ศิลปะอักษรพู่กันจีน 书法 Chinese calligraphy ถือเป็นศิลปะชั้นสูง มีระเบียบแบบแผนเฉพาะของตนเอง งดงาม พร้อมทั้งสื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้งอย่างที่ไม่มีภาษาหรืออักขระในภาษาใดมาเทียบได้
อักษรจีนแม้ว่าจะมีขีดมากมาย จนยากที่จะจดจำ แต่คนโบราณก็ยังมีวิธีหลากหลายวิธีการให้สามารถเขียนแบบหวัด ทำให้ย่อลง เพื่อที่จะสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็วได้
การเขียนแบบหวัด และเป็นการย่อขีดอักษรไปในตัวมีมานานนับพันๆปีมาแล้ว
行书 (สิงซู) คือการเดินอักษร หรือการเขียนอักษรหวัดแบบย่อและไม่ยกมือ ทำให้ลายเส้นติดกัน ไม่ขาดตอน ทำให้ตัวอักษรสวยงามมีพลัง และบางทีก็ยังมองเห็นเค้าโครงอักษรจีนดั้งเดิมแบบเต็ม 繁体字 traditional Chinese ได้ไม่ยาก
ส่วน 草书 (เฉ่าซู) คือการเขียนอักษรจีนแบบหวัดแบบฉวัดเฉวียน เขียนได้อย่างรวดเร็ว และแฝงความหมายอันลึกล้ำลงไปในตัวอักษร แต่ละขีด แต่ละเส้น มีการเน้นหนักเบา ไปตามความหมายของอักษรแต่ละตัว และมีการย่ออักษรจนเหลือขีดน้อยที่สุด อีกทั้งยังมีการเขียนเชื่อมกันหลายตัวอักษรต่อเนื่องกัน จนทำให้ไม่สามารถเห็นเค้าโครงอักษรจีนดั้งเดิมได้ และนี่คือศิลปะของอักษรจีนชั้นสูง ซึ่งสามารถสื่อจิตใจ และอารมณ์ ของผู้เขียนลงไปในความหมายของอักษรแต่ละตัวได้
บางครั้งผู้เขียนอาจจะนำอักษร 行书 (สิงซู) และ 草书 (เฉ่าซู) ทั้งสองแบบมาผสมกัน เรียกว่า (行草书 สิงเฉ่าซู) แต่ไม่ว่าการเขียนจะหวัดและย่ออย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแบบแผน ไม่ใช่จะตัวอยากจะเขียนย่ออย่างไร ตามใจฉัน ก็ไม่ได้ เพราะจะไม่มีใครอ่านออก
ดังนั้นซึ่งการเขียนแบบนี้ จึงมีต้องหลักการ จนถึงมีพจนานุกรม อักษรย่อแบบต่างๆ เอาไว้ ว่าตัวนี้ต้องเขียนย่ออย่างไรให้ถูกต้อง
ดังนั้นรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประดิษฐ์อักษรย่อ 简体字 Simplified Chinese ขึ้นมา ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ หลายๆคนไม่เข้าใจ ก็หาว่าเป็นการทำลายวัฒนธรรมการเขียนอักษรจีน สาเหตุเนื่องมาจากคนจีนในยุคนั้นมีผู้หนังสือน้อย อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เป็นจำนวนมาก ก็เพราะอักษรจีนตัวเต็มมีขีดมากมาย ทำให้การเรียนทำได้ยาก และเสียเวลามากในการจดจำอักษรแต่ละตัว
ดังนั้นการประดิษฐ์อักษรตัวย่อ ก็จะทำให้ผู้เรียน เรียนได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้รู้หนังสือมากขึ้น และก็ไม่ใช่การทำลายวัฒนธรรมการเขียนอักษรจีนแต่อย่างใด เพราะการย่อตัวอักษรมีมาแต่โบราณนับพันๆปีแล้ว