Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

wp2734431

โศลกที่ ๔๕
ถ้าเจ้าเรือนภพที่ ๙ และ ๑๐ จากลัคนาอยู่ในทุสถานะคือในภพที่ ๖-๘ หรือ ๑๒ จากลัคนา ในเวลาเดียวกันเจ้าเรือนลัคนาเข้มแข็งมาก เด็กที่เกิดมาจะไม่ได้พบกับพิธีรับขวัญต่างๆตามลัทธิของพราหมณ์ซึ่งถือว่าเด็กนั้นจะไม่เจริญรุ่งเรืองและไม่สามารถเป็นใหญ่ได้ ถ้าในภพที่ ๑๑ จากลัคนามีบาปเคราะห์และภพที่ ๑๑ นั้นครองบาปเคราะห์ด้วย เด็กที่เกิดมาจะได้รับขวัญต่างๆอย่างสมบูรณ์ ฯ


โศลกที่ ๔๖
ถ้าจันทร์ให้แสงไม่ถึงลัคนาเด็กที่เกิดมานั้นพ่อไม่ได้อยู่บ้าน และถ้าอาทิตย์อยู่ในภพที่ ๘ หรือภพที่ ๕ จากลัคนา ซึ่งภพที่อาทิตย์สถิตนั้นเป็นจรราศี ท่านว่าเวลาที่เด็กเกิด พ่ออยู่ต่างประเทศหรืออย่างอื่น ฯ


โศลกที่ ๔๗
ถ้าเสาร์กุมลัคนา หรืออังคารเล็งลัคนา หรือจันทร์ถูกกระหนาบหน้าหลังด้วยพุธและศุกร์ ทั้งสามประการที่กล่าวมานี้ แสดงว่าเวลาเด็กเกิดพ่อไม่ได้อยู่บ้าน ฯ
หมายเหตุ
บางท่านให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ถ้าจันทร์ถูกกระหนาบหน้าหลังด้วยอังคารและเสาร์ เวลาเด็กเกิดพ่อก็ไม่ได้อยู่บ้านด้วยเหมือนกัน


โศลกที่ ๔๘
ถ้าจันทร์อยู่ในราศีของศุภเคราะห์ หรืออยู่ในวรรคที่ครองด้วยพฤหัสบดี เช่นอยู่ในนวางค์มีนเป็นต้น ท่านว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กที่ถูกต้องตามกฎหมายและถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณีทุกประการ ฯ


โศลกที่ ๔๙
ถ้าพฤหัสบดีไม่ได้รับแสงจากอังคารและตำแหน่งของอาทิตย์ จันทร์อยู่ในวรรคอาทิตย์และจันทร์ทั้งคู่ บุตรที่เกิดมาท่านว่าเป็นบุตรที่ผู้อื่นเขารับอาสาทำให้ อีกประการหนึ่งถ้าพฤหัสบดีเข้มแข็งและร่วมกับพุธ ท่านว่ามีผลอย่างเดียวกัน ฯ


โศลกที่ ๕๐
ถ้าจันทร์อยู่ในเรือนของเสาร์ และในภพที่ ๕ จากลัคนามีเสาร์สถิตย์อยู่ เสาร์นั้นยังได้รับแสงจากอาทิตย์และศุกร์ด้วย ท่านว่าเด็กที่เกิดมานั้นเป็นลูกผู้หญิงซึ่งแต่งงานเป็นครั้งที่ ๒ หรือเป็นลูกของผัวคนที่ ๒ ฯ


โศลกที่ ๕๑
ถ้าภพที่ ๑๒ จากลัคนาได้รับแสงจากอาทิตย์ หรืออาทิตย์อยู่ในวรรคของจันทร์ และจันทร์กลับไปอยู่ในวรรคของอาทิตย์ ท่านว่าลูกที่เกิดมานั้นเป็นลูกนอกกฎหมาย ฯ


โศลกที่ ๕๒
ถ้ามานทิได้รับแสงจากจันทร์ และร่วมหรือรับแสงจากเสาร์อีกด้วย เด็กที่เกิดมานั้นจะต้องเป็นลูกเลี้ยง คือถูกพ่อแม่ให้คนอื่นเขาไปเลี้ยงเป็นลูก ฯ


โศลกที่ ๕๓
ถ้าอังคารและเสาร์ร่วมกันอยู่ในภพที่ ๕ หรือในภพที่ ๗ จากลัคนา และดาวอังคารและเสาร์นั้นต่างก็ไม่ได้รับแสงจากดาวใดๆด้วย ท่านว่าเด็กที่เกิดมาต้องเป็นลูกเลี้ยง ฯ


โศลกที่ ๕๔
คิดจากพระจันทร์ในดวงชะตา ถ้าเจ้าเรือนโหราของจันทร์และเจ้าเรือนภพที่ ๔ จากจันทร์ต่างก็อยู่สลับกัน หรือร่วมกับราหูหรือเกตุ เด็กที่เกิดมานั้นต้องให้คนอื่นเอาไปเลี้ยงเป็นลูกเลี้ยง ฯ


โศลกที่ ๕๕
ถ้าลัคนาหรือจันทร์ไม่ได้อยู่ร่วมหรือรับแสงจากพฤหัสบดี หรือลัคนาและจันทร์ต่างก็ไม่อยู่ในวรรคใดๆที่ครองด้วยพฤหัสบดี ท่านว่าเด็กที่เกิดมานั้นเป็นลูกของคนอื่น ฯ


โศลกที่ ๕๖
ท่านได้ให้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเกิดของเด็กตามวัน นักษัตรและขึ้นแรมดังต่อไปนี้ ว่าเป็นลูกของคนอื่นคือ เกิดวันอาทิตย์ ขึ้นหรือแรม ๒ ค่ำ จันทร์เสวยนักษัตรสวาติหรือเกิดวันพุธขึ้นหรือแรม ๗ ค่ำ จันทร์เสวยนักษัตรเรวดี หรือเกิดวันอาทิตย์ ขึ้นหรือแรม ๑๒ ค่ำ จันทร์เสวยนักษัตรศระวิษฐา ฯ

โศลกที่ ๕๗
ถ้าเด็กเกิดในวันเสาร์ อาทิตย์หรืออังคารตรงกับภัทระดิถี และจันทร์เสวยในตรีปาทะนักษัตรด้วย ท่านว่าเด็กนั้นจะต้องเป็นลูกเลี้ยง ฯ


หมายเหตุ
คำว่าภัทระดิถีในที่นี้หมายความว่าขึ้นหรือแรม ๒ ค่ำ ขึ้นหรือแรม ๗ ค่ำ ขึ้นหรือแรม ๑๒ ค่ำ ซึ่งตรงกับดิถีชื่อทวิตียา สัปตะมี และทวาทะศีตามลำดับ ในการคิดขึ้นแรมหมายถึงการบอกระยะเชิงมุมระหว่างอาทิตย์และจันทร์อย่างหยาบๆถ้าเราคิดมัธยมจันทร์ใน ๑ วันเท่ากับ ๑๒ องศา ขึ้น ๒ ค่ำ ขึ้น ๗ ค่ำ ขึ้น ๑๒ ค่ำ อาทิตย์และจันทร์จะห่างกันประมาณ ๒๒ องศา ๗๗ องศา ๑๓๒ องศาตามลำดับ โดยคิดถึงมัธยมของอาทิตย์วันละ ๑ องศาด้วย


ถ้าคิดในข้างแรมองศาของจันทร์ก็จะห่างจากจุดเพ็ญจันทร์ตามที่กล่าวมาแล้วเช่นกัน ท่านจะเห็นได้ว่าขึ้นหรือแรมตามนี้ อาทิตย์และจันทร์จะอยู่ในตำแหน่งทูสถานะแก่กันในขึ้นหรือแรม ๒ ค่ำ และ ๑๒ ค่ำ ส่วนขึ้นหรือแรม ๗ ค่ำ อาทิตย์และจันทร์จะอยู่ในตำแหน่งเป็น ๓ และ ๑๑ แก่กัน อาทิตย์และจันทร์อยู่ในระยะเชิงมุมตามนี้ ท่านถือว่าให้โทษแก่ดวงชะตา และมีชื่อว่าภัทระดิถีหรือจะพูดให้เห็นง่ายๆก็คือในตำแหน่งของอาทิตย์และจันทร์ที่กล่าวมานี้ อาทิตย์และจันทร์ต่างก็ให้แสงไม่ถึงกันเลย
คำว่าตริปาทะหรือตรีบทนักษัตร หมายความถึงนักษัตรต่างๆที่ครองด้วยดาวพฤหัสบดีมี ๓ นักษัตร คือได้แก่นักษัตรที่ ๗ มีชื่อว่าปุนะระวะสุ นักษัตรที่ ๑๖ มีชื่อว่าวิศาขา และนักษัตรที่ ๒๕ มีชื่อว่าปูรวะภัทระบท


ในโหราศาสตร์ทั่วไปเชื่อว่า เกิดในวันใดดาวนั้นมีอิทธิพลประจำวันเหมือนกัน เพราะฉะนั้นในโยคนี้กล่าวถึงวันที่บาปเคราะห์มีอิทธิพลทั้งสิ้น คือวันอาทิตย์ อังคารและเสาร์ เมื่อท่านรวมวันเกิดระยะเชิงมุมตามดิถีและตำแหน่งจันทร์ตามนักษัตรเข้าแล้ว จะเห็นว่าเป็นโยคที่ให้โทษมากกว่าให้คุณ


โศลกที่ ๕๘
ถ้าลัคนาและจันทร์ไม่ได้รับแสงจากพฤหัสบดี หรือจันทร์ร่วมกับอาทิตย์และมีบาปเคราะห์อื่นร่วมด้วย ท่านว่าเด็กที่เกิดมานั้นจะต้องให้คนอื่นเขาเอาไปเลี้ยง ฯ


หมายเหตุ
โยคต่างๆที่เกี่ยวกับลูกเลี้ยงหรือไม่ใช่ลูกของตนที่ได้กล่าวมานี้ บางคัมภีร์เรียกว่าอะปะวาทะโยค คือโยคที่จะต้องถูกนินทา ถูกติเตียนจากชาวบ้านหรือญาติพี่น้องในฐานะที่ตนเป็นพ่อ แต่ที่จริงลูกนั้นไม่ใช่เป็นลูกของตน เรื่องอะปะวาทะโยคนี้มีการถกเถียงกันมากในหมู่ผู้รู้ และแต่ละคัมภีร์ก็ได้ให้ความเห็นแตกต่างกันไป