บทสรุปทริปทัวร์แสวงบุญอินเดีย 4 สังเวชฯ 15 วัน
1.พ่อค้าชาวอินเดียพูดไทยได้คล่องและชัดเจนทุกคน ดังนั้นจงอย่าคิดว่าเค้าฟังเราไม่ออก และพ่อค้าส่วนมากใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง
การซื้อสินค้าควรต่อราคาให้ลงไป 50 เปอร์เซ็นต์ก่อน หรือหาร้านอื่นๆ เปรียบเทียบสัก 3 ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ
2.พ่อค้าอินเดียและขอทานอินเดีย ตื้อสุดๆ โดยเฉพาะหากเจอคนไทย เพราะรู้จุดอ่อนของคนไทยว่าใจอ่อน ตามตื้อเราตั้งแต่ตีนเขาไปถึงยอดเขาได้สบายๆ ผิดกับชาติอื่นที่แขกไม่ค่อยตามตื้อ
เพราะเค้ารู้ว่าคนไทยรวยและใจอ่อน เพราะวัดไทยมีอยู่ทั่วทุกเมือง อีกคนไทยทั้งทำฉัตรทองคำครอบองค์พระมหาเจดีย์พุทธคยา และนักท่องเที่ยวชาวไทยมานมัสการ 4สังเวชฯ มากกว่าชาติอื่นๆ
3.หากเจอพ่อค้าที่จะมาตื้อขายของ จงอย่างมองหน้าเขา หรือ สินค้าของเขา หากมองเค้าจะรู้ว่าเราสนใจ แล้วเค้าจะตามตื้ออย่างที่คุณเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน แล้วคุณจะรู้จักคำว่า "ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก" มันมีอยู่จริงๆ
บางคนก็มาเนียนแบบพ่อค้าเดินมาใกล้ๆเราแล้วเอามือมาแตะตัวเราตลอด เดี๋ยวแตะไหล่ แตะแขน แตะมือ พันกันยุ่งไปหมด เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆนี่คือการทักทายหรือเปล่า แต่เราก็ต้องจับกระเป๋าสตางค์ให้แน่นเอาไว้ พร้อมกับบอกว่า Don't touch me ! หรือไม่ก็พูดฮินดีใส่แขกเลยว่า "นาฮี้ นาฮี" ซึ่งแปลว่า "ไม่"
4.ขอทานอินเดียไม่ได้จนทุกคน หรือ ยากจนอย่างที่เราคิด บางคนก็แกล้งทำพิกลพิการก็มี สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวขอทานบางคนมีรายได้มากว่าพ่อค้าเสียอีก โดยทำตัวให้น่าสงสารเข้าไว้
เดี๋ยวนี้รัฐบาลรัฐพิหารได้จัด จนท. จำนวนหนึ่งถือไม้เรียวเอาไว้ยืนยามประจำตามเส้นทางที่เราจะไปแสวงบุญ เพื่อไล่พวกขอทานเด็กๆออกไปไม่ให้มารบกวนนักท่องเที่ยว แต่สุดท้าย จนท.ก็มาขอเก็บเงินค่าไล่ขอทานกะเราอีก งงสุดๆ
หากเราอยากทำบุญให้ไปทำที่วัดใดก็ได้ มีทั้งวัดไทย จีน ญวน ลาว เขมร ธิเบต ศรีลังกา ฯลฯ
5.ขอทานเป็นอาชีพอาชีพหนึ่งของอินเดีย ขอกันตั้งแต่รุ่นทวด จนถึงปู่ย่า แม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวก็ตาม
เพราะอินเดียมีจารีตโบราณ เรียกว่า Dhana Daan Punya "ธนะ ทาน ปุญญะ" เรื่องการทำบุญให้เงินกับขอทาน หรือพวกวรรณะต่ำ เพื่อสะเดาะเคราะห์หรือให้ทานเนื่องในเทศกาลต่างๆของศาสนาฮินดู ซึ่งเดือนหนึ่งๆจะมี 5-7 วัน
6.ในสังเวชนียสถานหรือสถานที่แสวงบุญอื่นๆของชาวพุทธจะพบพระปลอมมากว่าพระจริง โดยเป็นพวกขอทาน อัพเกรด โกนหัวห่มจีวร(แบบเถรวาท) ไว้หลอกพวกคนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ธิเบต ฯลฯ เพราะพวกเขาแยกไม่ออก นึกว่าเป็นพระเถรวาท จริงๆ
และพระปลอมบางคนก็สวดธรรมจักรฯหรือพระสูตรอื่นๆได้ด้วย เนื่องจากพื้นฐานของคนอินเดียฉลาดและท่องจำเก่ง
7.ในเส้นทาง 4 สังเวชฯ แทบไม่มีร้านสะดวกซื้อ ส่วนมากจะเป็นร้านไม่สะดวกซื้อมากกว่า
ดังนั้นก่อนไปต้องเตรียมของจำเป็นไปให้ครบ และเผื่อคนอื่นๆด้วยก็จะดีมาก
8.คนอินเดียเกือบทั้งประเทศกินมังสวิรัติ จำพวกถั่วเผือกมันและผักต่างๆ ผสมเครื่องเทศ ดังนั้นในตลาดจะไม่มีเนื่อสัตว์ขาย นอกจากนี้จากอินเดียยังเชื่อว่าพวกกินเนื้อสัตว์เป็นพวกวรรณะต่ำ พวกชนชั้นแรงงาน
หากเป็นตลาดของมุสลิมก็จะมีเนื้อควายหรือไก่มาขาย ซึ่งจะขายตัวเป็นๆ เวลาจะซื้อเค้าก็จะจัดมาเชือดคอให้เดี๋ยวนั้นเลย
ส่วนหมูไม่ต้องพูดถึงประเทศนี้ไม่มีหมูให้ทานนะครับ นอกจากหมูป่า วิ่งไปวิ่งมาตามไร่นา ไม่รู้ว่าเค้าเลี้ยงหรือเป็นหมูป่าจริงๆ แต่เห็นทั่วไปหมด
9.ในเส้นทาง 4 สังเวฯ ไม่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋องขาย หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ โปรดนำไปเอง
10.สุนัขที่อินเดียไม่มีตัวผอมๆ เหมือนบ้านเรา ส่วนมากจะอ้วนๆ ขนยาวๆ แสดงว่าเค้าเลี้ยงดี แต่ก็มีหลายตัวหน้าตาคล้ายหมาไทย แต่แปลกที่ไม่ค่อยเจอแมว
11. หากท่านไปพักวัดไทยในเส้นทาง 4 สังเวชฯ ก็จะมีอาหารหลักประจำอยู่ทุกวัด คือ ไข่เจียว แกงส้ม และจับฉ่าย และไม่มีเนื้อสัตว์ใดใดทั้งสิ้น นอกจากเป็นครั้งคราว
หากไปจะต้องเตรียม น้ำพริก กะปิ น้ำปลา หมูทอด หมูหยอง หมูเค็ม มาม่า ตุนเอาไว้ด้วย
12.สถานที่ประสูติที่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล ห้ามนำโทรศัพท์และกล้องถ่ายภาพเข้าไปในอาคารสิริมหามายา
13.ในเส้นทาง 4 สังเวชฯจะมีวัดไทยให้แวะพักเข้าห้องน้ำ และทานอาหารกาแฟ โรตี บริการฟรี อยู่ทุกระยะ 150-200 กม.นับเป็นบุญของคนไทย
14.การเดินทางบางครั้งนานนับ 10 ชั่วโมง รถก็จอดข้างทางให้ไปทำธุระส่วนตัว สำหรับสุภาพสตรีก็จะมีเต๊นท์กางให้ ส่วนสุภาพบุรุษไปยิงกระต่ายตามอัศยาศัย
15.อาหารอินเดียยอดฮิตก็จะเป็นซาโมซ่า ลาสซี่(โยเกิรต์) แกงกระหรี่ไก่ โรตี นาน จาปาตี และชานมอินเดีย ฯลฯ โปรดเลือกดูร้านที่สะอาดและทำออกมาร้อนๆเท่านั้น
16.ที่มหาเจดีย์พุทธคยา มีการตรวจเข้ม 2 ด่าน มีการScanกระเป๋าถือ และห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้าไป แต่จะมีบริการรับฝากฟรีอยู่ด้านหน้า ส่วนกล้องถ่ายภาพสามารถนำเข้าไปได้แต่ต้องลงทะเบียนและเสียเงินค่าธรรมเนียม
17.ด้านหน้ามหาเจดีย์พุทธคยา จะมีแขกเอาแบ๊งค์ 10 รูปีมาแลก เป็นปึกๆ เพื่อให้เราเอาไปทำบุญ แต่ข้อควรระวังคือนับเงินไม่ครบ
18.ลูกประคำหินสีต่างๆที่วางขายกันเกลื่อน หรือลูกประคำไม้จันทร์หอม ที่ขายกันแพงๆ ส่วนมากล้วนเป็นของปลอมที่ทำมาจากจีน
พระพุทธรูปองค์ดำที่นาลันทา ที่แกะด้วยหินจริงๆมีจำหน่ายไม่แพงมาก แต่ต้องดูดีๆบางองค์ทำจากเรซิ่นแต่ขายแพงเท่าหินแท้
19.สถานที่สำคัญในพุทธประวัติ ควรถอดรองเท้าก่อนเข้า ทุกๆแห่ง แต่ส่วนมากจะถูกพวกฮินดูยึดไปเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าของฮินดูไปหมด เวลาไปไหว้ก็ให้เราระลึกถึงพระรัตนตรัยแทน
20.อินเดียมีฝุ่นเยอะมากในทุกๆแห่งหน จนต้องสวมหน้ากากกันฝุ่น ใครเป็นภูมิแพ้ต้องระวังให้มาก
ส่วนตอนเย็นแทบทุกเมืองก็จะมีกลุ่มควันไฟหนาแน่น ปกคลุมมีกลิ่นขี้วัวคละคลุ้งไปทั่วทั้งเมือง
เนื่องจากชาวบ้านกำลังหุงหาอาหารโดยใช้ก้อนขี้วัวผสมกับฟางหรือแกลบตากให้แห้ง ใช้มาทำถ่านก่อไฟแทนฟืน
เพราะเดี๋ยวนี้อินเดียแทบไม่มีป่าไม้หลงเหลืออยู่เลย ไม่มีฟืนหุงข้าวก็ใช้ก้อนขี้วัวแทน
จากการเดินทางตั้งแต่โกกัลตา-คยา- สารนาถ -พาราณสี- กุสินารา จนถึงเนปาลและเมืองสำคัญอื่นๆประมาณ 1500 กม. ข้างทางแทบไม่เห็นป่าเลย มีแต่ฝุ่นล้วนๆ
21.อากาศในอินเดียเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันมาก เช่นหน้าหนาวกลางคืนหนาวมาก 5-6 องศา แต่กลางวันร้อนมาก แต่ใน หน้าร้อนอาจจะสูงถึง 45+ องศา
22.คนอินเดียโดยรวมเป็นคนจิตใจดี ไม่ดุร้าย ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อ่อนน้อม ถ่อมตน และยินดีช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
23.เมืองคยา และรัฐพิหารทั้งรัฐ ห้ามขายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิด
24.เวลาเราเดินไปไหนก็มักจะพบกับคนวัยหนุ่มสาวชาวอินเดีย ชอบมาขอถ่ายรูปกับพวกเรา ตอนแรกก็งงๆนึกว่าจะมาเก็บตัง ที่แท้ที่นี่เค้าฮิตเซลฟี่กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
25.เรื่องตังค์ทอน ก่อนซื้อของให้ถามเค้าก่อนว่ามีเงินทอนไหม เพราะบางที่ไม่มีเงินทอน หรือไม่ยอมทอนเงิน แม้แต่ร้านกาแฟในสนานบินโกกัลตา บางร้านก็ไม่มีเงินทอน
26.อินเดียเป็นประเทศที่มหัศจรรย์มาก เพราะมีวิถีชีวิตของคนสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและวิถีชีวิตแบบคนโบราณที่สืบสานมานานนับพันๆปี มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
บางทีเราจะเห็นรถม้าวิ่งคู่ไปกับรถเก๋งรุ่นใหม่ สามล้อถีบรับจ้าง กำลังวิ่งแข่งกับ รถสามล้อเครื่อง
27.ถนนหนทางในอินเดีย เสียงแตรรถคือเสียงประจำชาติ บีบแตรกันได้ทุกๆ 1-5 นาที ไม่ว่ารถจะติดหรือถนนจะโล่งก็จะบีบแตรเอาไว้ก่อน รถคันไหนแตรเสียก็เท่ากับเครื่องเสีย เพราะแตรเสียคนขับก็จะจะไม่กล้าออกมาวิ่งรถ ต้องซ่อมแตรก่อนอย่างอื่น
ที่ว่าเป็นเสียงประจำชาติก็เพราะเวลาเราขับรถเข้าด่านประเทศเนปาล เสียงแตรรถก็จะหายไปในทันที ถึงแม้ว่าจะมีรถเต็มถนนก็ตาม
และที่สำคัญที่นี่เวลารถชนหรือเฉี่ยวกัน จะหนักแค่ไหนก็จะไม่เอาเรื่องเอาราวกัน ชนแล้วก็แล้วกันแทบไม่หันมามองหน้ากันเลย เหมือนเป็นแค่เรื่องธรรมดาๆ จิ๊บๆ