีฟ้าแล้วแต่ยังเหลือราศีดินอีกสอง ก็ต้องเอาราศีฟ้าเริ่มนับใหม่ต่อเนื่องกันไปอีกคือ 0K(甲戌),1L(乙亥) ต่อมาก็คือ 2A(丙子 ),3B(丁丑) ),4C(戊寅 )ทำอย่างนี้นับไปจนครบ 60 ชุดหรือ60ปี
เรียกว่า “หลักจับกะจื้อ” หรือการผสมธาตุทั้ง 60 ธาตุ
นักโหราศาสตร์ เชื่อว่าหลักการนับปีของจีนนี้มาจากการคำนวณวงรอบการโคจรของดาวพฤหัสบดีซึ่งใน 1 ปี ดาวพฤหัสบดีจะโคจร 1 ราศี และเมื่อโคจรครบรอบจักรราศีหรือครบทั้ง 12 ราศี ก็จะเท่ากับ 12 ปีพอดี เมื่อผสมกับเบจญธาตุทั้งห้าของจีนก็คือน้ำ ไม้ ไฟ ดิน ทองแล้วก็จะกลายเป็น 60 ปีพอดี ซึ่งหลักการนี้ก็สอดคล้องกับระบบการคำนวณปีของจีน เมื่อผสมราศีทั้งดินและฟ้าทั้ง 60 ปี (ลักจับกะจื้อ) แล้วจะ แบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม หรือห้าธาตุพอดีเช่นกัน คือปีที่เริ่มนับจากปีกะจื้อ (0A) เปี้ยจื้อ (2A)โบ่วจื้อ (4A) แกจื้อ (6A) ยิ่มจื้อ (8A) เป็นหลักนั่นเอง โดยทั่วไปการนับ “ลักจับกะจื้อ” จะนับโดยใช้ราศีดินทั้ง 12 อิงกับ 12 นักษัตร จะลงตัวพอดี ทำให้คนทั่วไปนิยมและคุ้นเคยกับการนับจากปีนักษัตรเช่นนี้สืบเนื่องมา
ไท้ส่วยกับดวงชาตา
จากหลักการนับปีของโหราศาสตร์จีนและความเชื่อเรื่องเทพผู้คุ้มครองดวงชาตาดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าในแต่ละปีจะมีเทพคุ้มครองไม่ซ้ำกันถึง 60 องค์ทั้ง 60 ปี ซึ่งหากเจ้าชาตาเกิดปีใดที่เทพไท้ส่วยองค์คุ้มครองอยู่ก็ควรที่จะทำการบูชาเซ่นไหว้ อธิษฐานขอพรจากเทพไท้ส่วยองค์นั้นให้คุ้มครอง ให้ประสบกับโชคดีมีชัย ทำมาค้าขึ้น เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีโชคมีลาภ และถ้าหากปีใดที่เทพคุ้มครองประจำปีจรมาขัดกับเทพคุ้มครองประจำชาตากำเนิด (ชง) ก็จะมีผลทำให้ชีวิตวิบัติ ฉิบหาย ประสบเหตุเภทภัยต่าง ๆ นานา ดังที่เราเรียกกันว่ามีเคราะห์จากการ “ชงไท้ส่วย” ถ้าหากปีใดเป็นปี “ชง” ของเจ้าชะตา ก็จะต้องมีการสะเดาะเคราะห์เซ่นไหว้บูชาเทพประจำดวงชาตาของเราทั้งประจำนักษัตรปีที่เกิดและปีที่จรมาแต่ขัดกับปีนักษัตรกำเนิดเพื่อให้เกิดสวัสดิมงคล ปัดเป่าเคราะห์หามยามร้าย เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี
หลักการของการชงไท้ส่วย
ทฤษฎีแม่ธาตุ
ทำไมต้องเกิดการชงกันขึ้น เหตุผลของการ “ชง” นี้ก็เนื่องมาจากหลักเบญจธาตุของจีน ซึ่งเชื่อในหลักสมดุลของธรรมชาติโดยทุกสิ่งต้องอิงอาศัยซึ่งกันและกัน มีการส่งเสริม เช่น ทองกำเนิดน้ำ ไม้กำเนิดไฟ น้ำกำเนิดไม้ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทอง…. และหักล้างกันเช่น ไม้พิฆาตดิน ดินพิฆาตน้ำ น้ำพิฆาตไฟ ไฟพิฆาตทอง ทองพิฆาตไม้ ไม้พิฆาตดิน . . . . หมุนเวียนเป็นวัฏจักร ซึ่งก็คือพื้นฐานของจักรวาลตามทฤษฎีหยินหยาง และเบญจธาตุ (โหวงเฮ้ง) อันเป็นรากฐานปรัชญาเต๋าซึ่งแสดงถึงแนวคิดของจีนทั้งหมดนั่นเอง ดังจะเห็นได้ว่าปรัชญาการแพทย์จีน ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย ศาสนา ประเพณี ก็มีหลักการนี้เป็นพื้นฐานทั้งหมด ซึ่งในแต่ละปีนักษัตรหรือราศีดินและราศีฟ้าก็จะมีธาตุประจำตัวอยู่
แสดงธาตุและพลังของราศีฟ้าทั้ง ๑๐ ราศี
ชื่อภาษาจีน |
พลัง |
ธาตุ |
甲 (กะ) |
หยาง 阳 |
ไม้ 木 |
乙 (อิก) |
หยิน 阴 |
ไม้ 木 |
丙 (เปี้ย) |
หยาง 阳 |
ไฟ 火 |
丁 (เตง) |
หยิน 阴 |
ไฟ 火 |
戊 (โบ่ว) |
หยาง 阳 |
ดิน 土 |
己 (กี้) |
หยิน 阴 |
ดิน 土 |
庚 (แก) |
หยาง 阳 |
ทอง 金 |
辛 (ซิง) |
หยิน 阴 |
ทอง 金 |
壬 (ยิ้ม) |
หยาง 阳 |
น้ำ 水 |
癸 (กุ่ย) |
หยิน 阴 |
น้ำ 水 |
แสดงธาตุและพลังของราศีดิน ๑๒ ราศี
ปีนักษัตร |
ชื่อภาษาจีน |
พลัง |
ธาตุ |
ชวด |
จื้อ 子 |
หยาง 阳 |
น้ำ 水 |
ฉลู |
ทิ่ว 丑 |
หยิน 阴 |
ดิน 土 |
ขาล |
อิ๊ง 寅 |
หยาง 阳 |
ไม้ 木 |
เถาะ |
เบ้า 卯 |
หยิน 阴 |
ไม้ 木 |
มะโรง |
ซิ้ง 辰 |
หยาง 阳 |
ดิน 土 |
มะเส็ง |
จี๋ 巳 |
หยิน 阴 |
ไฟ 火 |
มะเมีย |
โง่ว 午 |
หยาง 阳 |
ไฟ 火 |
มะแม |
บี่ 末 |
หยิน 阴 |
ดิน 土 |
วอก |
ซิน 申 |
หยาง 阳 |
ทอง 金 |
ระกา |
อิ้ว 西 |
หยิน 阴 |
ทอง 金 |
จอ |
สุก 戌 |
หยาง 阳 |
ดิน 土 |
กุน |
ไห 亥 |
หยิน 阴 |
น้ำ 水 |