1.แสงสว่างที่พอเพียง
ทำไมจึงจะต้องเป็นแสงสว่าง (ใที่นี้แหล่งกำเนิดของแสงหมายถึงดวงอาทิตย์ แสงแดด) ไม่ว่าห้องไหนๆก็ต้องการแสงสว่าง จึงจะมี “หยางชี่” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กุ้ยชี่” หรือชี่ที่รุ่งเรือง หมายความว่าชี่เหล่านี้จะช่วยให้พลังกับเราในการเสริมเรื่องอำนาจ วาสนา บารมี ยศ ตำแหน่งและบริวาร แสงสว่างที่มากจนเกินไปหรือน้อยจนเกินไปก็ไม่ดี ทางที่ดีที่สุดก็คือแสงสว่างที่อบอุ่นและมีความสว่างบ้านในบ้านอย่างพอดี หรือมองเห็นแสงสว่างที่ดูอบอุ่นและเป็นเส้นสายค่อยๆพุ่งเข้าไปในห้อง และภายในห้องก็จะต้องมีเงาทาบอยู่ที่ผนังอย่างบางๆ จึงจะเรียกได้ว่าบ้านหลังนี้มีความสมดุลทั้งหยินและหยาง ชี่แห่งความรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์จึงจะครบถ้วนสมบูรณ์
แต่หากว่าแสงสว่างของห้องมีมากจนเกินไป หรือสว่างจนแสบตาไปจนทั่วทั้งห้อง ในกรณีนี้แสงสว่างนั้นก็จะกลายเป็น “ซากวง” หรือแสงพิฆาต จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในห้องนั้นจะกลายเป็นคน เห็นแก่อำนาจ กระหายอำนาจและชื่อเสียง ลาภยศตำแหน่งอย่างไม่รู้จบ หรือยอมเอาชีวิตเข้าแลกเลยทีเดียว จนกระทั่งท้ายสุดก็จะสูญเสียอำนาจหลุดจากตำแหน่ง และเป็น
และถ้าหากเป็นบ้านหลักเล็กๆ หรือห้องเล็กๆก็ต้องระวังเรื่องแสงสว่าง อย่าให้มากจนเกินไปนัก พิจารณาจากแหล่งกำเนิดแสงที่มาจากด้านนอก หรือแสงแดด หน้าต่างไม่ควรจะมีขนาดที่ใหญ่มากจนเกินไป เพราะอาจจะกลายเป็น “ซากวง” หรือแสงพิฆาตได้ง่าย
วิธีแก้ไขที่ทำได้ง่ายก็คือติดตั้งม่านประตูหน้าต่าง หรือแม้แต่การปิดหน้าต่างลงบ้างก็จะช่วยได้มากในการปรับสมดุลย์ของหยินและหยางภายในบ้าน และต้องพยายามอย่างให้แสง”ซากวง” เข้ามาในบ้าน
ในการเลือกซื้อบ้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอาคารชุด ซึ่งต้องคำนึงถึงเรื่องของแสงสว่างและทิศทางที่แดดส่องถึงให้มากที่สุด และถ้าหากเป็นห้องเล็กๆ ก็ต้องพยายามอย่างให้มีช่องของแสงที่จะสาดส่องเข้ามามากจนเกินไป และต้องหลีกเลี่ยงประเภทห้องที่ทำผนังกั้นภายนอกด้วยกระจกทั้งหมดหรือเปิดโล่งเอาไว้ ซึ่งการออกแบบอาคารสมัยใหม่มักที่จะออกแบบพนังทั้งด้านในและนอกอาคารเป็นกระจกแทนผนังปูนแบบเก่า และก็จะทำให้ “ซากวง” หรือแสงพิฆาตสาดส่องเข้ามาได้ สำหรับการเลือกดูบ้านก็ควรที่จะไปดูทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อพิจารณาให้รู้ชัดในเรื่องแสงและเงาที่มีอยู่ภายในบ้าน
2.มีลมหมุนเวียน
ทำไมจึงจะต้องมีลมหมุนเวียน เพราะในหลักของฮวงจุ้ยนั้นลมมีความสำคัญมาก และในบ้านทุกๆหลังนั้นจะต้องมีทิศทางที่ระบายลมเข้าออก จึงจะมี”ช่างชี่” หรือลมแห่งโชคลาภ และหากลมที่พัดหมุนเวียนเข้าออกนั้นเป็นกระแสลมที่ดูอ่อนโยนและอบอุ่นหรือสายลมพัดเย็นสบายในหน้าร้อน อย่างนี้จึงจะเรียกเป็นลักษณะของกระแสลมที่ดี ซึ่งฮวงจุ้ยเรียกว่า “ซ่อนลมเก็บชี่” โชคลาภจึงจะไหลเนืองนองมาอย่างไม่ขาดสาย ทำกิจการอันใดก็ไร้อุปสรรคขัดขวาง
ในเรื่องของกระแสลมนั้น ทางฮวงจุ้ยถือหลักว่า ลมไม่ควรแรงหรือน้อยจนเกินไป หากมีกระแสลมที่พัดแรงถาถมใส่บ้านอยู่ตลอดเวลา ลมนั้นก็คือ “ซาเฟิง” หรือลมพิฆาต โดยเฉพาะห้องที่อยู่บนอาคารสูง หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับโชคร้าน เช่นอุบัติเหตุ เลือดตกยางออก และกระทบกระเทือนถึงโชคด้านความรักและความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง และก็จะพัดพาโชคลาภออกไปจากบ้านหลังนั้น และหากเป็นห้องอยู่อาศัยขนาดเล็ก ก็ยิ่งต้องระวัง
การแก้ไขที่อาจจะช่วยได้บ้าง ก็คือการปิดหน้าต่างในขณะที่ลมแรง เพื่อป้องกันกระแส ลมพิฆาตที่จะพุ่งเข้ามา
การเลือกซื้อบ้านนั้นจำเป็นจะตองดูทิศทางลมให้ถูกต้อง และต้องมีลมถ่ายเทได้สะดวก ไม่ใช่ว่าพอเปิดหน้าต่างก็กระแสลมแรงพัดกระแทกเข้ามาในทันที ดังนั้นในการเลือกซื้อคอนโด บ้าน หรืออาคารชุด โดยเฉพาะพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก ก็จะต้องคำนวณทิศทางลมให้ดี และต้องทำการทดสอบโดยการเปิดหน้าต่างของห้อง ลองสัมผัสด้วยตัวของเราเองว่า เมื่อลมพัดถูกต้องตัวเราแล้วเรารู้สึกอย่างไร และลักษณะของลมเป็นเช่นไร และลองเดินไปรอบห้องลองสัมผัสถึงกระแสลมที่พัดผ่าน รู้สึกเย็นสบายหรือ หนาวยะเยือก หากใจโล่งปลอดโปร่งดีหรือไม่ อากาศบริสุทธิ์ไร้กลิ่นอื่นๆหรือไม่ และลองเดินเข้าไปในมุมอับลมของห้อง เช่นห้องน้ำ ห้องครัว หรือมุมใดมุมหนึ่งของห้อง และสัมผัสว่ามีการหมุนเวียนของอากาศในบริเวณนี้หรือไม่
ความหมายของ ซาเฟิง หรือลมพิฆาต ที่พอเข้าใจง่ายๆก็คือ กระแสลมที่ส่งผลร้ายต่อเรา ตัวอย่างเช่น บ้านที่อาศัยอยู่ในท้ายซอยตัน หรืออยู่ในซอยลึกๆ หรืออยู่ในมุมตึกสูง อยู่ในซอกหลืบ การแสชี่ย่อมที่พัดเข้าไปไม่ถึง ทำให้คนที่อยู่อาศัยรู้สึกอัดอัดไม่สบาย และบ้านที่มีตึกสูงๆอยู่รายล้อมรอบ ก็เช่นเดียวกัน
3.ฝ้าเพดานควรจะต้องยกสูง
ฝ้าเพดานต้องยกสูงเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดวางฮวงจุ้ย และอย่าพยายามออกแบบให้สวยงามโยการลดระดับฟ้าเพดานลงมาเป็นอันขาด หรือการเล่นระดับของฝ้าเพดาน ก็เพราะช่วงระดับความสูงของศีรษะจรดฝ้าเพดาน เป็นระยะที่สำคัญมาก เพราะเป็นระยะของการสร้างความกดดันให้กับผู้อยู่อาศัย หากระยะนี้แคบ หรือต่ำ การไหลเวียนของกระแสชี่ทำได้ยาก ผู้อยู่อาศัยก็จะกลายเป็นคนเก็บกด และต้องเผชิญกับสภาวะที่ต้องถูกกดดันอยู่ตลอดเวลา ยิ่งห้องยิ่งเล็ก การกดดันก็จะยิ่งมีมาก
และผลกระทบอีกอย่างที่มีต่อหัวหน้าครอบครัวก็คือ คนๆนั้นก็จะไม่ทางอยู่เป็นสุข เพราะกิจการงานที่ทำก็จะถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกคดโกง และถูกกดดันอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้นว่าจะต้องดิ้นรนต่อสู้สักเพียงใดก็ตาม ก็จะยังคงไม่ประสบความสำเร็จและถูกกดขี่กดดันอยู่ร่ำไป
4.ห้องต่างๆต้องมีการแบ่งให้ชัดเจน
เหตุผลว่าทำไมเราจึงจะต้องจัดแบ่งห้องต่างๆให้ชัดเจน ก็เพราะว่าในหลักการของฮวงจุ้ยนั้น ห้องครัวเป็นตัวแทนของทรัพย์สิน การเงิน รายได้ ห้องนอนของแต่ละคนก็จะเป็นตัวแทนของ โชคลาภของแต่ละคน โชคด้านความรัก การแต่งงาน และการงาน ของแต่ละบุคคล ส่วนห้องรับแขกนั้นเป็นตัวแทนของ ความสัมพันธ์ของคนในบ้าน สถานะและตำแหน่งของเจ้าของบ้าน ถ้าหากห้องต่างๆเหล่านี้ไม่ถูกจัดวางและแบ่งสรรให้ชัดเจนถูกต้อง หรือมีการใช้งานที่ผสมปนเปกัน ก็ย่อมที่จะทำลายโชคลาภและเกิดความขัดแย้งตามมา
ปัญหาที่เรามักพบก็คือ ห้องที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก เช่น ห้องที่มีขนาด 70 ตรม. อย่างน้อยก็สามารถที่จะมีการกั้นแบ่งห้องให้ชัดเจนได้ เช่น อย่างน้อยก็ควรจะต้องมีห้องครัว ห้องรับแขก ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กๆก็ตาม แต่หากห้องมีขนาด 40 ตรม ก็คงจะทำการจัดสรรได้ยาก และคงจะต้องใช้สอยแบบผสมๆกันในทุกๆหน้าที่
สำหรับการเลือกซื้อห้องหรือคอนโดที่มีขนาด 30 ตรม หากจะทำการจัดแบ่งห้องแล้ว หลายๆคนก็คงคิดว่าไม่สามารถจะกระทำได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถที่จะจัดสรรเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน ต่างๆมาช่วยจัดแบ่งขอบเขต ของห้องต่างๆก็พอจะกระทำได้ แต่หากสามารถเลือกได้จริงๆ ก็ควรที่จะหาห้องที่มีการจัดแบ่งห้องจะดีกว่า อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องเสียเงินอีกเล็กน้อย เพื่อต่อเติมกั้นห้อง คือ อย่างน้อยมีห้องครัว และห้อนนอน ก็จะทำให้ ตำแหน่งขุมทรัพย์ของเจ้าของบ้านมีความเข้มแข็งมั่นคงมากยิ่งขึ้น