เกมทรุมโชค (เกมะทรุมะ โยค केमद्रुम योग)
สัมพันธภาพ – ถ้าในเรือนข้างหนึ่งข้างใดของจันทร์ไม่มีดาวเคราะห์สถิต – เป็นเกมทรุมโชค (เกมะทะรุม – หนามต้นไม้)
ผล – เข้าชะตาเป็นคนสกปรก เศร้าโศก ไม่มีความเป็นธรรม ยากจน ไม่มีอิสระ โกง และหลอกลวง
ข้อสังเกต – บางท่านว่าถ้ามีดาวเคราะห์อยู่ในเรือนจตุรเกณฑร์จากลัคน์หรือจากจันทร์, หรือถ้ามีดาวเคราะห์ร่วมกับจันทร์ – ไม่เป็นเกมทรุมโชค, และบางท่านว่าถ้ามีดาวเคราะห์ในเรือนจตุรเกณฑร์ในนวางศ์จักรก็ใช้ได้ แต่ความเห็นประการหลังนี้จะถือเอาเป็นที่แน่นอนไม่ได้ วราหมิหิราบรรยายไว้ว่า ถ้าเจ้าชะตาที่เกิดในราชตระกูลตกอยู่ใต้อำนาจความเลวร้ายของโชคนี้ พยากรณ์เรื่องของโชคร้ายได้มากกว่าเจ้าชะตาที่เกิดในตระกูลสามัญ ผลของความเศร้าโศกจะได้รับทั้งทางกายและทางใจ คำว่าต่ำ, ทราม, เลว ที่ใช้ในคัมภีร์โบราณและในตำรานี้ เป็นคำที่อ้างถึงการกระทำที่เกี่ยวแก่ทางศาสนา ศีลธรรมและสังคม ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการกระทำที่น่าอับอาย
ชะตา (8) เกิดวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2439 เวลามัธยมท้องถิ่น หลังอาทิตย์ขึ้น 4 ชั่วโมง ทศาพฤหัสบดี 9 ปี 5 เดือน 15 วัน
ชะตานี้มีเกมทรุมโชคแบบหนึ่ง เพราะไม่มีดาวเคราะห์ในเรือนที่ 2 และในเรือนที่ 12 ของจันทร์ ทั้งไม่มีดาวเคราะห์ในเรือนจตุรเกณฑร์จากลัคน์และจันทร์
ชะตา (9) เกิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2451 เวลามัธยมท้องถิ่น 2.56 ล.ท.ทศาเกตุ 6 ปี 9 เดือน 11 วัน
เกมทรุมโชคในชะตานี้เกิดขึ้น เพราะไม่มีดาวเคราะห์ในเรือนที่ 12 และในเรือนที่ 2 ของจันทร์ แต่ผลร้ายของเกมทรุมถูกลบล้างแน่นอน เพราะ (1) มีดาวเคราะห์อยู่ในเรือนจตุรเกณฑร์จากจันทร์ และ (2) ในเรือนจตุรเกณฑร์จากลัคน์ก็มีดาวเคราะห์สถิตด้วย
--------------------------------------------
เกมะทรุมะ โยค केमद्रुम योग
เกมะทรุมะ โยค หรือ เกมะทรุมะ โทษ ถือเป็นหนึ่งในโยคที่เลวร้ายที่สุดในโหราศาสตร์พระเวท เงื่อนไขของโยคนี้ก็คือ หากทั้งสองข้างของดาวจันทร์ไม่มีดาวเคราะห์ใดใดสถิต เกมะทรุมะ โยค ก็จะเกิดขึ้นในดวงชะตา โยคนี้สามารถทำให้เจ้าชะตาประสบแต่ปัญหาต่างๆมากมาย เช่น ความยากจน โรคภัย ปัญหารอบด้าน ศัตรู ความอับอาย การแต่งงานที่ล้มเหลว และปัญหาอื่นๆ
เป็นที่เชื่อกันว่าเจ้าชะตาหากตกภายใต้อิทธิพลที่แข็งแกร่งของ "เกมะทรุมะ โยค" จะมีชีวิตที่น่าสังเวชและเจ้าชะตามักจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง อยู่ตลอดเวลา
เชื่อกันว่าชีวิตของเจ้าชะตาอย่างน้อยในช่วงหนึ่งของชีวิตจะได้รับความเสียหายอย่างหนักและแก้ไขอะไรไม่ได้ เช่น เจ้าชะตาอาจประสบปัญหาร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีปัญหาในชีวิตคู่ ต้องเลิกร้างกันไป หรืออาจไม่ได้แต่งงานเลยตลอดชีวิต และบางคนอาจไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ตลอดชีวิต ในขณะที่บางคนอาจไม่สามารถประกอบอาชีพใดใดได้หรือบางคนอาจต้องจมปลักอยู่ในความยากจนและความอัปยศเนื่องจากอิทธิพลอันชั่วร้ายของ "เกมะทรุมะ โทษ" ในพื้นดวงชะตา
ในทางปฏิบัติ ผลลัพธ์ดังกล่าวอาจจะไม่ให้ผลร้ายในทุกคนที่มี "เกมะทรุมะ โยค" ในพื้นดวง ดังนั้นต้องมีเงื่อนไขอื่นๆเพิ่มเติมสำหรับการก่อตัวของ "เกมะทรุมะ โยค" แล้วมาดูเงื่อนไขเหล่านี้กัน
เงื่อนไขของ"เกมะทรุมะ โยค" ที่อาจเกิดขึ้นในดวงชะตา คือ(1)ไม่มีดาวเคราะห์ใดใดอยู่ในเรือนที่ 2 และ 12 ของจันทร์ และ(2)ไม่มีดาวเคราะห์ใดใดสถิตร่วมเรือนกับจันทร์ นอกเหนือจากนี้ (3) เรือนที่ 7 จากจันทร์ไม่มีดาวศุภเคราะห์หรือดาวที่ให้คุณแก่ดวงชาตาสถิตย์ (4)มีดาวบาปเคราะห์ให้โทษสถิตเรือนที่ 9 จากลัคนา และ(5)ไม่มีดาวเคราะห์ใดใดสถิตในเรือนที่1, ที่4, ที่7และที่ 10 จากลัคนา หากเป็นไปตามเงื่อนไขเหล่านี้ "เกมะทรุมะ โยค" ก็จะเกิดขึ้นในดวงชะตา
ดาวบาปเคราะห์ราหูและ เกตุ เป็นข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ หมายความว่าถ้าหากราหูหรือเกตุ เป็นดาวให้โทษในดวงชาตาและสถิตอยู่ในเรือนใดเรือนหนึ่งข้างต้น เกมะทรุมะ โยค อาจยังคงเกิดขึ้นในดวงชะตา และในทางกลับกันถ้าพระราหูหรือเกตุเป็นดาวให้คุณในดวงชาตาสถิตอยู่ในเรือนใดเรือนหนึ่งข้างต้น เกมะทรุมะ โยค ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นในดวงชะตา
ในกรณีที่ดวงชะตาตรงตามเงื่อนไขหลักเพียงอย่างเดียว เกมะทรุมะ โยค ก็อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ในทางกลับกัน เมื่อมีเงื่อนไขอื่นประกอบกันมากขึ้น และมาตรงกับเงื่อนไขหลักอีก เกมะทรุมะ โยค ก็ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เกมทรุมโยค โยคร้ายในดวงชาตา ทำให้ยากจน อนาถา ไร้ที่พึ่ง
เกมทรุมโยค ถือเป็นโยคร้ายในดวงชาตาที่สำคัญมากโยคหนึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม"อศุภโยค(โยคร้าย)" ซึ่งตามคำนิยามของคัมภีร์โหราศาสตร์พระเวทอธิบายว่า โยคนี้เกิดจะขึ้นเมื่อในดวงกำเนิดของเจ้าชาตา ไม่ปรากฏว่ามีดาวเคราะห์อื่นใดสถิตย์ในตำแหน่งขนาบข้างดาวจันทร์ทั้งสองข้างในดวงชาตากำเนิด หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่าไม่มีดาวเคราะห์ใดใด(ไม่นับดาวอาทิตย์)สถิตย์ในเรือนที่ ๒ และเรือนที่ ๑๒ จากเรือนที่ดาวจันทร์สถิตย์(ชนมจันทร์ หรือ ชนมราศี )
โดย"เกมทรุมโยค"นี้ถือว่าเป็นโยคร้ายแรงและไม่เป็นมงคลแก่ดวงชาตาเป็นอย่างมาก ซึ่งหากบุคคลใดที่เกิดมามีโยคนี้ในพื้นดวงชาตากำเนิด ก็จะกลายเป็นคนสกปรก ทุกข์เข็ญ ยากจน เป็นคนอนาถาไร้ที่พึ่ง ชอบประกอบกรรมชั่ว กลายเป็นคนชอบคดโกง เจ้าเล่ห์เพทุบาย และเป็นนักหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งถึงแม้ว่าหากมีดาวอาทิตย์สถิตย์ในตำแหน่งขนาบข้างของจันทร์(เรือนที่ 2 หรือ 12 )แทนก็จะไม่มีผลใดใด และก็ไม่ได้ทำให้โยคนี้เปลี่ยนแปลง หรือลบล้างผลร้ายไปได้ (เพราะอาทิตย์ในไม่ใช่ดาวเคราะห์ตามความหมายนี้) นอกจากนี้โยคนี้ยังจะทำให้เกิด"ราชาโยคภังคะ" (ภังคะ -เป็นโมฆะ) ซึ่งจะทำลายผลดีของราชาโยคทั้งหมดที่มีอยู่ในดาวชาตา(ถ้ามี) นอกจากนี้ยังมีมติของโหราจารย์ ศรุตกีรติ คุรุแห่งอัครา ท่านกล่าวว่า"เกมทรุมโยค"นี้เกิดขึ้นได้อีกเช่นกันถ้าหากไม่มีดาวเคราะห์ใดใดสถิตย์ในเรือนที่ 4 และเรือนที่ 10 จากดาวจันทร์(ชนมจันทร์)
หลักการและทฤษฏี
โหราศาสตร์พระเวท ท่านให้ความสำคัญอย่างมากกับตำแหน่งดาวจันทร์กำเนิด มีความสำคัญเทียบเท่ากับลัคนา ท่านเรียกว่า ชนมจันทร์ หรือ ชนมราศี ซึ่งถ้าหากไม่รู้เวลาเกิด ซึ่งไม่สามารถคำนวนหาลัคนาได้ ท่านก็ให้เอาจันทร์นี้แหละแทนลัคนา ดังนั้นโยคต่างๆที่กำหนดจากดาวจันทร์จึงมีมากมายหลายร้อยโยค และให้ผลเต็มที่ดุจลัคนา
ในเงื่อนไขของเกมทรุมโยคนี้ ท่านกำหนดว่า หากไม่มีดาวเคราะห์สถิตย์อยู่ในเรือนที่ ๒ และที่ ๑๒ ย่อมทำให้ดวงชาตาอ่อนแอ ไร้ที่พึ่ง ขาดทรัพย์สิน เพราะดเรือนที่ ๒ จากจันทร์ก็คือเรือนกดุมภะ (รายได้-ทรัพย์สิน) และเรือนที่ ๑๒ ก็คือเรือนวินาศ (การใช้จ่าย และการอุปถัมภ์ ช่วยเหลือ ที่พึ่ง) ซึ่งหากขาดดาวเคราะห์ในเรือนที่ ๒ จากจันทร์ก็จะให้เป็นคนไม่มีทรัพย์ หาทรัพย์ไม่ได้ และหากไม่มีดาวเคราะห์ในเรือนที่ ๑๒ ก็จะไม่มีอะไรมาใช้จ่าย แต่อย่างไรก็ตามการที่เราหาเงินทองเองไม่ได้ ก็ยังไม่ได้แปลว่าลำบากยากจนจริงๆนัก เพราะอาจจะมีคนช่วยเหลือ แต่การขาดดาวเคราะห์ในเรือนที่ ๑๒ ก็ยังหมายถึง การขาดที่พึ่ง การอุปถัมภ์ช่วยเหลือ และไร้ที่พึ่ง สรุปว่า เป็นความยากจนข้นแค้น ไร้ที่พึงจริงๆ ตามความหมายของโยคนี้
ข้อยกเว้นกฏของ "เกมทรุมโยค"
ผลกระทบด้านร้ายของ เกมทรุมโยค จะไม่เกิดขึ้น หรือโยคร้ายนี้ถูกลบล้างผลร้ายไปในกรณีดังนี้
- หากดาวจันทร์อยู่ในราศีอุจน์(ราศีพฤษภ) หรือ สถิตย์อยู่ในนวางศ์คู่มิตรกับดาวพฤหัสบดีหรือดาวศุกร์หรือ
- หากดาวศุกร์สถิตย์อยู่ในเรือนเกณฑ์ได้รับโยคจากดาวพฤหัสหรือ
- หากเป็นจันทร์เพ็ญ (พระจันทร์เต็มดวง) ร่วมกับดาวศุภเคราะห์ หรือสถิตย์อยู่ในเรือนเกณฑ์และลัคนาได้รับโยคจากดาวพฤหัสหรือ
- หากมีดาวเคราะห์สถิตย์อยู่ในเกณฑ์กับลัคนาหรือดาวจันทร์
- หากมีดาวเคราะห์ที่เป็นโยคต่อจันทร์ เช่น มีดาวเคราะห์สถิตในเรือนที่ 2 ที่ 12 หรือเรือนที่ 9 จากดวงจันทร์ เกมทรุมโยคก็จะถูกลบล้างไป
- หากดาวจันทร์อยู่ในราศีของดาวศุภเคราะห์ เช่นเรือนของดาวพุธ ดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ถือเป็นดาวเคราะห์ที่เป็นศุภเคราะห์ ก็จะทำให้ผลของเกมทรุมโยคถูกลบล้างไป เช่นกัน
ดังนั้น เกมทรุมโยค ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่มีเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น และเจ้าชาตาจะไม่ได้กลายเป็นคนยากจน หรือ คนอนาถานอกจากนี้ยังมีโยคร้ายอื่นๆที่เกิดจากดาวจันทร์ถูกบ่อนเฬียนในดวงชาตาจนทำให้กลายเป็น "ทริทราโยค" (โยคแห่งความยากจน) ซึ่งก็เรียกว่า"เกมทรุมโยค"เช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- ดาวจันทร์สถิตย์อยู่ในเรือนเดียวกับดาวราหู หรือดาวเกตุ และได้รับโยคเกณฑ์จากดาวบาปเคราะห์ หรือดาวศุภเคราะห์ที่ได้พ่ายแพ้ใน"ครหยุทธ"** (การต่อสู้กัน-หรือการกุมกันระหว่างสองดาวเคราะห์แบบสนิทองศา)
- ดาวจันทร์ที่กลายไปเป็นดาวบาปเคราะห์(กสิณจันทร์)สถิตย์อยู่ในเรือนที่ ๘และได้รับอิทธิพลจากดาวบาปเคราะห์(สำหรับเจ้าชาตาที่เกิดในเวลากลางคืน)
- ดาวจันทร์สถิตย์อยู่ร่วมกับดาวบาปเคราะห์ หรือเสวยราศีหรือนวางศ์บาปเคราะห์และได้โยคเกณฑ์จากเจ้าเรือนที่ ๑๐ (สำหรับเจ้าชาตาที่เกิดในเวลากลางคืน)
- ดาวจันทร์สถิตย์ในจรราศีและนวางศ์บาปเคราะห์ที่เป็นนวางศ์จรราศีและไม่ได้รับโยคเกณฑ์จากดาวพฤหัสแต่ได้รับโยคเกณฑ์จากดาวคู่ศัตรูแทน
- ดาวจันทร์ที่กลายเป็นดาวบาปเคราะห์ (กสิณจันทร์) สถิตย์ในนวางศ์นิจ (ราศีพิจิก) ร่วมกับดาวบาปเคราะห์และได้รับอิทธิพลจากเจ้าเรื่อนที่ ๙
โหราจารย์มหาเทวะกล่าวใน ธนะไวเวคะ อัธยายะ ของคัมภีร์ชาตะกะ ตัตวะ ที่ท่านรจนาเอาไว้ และได้แสดงโยคแห่งความยากจนเอาไว้ ๑๓ โยค ซึ่งในจำนวนนี้มีโยคจำนวน ๔ โยคที่มีผลจากดาวจันทร์ คือ -
- ดาวจันทร์, พฤหัสบดีและดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งที่เป็นเกณฑ์กับลัคนา พร้อมด้วยดาวอังคารและคุลิกาสถิตย์ในเรือนที่ ๕ ที่ ๘ และที่ ๑๒
- ดาวจันทร์และดาวอาทิตย์สถิตย์ร่วมกันในราศีเดียวกัน แต่สถิตย์ในนวางศ์ของกันและกัน(สลับนวางศ์)
- ดาวจันทร์และดาวอาทิตย์สถิตย์ร่วมกันในราศีกุมภ์และดาวเคราะห์ดาวอื่นๆทั้งหมดสถิตย์ในราศีนิจ
- ดาวจันทร์หรือดาวอาทิตย์สถิตย์ร่วมลัคนา หรือทั้งสองสถิตย์ร่วมกันในลัคนา ร่วมหรือได้รับโยคเกณฑ์จาก"ดาวมารกะ"
โหราจารย์ รามนุช ผู้รจนา คัมภีร์ภวรถ รัตนากร ได้กล่าวถึงโยคร้ายจำนวน 4 โยคที่ก่อให้เกิดความความยากจน เอาไว้ในคัมภีร์ ดังนี้ -
- หากเจ้าเรือนลัคนา เจ้าเรือนที่๔ และเจ้าเรือนที่ ๙ สถิตย์รวมอยู่ในเรือนที่๘ จะได้รับความทุกทรมานจากความยากจนตั้งแต่แรกเกิด
- หากเจ้าเรือนที่ ๒ และที่ ๑๒ สลับเรือนกัน(ราศีปริวรรตน) เจ้าชาตาจะต้องเผชิญกับความยากจนเสมอๆ
- ถ้าหากเจ้าเรือนที่๒ อยู่เรือนที่๑๒ และ เจ้าเรือนที่ ๙ สถิตย์ในเรือนที่ ๘โดยได้รับโยคเกณฑ์จากดาวมารกะ เจ้าชาตาจะสูญเสียความมั่งคั่งหรือวิบัติเรื่องทรัพย์สินในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
- นอกจากนี้เจ้าชาตาจะเป็นคนยากจน เมื่อเจ้าเรือนที่ ๕ สถิตย์ในเรือนที่ ๖ และเจ้าเรือนที่ ๙ สถิตย์ในเรือนที่ ๘ โดยได้รับโยคเกณฑ์จากดาวมารกะ
ยังมีโยคเป็นจำนวนมากที่ถูกกล่าวในตำราต่างๆและโยคร้ายเหล่านี้ยังลบล้างผลที่ดีของ"ธนโยค" ผลกระทบจะมากหรือน้อยของโยคก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งหรือความอ่อนแอของดาวเคราะห์ที่ประกอบเป็นรูปโยค นอกจากนี้ "เรขะโยค" และ"ทริทราโยค" ก็จัดอยู่ในกลุ่มของเกมทรุมโยค
**ผลกระทบในทางร้ายของเกมทรุมโยคจะเบาบางหรือไม่มีผลกระทบเลย จะเกิดได้เฉพาะในกรณีที่ดาวจันทร์ได้รับอิทธิพลหรือโยคเกณฑ์จากดาวเคราะห์ตั้งแต่สองดวงขึ้นไป
-------------------------------------------------------
อภิธานศัพท์
*ดาวมารกะ-หรือมารกะสถาน คือดาวเจ้าเรือนที่ 2 หรือ ที่ 7 ถือเป็นดาวให้โทษ เพราะเป็นเจ้าเรือนมารกะสถานะ เป็นดาวเคราะห์ที่ส่งผลให้เกิดอุปสรรคแก่เจ้าชาตา และเป็นดาวที่กำหนดความตายของเจ้าชาตา
*ครหยุทธ -การต่อสู้กันของดาวเคราะห์ (เคราะห์ยุทธ) คือการกุมกันระหว่างสองดาวเคราะห์แบบสนิทองศา ท่านว่าดาวทั้งสองนี้ให้โทษ หากดาวใดโคจรเสวยองศาไปทางอุตรายันมากกว่า ท่านถือว่าดาวนั้นชนะเคราะห์ยุทธ และได้กำลังจากดาวที่พ่ายแพ้ไปทั้งหมด
*เรขะโยค-โยคแห่งความยากจน โง่เขลา และตระหนี่
*ทริทราโยค -โยคแห่งความยากจน ข้นแค้น
*ธนโยค-โยคที่ทำให้มีทรัพย์สินมาก
-----------------------------------------------------