กฐินแม้จะเรียกชื่อแตกต่างกัน แต่เมื่อจะทอด ย่อมต้องใช้หลักเกณฑ์และวิธีการเดียวกันทั้งสิ้น กล่าวคือ เดือนเดียว ครั้งเดียว ผืนเดียว ห้ารูปวัดเดียว
๑ เดือนเดียว คือ ต้องทอดภายในระยะเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่แรมค่ำ ๑ เดือน ๑๑ (วันออกพรรษา) จนถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ (วันลอยกระทง)
๒ ครั้งเดียว คือ วัดแห่งหนึ่ง ในฤดูกฐินปีหนึ่ง ทอดได้เพียงครั้งเดียว และพระสงฆ์ก็รับได้เพียงครั้งเดียว คำว่า “ครั้ง” ในที่นี้หมายความว่ามีเจ้าภาพได้รายเดียวนั่นเอง
๓ ผืนเดียว คือ ผ้าที่จะสำเร็จเป็นกฐินได้ มีเพียงผืนเดียว คือเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่งเท่านั้น ผ้าอื่นที่ถวายในคราวเดียวกันนี้ไม่ใช่ผ้ากฐิน
๔ ห้ารูปวัดเดียว คือ พระสงฆ์ที่จะรับกฐินได้ ต้องจำพรรษาอยู่ในวัดเดียวกันโดยไม่ขาดพรรษา มีจำนวนอย่างน้อย ๕ รูป วัดที่มีพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป รับกฐินไม่ได้ จะนิมนต์มาจากที่อื่นให้ครบ ๕ รูป ก็ใช้ไม่ได้
กฐินต้องห้าม
๑. หากฐินเอง
ปัจจุบันนี้ มีเจ้าอาวาสหรือลูกวัดบางแห่ง (หลายแห่ง) ออกเที่ยวบอกบุญขอให้ญาติโยมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่วัดของตน โปรดทราบว่า การกระทำเช่นนั้นผิดพุทธบัญญัติ กฐินที่ได้มาโดยการที่พระสงฆ์บอกบุญหามาเองเช่นนี้ก็ ไม่เป็นกฐิน
การถวายผ้ากฐินนั้นเป็นหน้าที่ของญาติโยม ไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่จะเที่ยวไปบอกให้ญาติโยมนำมาถวาย ตัวกฐินจริงๆ อยู่ที่ผ้าผืนเดียว ซึ่งราคาไม่มาก ไม่เกินกำลังที่ญาติโยมจะขวนขวายหาไปถวาย ถ้าเขามีศรัทธา หน้าที่ของวัดหรือของพระสงฆ์จึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไรญาติโยมจึงจะเกิดศรัทธาที่บริสุทธิ์
การเที่ยวออกปากขอกฐินเองนอกจากจะผิดพุทธบัญญัติ ขัดต่อพระธรรมวินัย และไม่เป็นกฐินแล้ว มองอีกแง่หนึ่งก็เท่ากับเป็นการฟ้องตัวเองว่าหาผู้ศรัทธาเลื่อมใสโดยบริสุทธิ์มิได้แล้วกระมัง จึงต้องเที่ยวบอกเที่ยวหากันเช่นนั้น
กฐินไม่ใช่เทศกาลหาเงินเข้าวัด ไม่ควรบิดเบือนพุทธบัญญัติ ไม่ควรเบี่ยงเบนประเพณี ถ้าจะหาเงินเข้าวัด ก็น่าจะคิดอ่านกระทำด้วยวิธีการที่บริสุทธิ์ถูกต้อง ไม่ควรแอบอ้างอาศัยพุทธบัญญัติจนเกิดการแปรปรวน เท่ากับทำลายตัวเอง กฐินมีระยะเวลาเพียงเดือนเดียว ถ้าจะหาเงินเข้าวัด เราไปช่วยกันหาในช่วงเวลาอีก ๑๑ เดือนที่เหลือจะไม่ดีกว่าหรือ จะไม่บริสุทธิ์กว่าดอกหรือ
อนึ่ง อาการที่เที่ยวออกบอกบุญหาเจ้าภาพทอดกฐินเช่นนั้น มิใช่หมายเอาเพียงแค่พระสงฆ์เองเดินไปบอกด้วยวาจาเท่านั้น แต่รวมไปถึงวิธีการทุกรูปแบบ เช่น จดหมาย ใบฎีกา โฆษณา โทรสาร โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต หรือวิธีการไฮเทคอย่างใดๆ ก็ตาม นับว่าไม่ถูกต้อง ผิดพุทธบัญญัติ ขัดต่อพระธรรมวินัย และไม่เป็นกฐินทั้งสิ้น ทั้งนี้เว้นไว้แต่ ในพรรษานั้นมีเจ้าภาพเรียบร้อยแล้วพระจึงบอกญาติโยมเพื่อให้มาร่วมอนุโมทนาโดยทั่วกันเท่านั้น - อย่างนี้ไม่เป็นไร
๒. เจ้าภาพหมู่
องค์กฐินสำเร็จด้วยผ้าผืนเดียว ซึ่งปกติก็ควรจะเป็นของเจ้าภาพรายเดียว แต่ปัจจุบันนี้เกิดปรากฏการณ์ที่ผิดเพี้ยนไปจากพุทธบัญญัติ คือทอดกฐินที่วัดเดียวกัน แต่มีเจ้าภาพมากกว่าหนึ่งราย ปรากฏการณ์เช่นนี้มี ๒ ลักษณะ คือ
ลักษณะที่๑ มีเจ้าภาพมาพร้อมกันมากกว่าหนึ่งราย และทุกรายได้รับแจ้งจากทางวัดว่าเป็นเจ้าภาพใหญ่เหมือนกันหมด ต่างก็จัดองค์กฐินคือผ้าไตรมาเหมือนกันหมด ตั้งเรียงกันเป็นแถว บางทีนับเป็นสิบๆ เจ้าภาพ ทุกคณะต่างเข้าใจว่าตนเป็นเจ้าภาพใหญ่ ผ้าไตรที่ตนนำมานั้นคือผ้ากฐิน เมื่อถึงเวลาก็ทำพิธีถวาย และพระสงฆ์ก็รับไว้หมดทุกไตรทุกเจ้าภาพ
ลักษณะที่๒ มีเจ้าภาพมาทีละคณะ คณะนี้มาถึง ก็ทำพิธีถวายโดยเข้าใจว่าเป็นการทอดกฐิน พระสงฆ์ก็รับ คณะโน้นมาถึง ก็ทำพิธีถวาย พระสงฆ์ก็รับอีก ถวายกันโดยทำนองนี้โดยทุกคณะต่างเข้าใจว่าคณะของตนมาเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน
โปรดทราบว่าการถวายกฐินและรับกฐินในลักษณะทั้งสองอย่างนี้ ไม่ถูกต้องผิดพุทธบัญญัติขัดต่อพระธรรมวินัยและไม่เป็นกฐินทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะในรอบหนึ่งพรรษา พระสงฆ์รับกฐินได้เพียงครั้งเดียว และผ้ากฐินก็มีได้เพียงผืนเดียว การรับผ้าหลายผืนจากหลายเจ้าของคือหลายเจ้าภาพในคราวเดียวกัน หรือรับหลายครั้งจากหลายเจ้าภาพ โดยไม่รู้ว่าผ้าของเจ้าภาพรายไหนเป็นผ้ากฐิน จึงไม่ถูกต้อง
การที่เป็นเช่นนี้ เนื่องมาจากเจ้าอาวาส หรือลูกวัด หรือกรรมการวัด ต่างรู้เห็นเป็นใจกันออกไปเที่ยวบอกบุญหาเจ้าภาพมาทอดกฐิน และมุ่งจะให้มีเจ้าภาพมากๆ เพื่อหวังได้เงินเข้าวัดมากๆ โดยไม่คำนึงถึงพุทธบัญญัติ การกระทำเช่นนั้นผิดถึงสองชั้น คือพระสงฆ์บอกบุญหาเจ้าภาพทอดกฐินที่วัดที่ตนเองจำพรรษาอยู่ก็ผิดชั้นหนึ่งแล้วการหาเจ้าภาพหลายรายหลายคณะโดยไม่รู้ว่าผ้าของคณะไหนเป็นผ้ากฐินก็ผิดซ้ำเข้าอีกชั้นหนึ่ง
การที่พระสงฆ์เที่ยวบอกบุญให้ญาติโยมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่วัดที่ตนจำพรรษาอยู่ แม้จะบอกแก่เจ้าภาพรายเดียว ก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว (ดังกรณีในข้อ ๑ หากฐินเอง) ยิ่งบอกหาเจ้าภาพมาเป็นคณะหลายคณะก็ยิ่งผิดซ้ำสอง เพราะผ้ากฐินมีได้เพียงผืนเดียว คือเป็นผ้ากฐินจริงๆ อยู่เพียงเจ้าภาพเดียว แต่เพราะการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องของทางวัด จึงเกิดปัญหา แทนที่จะมีผ้ากฐินผืนเดียว (หรือไตรเดียว) ของเจ้าภาพรายเดียว ก็กลายเป็นมีผ้ากฐินหลายผืน หลายไตร หลายเจ้าภาพ ซึ่งไม่ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ ที่ซ้ำร้ายก็คือทางวัดยังสร้างความเข้าใจผิดให้แก่ญาติโยมว่าผ้าของทุกคณะทุกเจ้าภาพเป็นผ้ากฐินเสมอกันทั้งหมด ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้เลย เพราะผ้าที่จะเป็นผ้ากฐินนั้นมีได้เพียงผืนเดียว และเมื่อรับผ้านั้น พระสงฆ์จะต้องรู้แน่แล้วว่าผ้าของเจ้าภาพรายไหนเป็นผ้ากฐิน จะใช้วิธีรับรวมๆ กันไว้ก่อนแล้วไปเลือกเอาเพียงผืนเดียวตอนทำพิธีกรานกฐินนั้นไม่ได้เลย ทั้งนี้เพราะทันทีที่รับผ้าจากเจ้าภาพรายแรกแล้ว สิทธิที่จะรับผ้ากฐินผืนอื่นก็เป็นอันสิ้นสุดลง เพราะพรรษาหนึ่งรับกฐินได้เพียงครั้งเดียว เจ้าภาพรายอื่นๆ แม้จะตั้งผ้าไตรเรียงรายอยู่ต่อหน้าตรงนั้นก็หมดสิทธิ์ที่จะเป็นผ้ากฐิน จะเป็นได้ก็เพียงบริวารกฐินเท่านั้น
ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ทางวัดมักไม่บอกแจ้งให้เจ้าภาพทั้งหลายเข้าใจ ทำให้เจ้าภาพทุกคณะหลงเข้าใจผิดว่าตนเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงแค่บริวารกฐิน เหตุทั้งนี้เกิดจากโลภจิต คิดแต่จะให้ได้เงินมากๆ โดยไม่คำนึงถึงพุทธบัญญัติ ถ้าไปบอกญาติโยมว่า ขอเชิญไปร่วมเป็นบริวารกฐินก็เกรงว่าโยมจะไม่ร่วม เพราะใครก็อยากจะเป็นเจ้าภาพใหญ่ แต่จะไปบอกให้เป็นเจ้าภาพใหญ่รายเดียว ก็เกรงว่าจะได้เงินน้อยไป จึงบอกหลายๆ เจ้าภาพทั้งๆ ที่มีเจ้าภาพได้รายเดียว ก็ต้องใช้วิธีบอกว่าทุกคณะเป็นเจ้าภาพเสมอกัน ซึ่งเป็นการบิดเบือนพุทธบัญญัติ ขัดต่อพระธรรมวินัย และผลสุดท้ายก็ไม่เป็นกฐิน
บางวัดแม้จะไม่บอกหาเจ้าภาพหลายคณะ แต่เจ้าอาวาสจะเป็นผู้เลือกรับจองเฉพาะรายที่ถวายเงินมากกว่า การกระทำอย่างนี้ถือว่าเป็นกฐินที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
ควรจำไว้และเข้าใจให้ถูกต้อง
๑. กฐินเป็นกาลทาน คือทานที่จำกัดด้วยระยะเวลา จะทอดกฐินได้ตั้งแต่แรมค่ำ ๑ เดือน ๑๑ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เท่านั้น ไม่ใช่ทอดกฐินกันได้ทั้งปีเหมือนทอดผ้าป่า
๒. วัดแต่ละวัด จะรับกฐินได้เพียงปีละครั้งเดียว โดยมีเจ้าภาพรายเดียวเท่านั้น เมื่อถวายแล้วก็เป็นอันแล้วเสร็จ จะมีเจ้าภาพมาถวายเป็นรายที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าจะมีเจ้าภาพหลายราย ก็ต้องรวมกันให้เป็นรายเดียว มีผ้ากฐินไตรเดียวหรือผืนเดียว ที่เรียกว่ากฐินสามัคคี
๓. พระสงฆ์ที่จะรับกฐินได้ ต้องจำพรรษาอยู่ในวัดเดียวกันโดยไม่ขาดพรรษา และมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ รูป วัดที่มีพระจำพรรษาน้อยกว่า ๕ รูป รับกฐินไม่ได้ จะนิมนต์จากวัดอื่นมาให้ครบ ๕ รูปก็ใช้ไม่ได้ (โปรดดูหลักฐานข้อพิจารณาในบทที่ชื่อ ปัญหาเรื่องพระห้ารูป) ใครที่อยากเป็นเจ้าภาพทอดกฐินหมู่ คือนิมนต์พระเป็นสิบเป็นร้อยวัดมารับกฐินในที่เดียวกัน โปรดระวังให้ดี การนิมนต์วัดที่มีพระไม่ถึง ๕ รูปมารับกฐินเป็นการหลอกลวงทั้งผู้จัดทั้งผู้รับ
๔. การถวายและการรับกฐิน จะทำ ณ สถานที่ใดๆ ก็ได้ แต่เวลาสวดกรรมวาจา คือการทำสังฆกรรมยกผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง และเวลากรานกฐิน คือประชุมสงฆ์เพื่ออนุโมทนา ต้องทำในเขตสีมา หรือจำง่ายๆ ว่า "ต้องทำในโบสถ์" เท่านั้น
๕. การกรานกฐิน คือเมื่อรับผ้ามาแล้วนำไปทำตามกรรมวิธีที่กำหนดไว้ในพระวินัยบัญญัติจนสำเร็จเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่งแล้วนำมาเข้าที่ประชุมสงฆ์เพื่ออนุโมทนา ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในวันที่รับกฐิน คือก่อนรุ่งอรุณของวันใหม่ ไม่ใช่ ภายใน๒๔ชั่วโมง นับแต่เวลารับกฐินอย่างที่มักจะพูดกันเพลินไป
๖. สิ่งที่ทำให้สำเร็จเป็นกฐิน ก็คือ ผ้าผืนเดียว ซึ่งพอที่จะตัดเย็บเป็นสบง จีวร สังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่งเพียงชนิดเดียว ผ้าดังกล่าวนี้จะเป็นผ้าขาวก็ได้ หรือผ้าที่ตัดเย็บสำเร็จรูปมาแล้วก็ได้ ของอื่นๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผ้าไตรอีกกี่สิบกี่ร้อยไตร แม้แต่เงิน ไม่ว่าจะกี่แสนกี่ล้าน ก็มีฐานะเป็นเพียง บริวารกฐิน เท่านั้น การให้ความสำคัญแก่บริวารกฐินมากกว่าผ้ากฐินถือว่าเป็นการบิดเบือนเบี่ยงเบนพุทธบัญญัติ
๗. กฐิน เป็นหน้าที่ของญาติโยมที่จะขวนขวายรวบรวมกันนำมาถวายสงฆ์ ไม่ใช่หน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ที่จะไปขวนขวายวิ่งเต้นบอกญาติโยมให้นำมาถวายแก่ตนเอง
๘. พระภิกษุจะเป็นเจ้าภาพทอดกฐินก็ได้ แต่ต้องทอดแก่วัดอื่น ไม่ใช่วัดที่ตนจำพรรษาในปีนั้น
๙. การรับกฐิน ก็ทำนองเดียวกับการรับนิมนต์ เมื่อบอกรับแก่เจ้าภาพรายใดแล้ว ก็ย่อมเป็นสิทธิ์แก่เจ้าภาพรายนั้น และเป็นหน้าที่ของสงฆ์จะต้องฉลองศรัทธาเจ้าภาพรายนั้น การบอกคืนเจ้าภาพรายเดิมเพื่อไปรับกฐินของเจ้าภาพรายใหม่ที่บอกว่าจะถวายเงินมากกว่า เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ
๑๐. ผู้จะเป็นเจ้าภาพทอดกฐินวัดใด ควรสืบดูให้รู้ชัดว่า วัดนั้นรับจองกฐินของเจ้าภาพรายไหนไว้แล้วหรือยัง ถ้ามีผู้จองแล้ว และวัดนั้นรับการจองแล้ว ก็อย่าเป็นเจ้าภาพทอดที่วัดนั้นอีกในปีนั้น เว้นไว้แต่ท่านพอใจจะเป็นบริวารกฐิน หรือทำในลักษณะเป็นกฐินสามัคคี คือมีเจ้าภาพหลายราย แต่พร้อมใจกันรวมเป็นคณะเดียว มีผ้ากฐินผืนเดียว (หรือไตรเดียว) และพร้อมใจกันทอดเป็นคณะเดียวกัน
โดย..นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย