Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

ฮวงจุ้ยซื้อบ้าน

วิธีเลือกซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน และวิธีเสริมฮวงจุ้ยที่ถูกต้อง  

ในชีวิตหนึ่ง คนเราจะมีบ้านได้สักกี่หลัง จะมีที่ดินสักกี่ผืน และบ้านหลังนั้น ที่ดินผืนนั้นอยู่เย็นเป็นสุขหรือเปล่า และนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้เราหรือไม่ การเลือกซื้อบ้าน-ที่ดินตามหลักฮวงจุ้ยนั้น มีองค์ประกอบใหญ่อยู่ 3 ส่วน  คือ ฟ้า(ฤกษ์ยาม) ดิน(ฮวงจุ้ย) คน(ดวงชะตา) ดังนั้นการดูฮวงจุ้ยบ้านจริงๆนั้น ไม่ใช่ดูแค่ตัวบ้านของเรา หรือเฉพาะที่ดินของเราแค่นั้น แต่ต้องดูเงื่อนไขอื่นๆแล้วนำมาประกอบกันซึ่งมีอยู่ 4 ส่วน ดังนี้

(1.)ฮวงจุ้ยภายใน (ดิน) คือตัวที่ดินและตัวบ้านของเราเอง คือพลังชี่ของดิน และรูปทรงของตัวบ้าน แปลนบ้าน ตำแหน่งห้องต่างๆ  รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ ว่าถูกหลักฮวงจุ้ยและถูกโฉลกกับดวงชะตาและอาชีพของเราหรือไม่

หรือเรียกว่า ฮวงจุ้ยบ้าน ทั้งภายใน ภายนอก ต้องดูลักษณะรูปทรง ตัวบ้าน ทิศทางหรือการวางตำแหน่งของตัวอาคารที่เราอาศัยอยู่ ทั้งพื้นว่าง พื้นที่จัดสวน รั้ว ประตูใหญ่ ส่วนภายในก็ต้องดูการจัดวางผังบ้าน ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ

ทั้งนี้ก็เพื่อมาเพื่อกำหนด ห้องประธาน ตำแหน่งขุมทรัพย์  ตำแหน่งบริวาร ตำแหน่งวาสนาบารมี  ตำแหน่งพ่อแม่และลูกหลาน ตำแหน่งอาชีพการงาน ยศศักดิ์ ทั้งหมดล้วนต้องสัมพันธ์กับกิจการหรืออาชีพที่เราจะทำ และสมพงศ์กับดวงชาตาของผู้อยู่อาศัยแต่ละคน 

(2.)ฮวงจุ้ยภายนอก (ดิน) คือสภาพแวดล้อมรอบบ้านในรัศมีจากตัวบ้าน อาจจะเป็นประมาณ 500 เมตรไปจนถึง 1-3 กิโลเมตร ทั้งที่มองเห็นได้โดยสายตาและในกรณีที่ห่างจากระยะที่สายตามองเห็นก็จะต้องสำรวจไปชัยภูมิโดยรอบ 1-3 กิโลเมตรว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับดวงชะตาและอาชีพของเจ้าบ้านหรือไม่ เช่น

หรือเรียกอีกอย่างว่า ฮวงจุ้ยชัยภูมิ หรือภูมิทัศน์รอบๆบ้าน (อย่างน้อยรัศมี 1 ตารางกิโลเมตร) หรือที่เรามองเห็นได้จนสุดสายตา เพราะภูมิทัศน์รอบๆนี่แหละเป็นตัวกำหนดฮวงจุ้ยของตัวบ้านของเราและมีอิทธิพลต่อฮวงจุ้ยบ้านมากที่สุด ทั้งจะต้องดูจากถนน ปากซอย ทางเข้า จนไปถึงท้ายซอย และแยกมุมถนนต่างๆ ทั้งแหล่งน้ำ ชุมชน กิจการค้าอื่นๆ อาคารที่อยู่โดยรอบ เช่น วัด โบสถ์ ศาลเจ้า โรงงาน โรงแรม โรงเรียน แม่น้ำลำคลอง ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า สะพาน วัด เจดีย์ ถนน ฯลฯ ล้วนแต่มีผลต่อตัวบ้านและที่ดินของซึ่งส่งผลต่อ โชคเคราะห์ของเราทั้งสิ้น

(3.)ดวงชะตา (คน)ของเจ้าของบ้านทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ทั้งดวงสามีภรรยาและผู้อยู่อาศัย (คน) ซึ่งในดวงชะตาของคนเราเป็นตัวกำหนดฮวงจุ้ยซึ่งเป็นรูปแบบของตัวเองโดยเฉพาะ อีกทั้งดวงชะตาจะสามารถบ่งบอกอาชีพ หน้าตา บุคลิก นิสัยใจคอ ความสามารถเฉพาะด้าน เพราะดวงชะตานั้นควบคุมฮวงจุ้ยอีกที ดังนั้นคนดวงดี ทำแต่ความดี มีบุญบารมีสูงก็จะต้องได้ฮวงจุ้ยที่ดีเองโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างพวกฝรั่งหรือแขกไม่รู้เรื่องฮวงจุ้ย แต่กลับรวยกว่าเราที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยเสียอีก เพราะอะไร ก็เพราะดวงชะตาหรือกรรมดีที่พวกเขาสร้างมานั้นเอง

อาจารย์เคยไปดูบ้านมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ไม่เคยเชื่อฮวงจุ้ยมาก่อน แต่พอไปดูฮวงจุ้ยกลับถูกต้องและสมบูรณ์ทุกประการแทบไม่ต้องแก้อะไรเลย นี่คือ บุญหรือดวงชะตาที่ท่านได้สั่งสมเอาไว้ ท่านเจ้าบ้านมักจะใช้เพียงแค่ความรู้สึกว่าบ้านควรจะออกแบบๆแบบนี้  สวนควรจะอยู่ทางนี้ ห้องควรจะจัดวางตรงนี้ ซึ่งก็ถูกต้องทุกประการ

แต่ในบ้านของบางท่าน ที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยเป็นอย่างมาก พอเข้าไปรู้สึกเหมือนศาลเจ้า แขวนโน่นนี่นั่นไปหมด เชิญซินแสมาดูทุกปีไม่ซ้ำหน้ากัน แต่ธุรกิจการงานก็ยิ่งล้มเหลว มากขึ้นไปอีก พอดวงยิ่งตก ก็จะได้เจอแต่ซินแสปลอมๆ มาหลอกเอาเงิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดังนั้นจึงมีคำจีนโบราณกล่าวเอาไว้ว่า 福人居福地 ฝูเหรินจวีฝูตี้, 福地福人居ฝูตี้ฝูเหริอจวี แปลความได้ว่า คนมีบุญก็จะได้อยู่อาศัยในที่อันเป็นมงคลเสริมบุญบารมี  ที่ดินอันเป็นมงคลก็ย่อมจะได้คนมีบุญบารมีมาอยู่อาศัย ดังนั้นหากเข้าใจกฎเกณฑ์แห่งกรรมดีกรรมชั่วแล้ว แล้วเราประพฤติแต่ความดี ก็ไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องฮวงจุ้ย

(4.)ฤกษ์ยาม (ฟ้า) ก็คือฤกษ์ยามในการก่อสร้าง ฤกษ์ยามในการเข้าอยู่อาศัยในวันแรกคืนแรก หรือฤกษ์ในการทุบรื้อเพื่อแก้ไขฮวงจุ้ย ว่าสมพงศ์กับดวงชะตาหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้มีอิทธิพลส่งผลดีร้ายได้เช่นกัน เพราะซินแสสมัยโบราณใช้การดูดวงดาวบนฟ้าเป็นหลัก ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีใดใด เช่น เมื่อ ซินแสเห็นภูเขาลูกหนึ่งมีรูปทรงอย่างไร ท่านก็สามารถทำนายได้ว่าด้านหลังภูเขาลูกนั้นมีอะไร เช่น สายน้ำ หมูบ้าน หรือเมือง เพราะมันคือพลังสะท้อนพลังชี่ของภูเขา(หรือมังกร)

หากสังเกตบนหล่อแก (หรือเข็มทิศฮวงจุ้ย) ในรายละเอียดวงกลมในหล่อแก่ที่เป็นวงต่างๆนั้น ล้วนแต่อ้างอิงทิศทางมาจากดวงดาวต่างๆและกลุ่มดาวฤกษ์บนฟ้าแทบทั้งหมด ก็ในเมื่อดวงดาวมีการโคจรไปในท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา ซินแสก็จำเป็นต้องรู้ว่าดาวบนฟ้าโคจรไปทางทิศไหนตำแหน่งก่อนแล้วจึงมาดูความสัมพันธ์บนหล่อแกและผสานกับดวงชะตาอีกที

การที่ใช้ตำแหน่งดวงดาวคือหัวใจในการคำนวนฮวงจุ้ย เพราะตำแหน่งดวงดาวเราสามารถคำนวณการโคจรการคำนวณล่วงหน้าได้ ย้อนหลังหลังได้ ซึ่งสามารถนำมาทำนายย้อนอดีตได้ ทำนายอนาคตได้ ก็มาจากการคำนวนตำแหน่งดวงดาวบนฟ้าทั้งสิ้น

ดังนั้นในเลือกซื้อบ้าน หรือเลือกซื้อที่ดินปลูกบ้านเพื่ออยู่อาศัย หรือ สร้างออฟฟิศ ทำโรงงานประกอบธุรกิจ ต้องพิจารณาถึงทิศทางของพลังชี่ดี-ร้ายต่างๆ สนามพลังหยินหยางของแต่ละพื้นที่ ทิศทางลมและทิศทางพระอาทิตย์ขึ้นตกในแต่ละฤดูกาล และอิทธิพลจากการโคจรของดาวเคราะห์บนฟากฟ้า นอกจากนี้ยังต้องมีฤกษ์ยามที่สมพงศ์กับดวงชาตาของเจ้าบ้านและกิจการที่ทำ เพื่อใช้พลังฟ้า- คน- ดิน สอดประสานกันสมดุลย์กัน จึงจะสมบูรณ์

ซึ่งจำเป็นจะต้องดูองค์ประกอบเหล่านี้ให้ครบทั้งหมด ไม่ใช่ดูแค่ตัวบ้านหรือที่ดินของเราอย่างเดียว จึงจะได้ทำเลที่สมพงศ์กับดวงชะตา และดวงอาชีพ อยู่แล้วอยู่เย็นเป็นสุข มั่งคั่ง เจริญรุ่งเรืองไปชั่วลูกชั่วหลาน

ของแก้ฮวงจุ้ย

การแก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ดังนั้นการแก้ฮวงจุ้ย โดยใช้สิ่งของต่างๆ เช่น มีด ดาบ กระจก สิงโต น้ำเต้า น้ำพุ อ่างน้ำ ตู้ปลา  ลูกแก้ว ฯลฯ บางครั้งอาจจะไม่ค่อยได้ผลนักถ้าวางผิดตำแหน่ง  แต่กลับเป็นผลร้ายยิ่งไปอีก และการแก้ฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดก็คือ ต้องทำให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด และทำให้กลมกลืนกับตัวบ้านมากที่สุด  ไม่ใช่ไปวางของแก้ฮวงจุ้ยทั่วไปหมดจนบ้านกลายเป็นศาลเจ้า

ซึ่งตามหลักวิชาฮวงจุ้ยแต่โบราณไม่มีเรื่องให้เชื่อแบบงมงาย ไม่ต้องมีกระจกแก้ฮวงจุ้ย ไม่ต้องมีน้ำพุ ไม่ต้องมีบ่อปลา ไม่ต้องของวิเศษอาจารย์ปลุกเสกมาแก้แล้วขายให้ลูกค้าเป็นหลายๆแสน ถ้าไม่ซื้อก็จะโดนขู่ว่าจะโชคร้าย

หลักการแก้ฮวงจุ้ยมาแต่โบราณของจีนนับพันๆปีไม่มีของเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย หากใครเคยไปเมืองจีน ไปชมหมู่บ้านโบราณของจีนซึ่งมีอายุหลายร้อยปี หรือเป็นพันปี ซึ่งก็มีอยู่กระจายอยู่ทั่วเมืองจีน ไม่มีหลังไหนมีน้ำพุ กระจกแปดเหลี่ยม แขวนกระดิ่ง แขวนน้ำเต้า ฯลฯ ของแบบนี้เรียกว่าฮวงจุ้ยปลอบใจ ก็เท่านั้น

ซึ่งวิธีการแก้ฮวงจุ้ยด้วยของที่อ้างวิเศษมีพลังเหล่านี้ มีที่มาจาก ซินแสในฮ่องกงนำมาใช้ในสมัยเกือบร้อยปีก่อน  และแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ และฮวงจุ้ยบางสำนัก ซึ่งมันก็เป็นจิตวิทยาแบบหนึ่งทำคนคนหายกังวลใจ ว่าฮวงจุ้ยได้ถูกแก้ไขแล้วด้วยของวิเศษ ต่อมาหากมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นก็จะไม่นึกว่ามาจากปัญหาฮวงจุ้ย(เพราะคิดว่าถูกแก้ไขแล้ว) แต่คิดว่ามาจากปัญหาอื่นแทน จริงๆมันก็คือปัญหาฮวงจุ้ยเดิมๆนั่นแหละที่ยังไม่ได้ถูกแก้ไข แต่เรารู้ไม่เท่าทันจิตวิทยาแบบนี้

จริงๆการแก้ไขหรือเสริมฮวงจุ้ยแต่โบราณ มักจะใช้ความหมายเชิงสัญลักษณ์มาแทนที่ อ้างตามคัมภีร์ฮวงจุ้ยโบราณกล่าวไว้ว่า “高一寸为山เกาอี๋ชุ่นเหวยซาน低一寸为水ตีอี๋ชุ่นเหวยสุ่ย”  แปลได้ว่าสูง 1 นิ้วก็คือภูเขา ต่ำ 1 นิ้วนิ้วก็คือน้ำ ( 1 นิ้วจีนเท่ากับ 3.33 ซม) ดังนั้นหากบ้าหลังนี้ขาดธาตุน้ำจำเป็นต้องมีน้ำหน้าบ้าน  โบราณก็ทำพื้นให้ต่ำและมีขอบเขตที่ต้องการ จะลึกลงไปจะกี่นิ้วก็ตามก็คือสระน้ำแล้ว ซึ่งก็คือตำแหน่งหงส์แดง ไม่จำเป็นต้องไปทำสระน้ำหรือน้ำพุจริงๆ ส่วนหลังบ้านเป็นตำแหน่งเต่าดำต้องพิงภูเขา ซินแสสมัยโบราณก็จะยกระดับพื้นด้านหลังให้สูงขึ้น ก็เป็นภูเขาได้แล้ว ไม่ใช่รูปปั้นเต่าทาสีดำไปวางให้เป็นเต่าดำ ส่วนตำแหน่งเสือขาว มังกรเขียวก็เช่นกัน  ตำแหน่งมังกรเขียวต้องอยู่สูงกว่าตำแหน่งเสือขาว ซินแสโบราณจะไม่ได้แนะให้ทำบ้านทรงสูงกว่าข้างใดข้างหนึ่ง เพราะจะทำให้เสียสมดุล แต่จะแก้โดยการปลูกต้นไม้ไว้ฝั่งมังกรเขียวแทน เมื่อต้นไม้สูงขึ้น ตำแหน่งมังกรเขียวก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย นี่คือภูมิปัญาฮวงจุ้ยโบราณ หากใตรไม่มีความรู้ ก็จะไม่มีทางที่จะเข้าใจความหมายในนัยแฝงของวิชาฮวงจุ้ยได้เลย

ความเข้าใจผิดเรื่อทิศและองศาของฮวงจุ้ย

บางคนก็เชื่อว่าคนเกิดปีนี้บ้านก็หันทิศนี้ บางบ้านก็หันหน้าบ้านไปตามทิศที่ตัวเองเชื่อ จนทั่งหันหน้าบ้านไปอยู่หลังบ้านก็มี ซึ่งถ้าหากลูกหลานเกิดคนละปีมีทิศประจำคนละทิศ ต่อมาได้ครอบครองบ้านหลังนี้ต่อจากพ่อแม่ จะมิต้องทุบบ้านเปลี่ยนทิศหรือ

บางคนก็เชื่อว่าหันหัวนอนไปทิศตะวันตกไม่ดี อาจารย์ไปดูบ้านจัดสรรมาแล้วทั่งกรุงเทพ ปริมณฑล โดยเฉพาะบ้านแฝดหากบ้านใดหันหัวนอนไปทางทิศตะวันออกบ้านติดกันก็จะหันไปทางตะวันตก เพราะทางโครงการก็ต้องสร้างให้ mirror กันก็คือตรงข้ามกัน เพื่อเสริมความมั่นคงของโครงสร้าง ก็เห็นว่าขายได้หมดทุกหลัง ไม่ใช่หลักไหนหันหัวนอนห้องนอนหลักไปทางทิศตะวันตกแล้วขายไม่ออก หรือต้องลดราคา

หรือบางคนเชื่อว่าบ้านหันทิศใต้อยู่แล้วรวย หันไปทิศอื่นแล้วจะไม่ดี แล้วทิศมงคลก็จะเปลี่ยนไปตามยุค อาจารย์ก็อธิบายว่าให้ลองไปดูธนาคารสาขาต่างๆดู หรือไม่ก็ไปดูร้านทองใหญ่ๆ มันก็หันไปทุกทิศนั่นแหละ ก็เห็นผลประกอบการก็ได้กำไรทุกปี รวยขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน ธนาคาร ร้านทองก็ไม่เห็นจะต้องหันทิศเปลี่ยนไปตามยุค ก็ยังรวยอยู่นั่นแหละ

บางคนก็เชื่อเรื่ององศาในหล่อแก ว่าองศานี้ดี จริงๆแล้วองศาในหล่อแกทั้ง 360 องศาก็มีดีมีร้ายอยู่ในองศาเดียวกันนั่นแหละ ไม่ใช่องศาไข่มุกจะดีเสมอไป ไม่เชื่อก็ลองไปดูองศาในสลัม ซึ่งเป็นที่อยู่ของคนจน จะองศาดีแค่ไหน ทิศดีแค่ไหนก็ยังจนอยู่วันยังค่ำ หรือไม่ก็ไปวัดองศาในหมู่บ้านเศรษฐีราคาหลักร้อยล้านขึ้นไป บ้านแต่ละหลังก็หันไปครบทุกทิศ ทุกบ้านก็มีแต่คนรวยอยู่

ดังนั้นทิศและองศาเป็นเพียงส่วนประกอบปลีกย่อยเท่านั้น แทบจะไม่ส่งผลอะไรเลยหากไม่ดูชัยภูมิโดยรอบ ไม่ดูดาวบนฟ้า ไม่ดูฤกษ์ยาม ไม่ดูดวงชะตา ก็ถือว่า ดูไม่ครบ แล้วไปตัดสินผิดถูก แบบนี้อันตรายอย่างยิ่ง

เคล็ดลับในการปรับฮวงจุ้ย

1.ความสมดุล ฮวงจุ้ยนั้นถือหลักความสมดุลเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นบ้านฝรั่งอยู่แล้วสบาย เพราะฝรั่งเข้าใจความสมดุลย์มากกว่ากลุ่มชนอื่นๆ ทำให้บ้านออกแบบมาแล้วดูสวยงามสมดุลและลงตัว นี่ก็คือ ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย หากเปรียบเทียบ บ้านก็เปรียบเสมือนกับเรือลอยอยู่บนน้ำ หากตกแต่งต่อเติมแบบผิดๆหนักไปข้างใดข้างหนึ่งก็จะทำให้เรือจมและคนอยู่จะรุ่งเรืองได้อย่างไร 

2.ประโยชน์ใช้สอย หากความเชื่อผิดๆเรื่องฮวงจุ้ยทำให้ประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยให้เสียไป ก็คือเสียฮวงจุ้ย เช่น เอาห้องรับแขกหน้าบ้าน ไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น เก็บของ วางของแบบนี้ก็ผิดหลักฮวงจุ้ย เพราะหน้าบ้านเป็นทางเข้าออกของพลังชี่ หรือตำแหน่งหมิงถัง หมายถึง อำนาจ วาสนา บารมี ขุมทรัพย์  หากมีขอเกะกะมาขวางพลังชี่มงคลก็จะไม่เข้าไป แต่กลับเป็นการเรียกพลังชี่ที่สับสนเข้าไปไหลเวียนอยู่ในบ้านแทนที่

3.ความเข้ากันได้  หรืออะไรที่ไม่เข้าพวกกันก็ถือว่าเสียฮวงจุ้ยเช่นกัน เช่นเอาห้องน้ำไว้หน้าตำแหน่งโต๊ะอาหาร เพราะลักษณะะและประโชยน์ใช้สอยของห้องน้ำกับอาหารมันขัดกันโดยธรรมชาติ หรือเอาห้องน้ำไว้หน้าบ้านหรือหน้าครัวทำอาหาร แบบนี้ก็เสียฮวงจุ้ย เพราะจะทำให้หลังชี่และหยินหยางขัดแย้งกัน

4.การไหลเวียนของพลังชี่ ซึ่งตรงกันกับ ทางสัญจร หรือการไหลเวียน circulation ในวิชาสถาปัตยกรรม (Architecture) ตัวอย่างเช่น ห้องครัวก็ต้องอยู่ใกล้ห้องอาหาร หรือโต๊ะอาหาร หากห้องครัวเอาไปไว้ห่างไกลจากห้องอาหาร ก้จะทำให้พลังไหลเวียนของชี่เสียไป หรือประตูหน้าบ้าน กับ บันไดและห้องนอน ก็จะต้องมีทางสัญจรที่ไปมาง่ายสะดวก และระยะทางสั้น ไม่วกไปวนมา ทำให้สูญเสียพลังชี่มงคลภายในบ้าน ซึ่งรวมถึงระบบระบบอากาศของภายในบ้านด้วย

5.ความเป็นระเบียบ  หลักฮวงจุ้ยนอกจากความสมดุลแล้วยังเน้นความสะอาดเรียดร้อยเป็นระเบียบอีกด้วย ซึ่งหากบ้านสกปรกรกรุงรัง ข้าวของวางไม่เป็นระเบียบพลังชี่มงคลก็จะไม่เข้ามา พลังชี่ไหลเวียนอยู่ภายในบ้านก็จะกลายเป็นชี่สกปรก สับสน ทำให้คนอยู่ในบ้านมีความสบสนทางจิตใจ และทำลายโชคลาภ ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะบ้านที่มีกลิ่นเหม็นไม่ว่าจะมาจากอะไรก็ตาม ก็จะทำลายความสัมพันธ์ของคนในบ้านและบุคคลรอบข้าง และโชคเรื่องในความรักอีกด้วย

6.ใช้ความรู้สึก  หลักฮวงจุ้ยนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังใช้ความรู้สึกสัมผัสของพลังชี่ได้ด้วยตัวเองได้อีกด้วย เช่น  ความรู้สึกชอบไม่หรือไม่ชอบ ความรู้สึกว่ามันขัดตา มันขวางหูขวางตา นี่ก็คือสัญญาณของพลังชี่ที่ไม่สมพงศ์กับดวงเจ้าของบ้าน

สรุปว่าเราสามารถใช้หลักการต่างๆดังกล่าวข้างต้นเหล่านี้ มาปรับฮวงจุ้ยบ้านเราได้ด้วยตนเอง โดยปราศจากความเชื่อซึ่งได้เคยได้ยินฟังมา จริงเท็จเราก็ไม่รู้ เอาแต่เชื่ออย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของผู้มีปัญญา แต่หลักการข้างต้นนี้ได้ผลจริงๆ และใช้ได้จริงกับคนทั่วโลก

หากสนใจปรับ เสริมฮวงจุ้ย วางฮวงจุ้ยสามารถ ติดต่อ อาจารย์ได้ที่ลิงก์นี้ครับ https://www.astroneemo.net/index.php/14.html