โศลกที่ ๑๑
จันทร์และอังคารเป็นพระเคราะห์ที่สำคัญที่สุด เกี่ยวกับการมีประจำเดือนของสตรีทุกๆเดือน และถ้าในขณะที่มีประจำเดือนตำแหน่งของจันทร์โคจรอยู่ใน อะปะจะยะนะสถานะ คือภพที่ ๑-๒-๔-๕-๗-๘-๙ และ ๑๒ จากลัคนาด้วย ถ้าหญิงนั้นร่วมกับสามีจะมีครรภ์ คำว่าอะปะจะยะสถานะ อัปจัย อนุปจัยหรือปีทรรกษ์ราศี มีความหมายเช่นเดียวกัน ในเวลาที่มีประจำเดือน ถ้าจันทร์ในขณะนั้นโคจรอยู่ใน อุปจะยะหรืออุปจัยภพ คือภพที่ ๓-๖-๑๐ และ ๑๑ จากลัคนา จันทร์นั้นจะต้องได้รับแสงจากดาวพฤหัสบดีด้วย การนอนร่วมกับสามีจึงจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ ฯ
โศลกที่ ๑๒
ในเวลาที่ทำการเสพเมถุน ถ้าขณะนั้นมีบาปเคราะห์เล็งลัคนา หรือพระจันทร์ การเสพเมถุนจะกระทำไปด้วยความหักหาญ ฉุนเฉียว กริ้วโกรธ และรุนแรง ตรงข้ามถ้ามีศุภเคราะห์เล็งลัคนาหรือพระจันทร์ การเสพเมถุนจะกระทำไปด้วยความละมุนละไม อ่อนโยนและสุภาพ ฯ
หมายเหตุ
ในการเสพเมถุนซึ่งถือว่าเป็นเวลาสำคัญยิ่ง ในการเป็นจุดตั้งต้นสำหรับการให้กำเนิดแก่บุตร ลัคนาในเวลานี้บางแห่งเรียกว่า อาธานะลัคนา หรือ นิเษถะลัคนา ส่วนมากถือกันว่าถ้าภพ ๗ ของอาธานะลัคนามีบาปเคราะห์อยู่หรือให้แสงถึงไม่ดี นอกจากนั้นท่านให้พิจารณาราศีที่เป็นภพที่ ๗ จากอาธานะลัคนาด้วย ว่าเป็นราศีที่มีสัญญลักษณะเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ ถ้าเป็นมนุษย์เป็นชายหรือเป็นหญิง ถ้าเป็นสัตว์จะเป็นสัตว์ประเภทอะไร สัตว์บกหรือสัตว์น้ำหรือพวกแมลง ทั้งนี้โดยถือเอาเป็นไปเป็นเครื่องช่วยพิจารณาเกี่ยวกับชะตาเดิมอีกด้วย
โศลกที่ ๑๓
ในชะตาหญิงถ้าจันทร์และอังคารเป็นเกษตร์อยู่ในนวางค์เกษตร์ และในชะตาชายถ้าอาทิตย์และศุกร์เป็นเกษตร์อยู่ในนวางค์เกษตร์ จะเกิดบุตรถ้ามีการเสพเมถุนกันขึ้นหรือจะเกิดบุตรขึ้นได้ในเมื่อพฤหัสบดีร่วมลัคนาหรือเป็นตรีโกณกับลัคนา ทั้งนี้ในชะตาเดิมแสดงว่าเป็นหมันแม้พระเคราะห์จรจะมาได้ตำแหน่งตามที่กล่าวมานี้ก็ไม่สามารถมีบุตรได้ เปรียบเสมือนคนตาบอดย่อมไม่เห็นแสงพระจันทร์แม้จะเป็นคืนวันเพ็ญ ฯ
หมายเหตุ
คำว่าในนวางค์เกษตร์คือพระเคราะห์อยู่ราศีใดก็ตาม แต่อยู่ในนวางค์ซึ่งครองด้วยพระเคราะห์อันเดียวกันกับพระเคราะห์นั้น โศลกนี้ใช้อธิบายหนักไปทางดาวพระเคราะห์ที่โคจรมากกว่าในดวงชะตาเดิม
มีผู้รู้บางท่านให้ความเห็นว่าในดวงชะตาชาย อาทิตย์และศุกร์อยู่ในนวางค์เกษตร์และอยู่ในอุปจัยภพด้วยก็สามารถมีบุตรได้ ในทำนองเดียวกันในชะตาหญิง ถ้าจันทร์และอังคารอยู่ในนวางค์เกษตร์และอยู่ในอุปจัยภพด้วยก็สามารถมีบุตรได้ อีกประการหนึ่งถ้าพฤหัสบดีเป็นตรีโกณกับอาธานะลัคนาจะทำให้เกิดบุตรได้ คำว่าวิพีชินำ ในโศลกนี้หมายความว่าไม่สามารถมีบุตรได้โดยเป็นหมัน โดยการผ่าตัดหรือมีอายุแก่เกินไป
โศลกที่ ๑๔
โศลกนี้แยกออกได้แปดประการคือในชะตาชายและหญิงอย่างละ ๔ ประการ โดยคิดสมผุสพระเคราะห์เกี่ยวกับอาธานะลัคนาทั้งสิ้น
ในชะตาชาย อังคารร่วมเสาร์อยู่ในภพที่ ๗ จากอาทิตย์ ผู้ชายนั้นจะเจ็บป่วยอย่างกระทันหัน อาทิตย์ถูกกระหนาบหน้าและหลังด้วยอังคารและเสาร์จะมีอันตรายถึงชีวิต อังคารร่วมกับอาทิตย์และได้รับแสงจากเสาร์ หรือเสาร์ร่วมกับอาทิตย์และได้รับแสงจากอังคาร ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความตายทั้งสิ้น
ในชะตาหญิง อังคารร่วมเสาร์อยู่ในภพที่ ๗ จากจันทร์ ผู้หญิงนั้นจะเกิดเจ็บป่วยขึ้นอย่างกระทันหัน จันทร์ถูกกระหนาบหน้าและหลังด้วยอังคารและเสาร์จะมีอันตรายถึงชีวิต อังคารร่วมกับจันทร์และได้รับแสงจากเสาร์ หรือเสาร์ร่วมกับจันทร์และได้รับแสงจากอังคาร ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับความตายทั้งสิ้น ฯ
โศลกที่ ๑๕
สำหรับผู้เกิดในเวลากลางวัน อาทิตย์หมายถึงบิดา ศุกร์หมายถึงมารดา เสาร์หมายถึงญาติผู้ใหญ่ทางบิดา จันทร์หมายถึงญาติผู้ใหญ่ทางมารดา สำหรับผู้ที่เกิดในเวลากลางคืน เสาร์หมายถึงบิดา จันทร์หมายถึงมารดา อาทิตย์หมายถึงญาติผู้ใหญ่ทางบิดา ศุกร์หมายถึงญาติผู้ใหญ่ทางมารดา ถ้าอาทิตย์อยู่ราศีคี่ ศุกร์อยู่ราศีคู่ คู่ผัวตัวเมียนั้นจะมีความสุขความราบรื่น ถ้าเสาร์อยู่ราศีคี่ จันทร์อยู่ราศีคู่ ญาติผู้ใหญ่ของบิดาและมารดาจะมีความสุขมาก
โศลกที่ ๑๖
ในเดือนใดถ้าประจำเดือนที่มีในขณะที่พระจันทร์โคจรอยู่ใน อนุปจัยภพจากลัคนาและพระจันทร์นั้นได้รับแสงจากอังคารด้วย การมีประจำเดือนครั้งนี้เหมาะที่จะให้กำเนิดบุตรมาก ถ้าในวันแรกที่มีประจำเดือนไม่ได้ตามกฎเกณฑ์อันนี้ ท่านว่าไม่สมควรทำให้เกิดบุตร สำหรับในชะตาชายท่านแนะนำว่า เวลาที่ทำการร่วมเมถุนเพื่อให้เกิดบุตรควรกระทำในเวลาที่พระจันทร์อยู่ในอุปจัยภพจากลัคนา และในเวลาเดียวกันจันทร์นั้นได้รับแสงจากพฤหัสบดีด้วย ในเรื่องการเสพเมถุนนี้มีกฎเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณาอีกหลายประการด้วยกัน เช่น ในวันแรม ๑๕ ค่ำ ในเวลาที่มีสุริยะหรือจันทระอุปราคา ในเวลาอาทิตย์หรือพระเคราะห์สำคัญในชะตากำลังผลัดราศี และในเวลาที่จันทร์ได้ตำแหน่งมฤตยูองศา จันทร์อยู่ในปริคัณฑานตะนวางค์ เป็นต้น ฯ
โศลกที่ ๑๗
เวลา ๑๖ วันนับตั้งแต่วันที่หมดประจำเดือนเป็นวันที่ ๑ ท่านว่าเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเสพเมถุน เพื่อให้บังเกิดบุตร ในระยะ ๑๖ วันนี้ท่านแบ่งเป็น ๔ ภาคๆละ ๔ วันและบังคับไว้ว่าภาคที่ ๒ และภาคที่ ๔ เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดคือตรงกับวันที่ ๕-๖-๗-๘ และ ๑๓-๑๔-๑๕-๑๖ นับจากวันที่หมดประจำเดือน ฯ
โศลกที่ ๑๘
ในจำนวน ๑๓ วัน ภายหลังที่หมดประจำเดือนคือตั้งแต่วันที่ ๔-๑๖ ถ้ามีการเสพเมถุน บุตรที่เกิดจะมีลักษณะดังต่อไปนี้ ในวันที่ ๔ จะมีลูกชายแต่เด็กนั้นจะอายุสั้น ในวันที่ ๕ จะมีลูกหญิง ในวันที่ ๖ จะได้ลูกชายที่สามารถดำรงวงศ์ตระกูลแทนพ่อ ในวันที่ ๗ จะได้ลูกหญิงแต่เด็กนั้นโตขึ้นจะเป็นหมัน ในวันที่ ๘ จะได้ลูกชาย ในวันที่ ๙ จะได้ลูกหญิงที่มีรูปงามนัก ในวันที่ ๑๐ จะได้ลูกชายซึ่งจะได้เป็นใหญ่มีอิทธิพลและอำนาจ ในวันที่ ๑๑ จะได้ลูกหญิงที่พิการหรือขี้ริ้วที่สุด ในวันที่ ๑๒ จะได้ลูกชายที่บันดาลโชคลาภให้มากมาย ในวันที่ ๑๓ จะได้ลูกหญิงที่มีนิสัยชั่วร้ายเลวทรามที่สุด ในวันที่ ๑๔ จะได้ลูกชายที่มีคุณธรรมวิเศษหลายประการ ในวันที่ ๑๕ จะได้ลูกหญิงที่บันดาลโชคลาภให้อย่างมากมาย ในวันที่ ๑๖ จะได้ลูกชายที่ฉลาดหลักแหลมเป็นอัจฉริยะบุคคล ฯ
โศลกที่ ๑๙
ในเวลาเสพเมถุนถ้าอาทิตย์อยู่ในภพที่ ๓ จากนิเษกะลัคนา จะทำให้เกิดลูกได้ หรืออาทิตย์อยู่ในภพตรีโกณ จากอาธานะลัคนาก็จะบังเกิดผลเช่นเดียวกัน ฯ
โศลกที่ ๒๐
ถ้าอาธานะลัคนาร่วมหรือรับแสงจากศุภเคราะห์ เด็กที่เกิดมามีอายุยืนยาวเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น และจะเป็นคนคงแก่เรียน รอบรู้ในวิชาการทุกประการ ฯ
โศลกที่ ๒๑
ในโศลกเกี่ยวกับการมีบุตรไว้มี ๔ โยคด้วยกันคือลัคนา อาทิตย์ พฤหัสบดี และจันทร์ ต่างก็เข้มแข็ง อยู่ในราศีเพศชายและในนวางค์เพศชายด้วย เด็กที่เกิดนั้นเป็นชาย ลัคนา อาทิตย์ พฤหัสบดีและจันทร์ต่างก็เข้มแข็ง อยู่ในราศีเพศหญิงและในนวางค์เพศหญิงด้วย เด็กที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเด็กหญิง พฤหัสบดีและอาทิตย์ต่างก็เข้มแข็งอยู่ในนวางค์เพศชายด้วย เด็กที่เกิดนั้นเป็นเด็กชาย จันทร์ ศุกร์และอังคารต่างก็เข้มแข็ง อยู่ในราศีหญิงและอยู่ใน นวางค์หญิงด้วย เด็กที่เกิดนั้นเป็นเด็กหญิง ถ้าดาวทั้ง ๕ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และศุกร์ อยู่ในนวางค์ของอุภโยทัยราศีและในเวลาเดียวกันได้รับแสงจากพุธจะเกิดลูกแฝด ถ้านวางค์ของอุภโยทัยราศีนั้นเป็นเพศชาย เด็กที่เกิดนั้นจะเป็นแฝดชาย ถ้านวางค์ของอุภโยทัยราศีเป็นเพศหญิง เด็กที่เกิดจะเป็นแฝดหญิง ถ้านวางค์อุภโยทัยราศีของดาวต่างๆเป็นทั้งเพศชายและเพศหญิง จะเกิดเป็นแฝดผสมคือหญิง ๑คน ชาย ๑คน ฯ
หมายเหตุ
ในโศลกนี้พูดเกี่ยวกับชะตาของเด็กที่คลอด ไม่ใช่เกี่ยวกับเวลาที่เสพเมถุน ในราศี ๑๒ ราศี เราจะแบ่งเป็นชายและหญิงสลับกันไปโดยขึ้นต้นด้วยชาย อุภโยทัยหรือทวิสวะภาวะราศีได้แก่ราศีเมถุน ธนู กันย์และมีน และอุภโยทัยที่เป็นเพศหญิงคือกันย์และมีน อุภโยทัยที่เป็นเพศชายคือเมถุนและธนู ถ้านวางค์ใดเทียบเท่ากับราศีใด นวางค์นั้นๆก็เป็นเพศและอื่นๆตามราศีนั้นๆไปด้วย
โศลกที่ ๒๒
เสาร์ไม่ได้อยู่ร่วมลัคนาและไปอยู่ในภพต่างๆดังต่อไปนี้คือภพที่ ๓-๕-๗-๙ และ ๑๑ จากลัคนา ท่านว่าเด็กที่เกิดเป็นชาย ในการที่จะทำนายจากชะตาว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนั้น ต้องอาศัยพิจารณาจากดาวหลายดวงด้วยกัน ไม่ใช่พิจารณาแต่เฉพาะที่กล่าวไว้เพียงโศลกเดียวเท่านั้น ฯ
โศลกที่ ๒๓
กฎเกณฑ์ของกลีพะโยค ๖ ประการคือ ๑.อาทิตย์และจันทร์เล็งกันพอดีได้แก่ในวันปูรณิมาหรือขึ้น ๑๕ ค่ำ ๒.พุธและเสาร์เล็งกันพอดี ๓.อาทิตย์และอังคารเล็งกันพอดีหรืออาทิตย์อยู่ในราศีเพศหญิงและได้รับแสงจากอังคาร ๔.ลัคนาและจันทร์อยู่ในราศีเพศชายและได้รับแสงจากอังคาร ๕.จันทร์อยู่ในราศีเพศหญิง พุธอยู่ในราศีเพศชาย ทั้งจันทร์และพุธได้รับแสงจากอังคาร ๖.ศุกร์ จันทร์และลัคนาอยู่ในนวางศ์ที่เป็นเพศชาย
หมายเหตุ
คำว่ากลีพะหรือกลีวะหมายถึงไม่มีกำลัง เกียจคร้าน อ่อนแอ เป็นหมัน ขันทีคือสาวใช้ซึ่งเป็นชายตอน โยค ๖ ประการที่กล่าวมานี้ในระหว่างท่านผู้รู้ด้วยกันยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ บางท่านว่าเป็นโยคในเวลาทำการเสพเมถุน บางท่านว่าเป็นโยคเกี่ยวกับเด็กเกิด บางท่านว่าใช้ได้ทั้งสองประการ
โศลกที่ ๒๔
ในโศลกนี้ให้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับลูกแฝดไว้ ๕ ประการด้วยกันคือ ๑.ดาวที่เป็นเพศหญิง ๒ ดาว คือจันทร์และศุกร์ต่างก็อยู่ในราศีเพศหญิง ส่วนลัคนา อังคาร พุธและพฤหัสฯต่างก็อยู่ในราศีเพศชาย จะเกิดลูกแฝดสองคน ๒.ลัคนาและจันทร์ต่างก็อยู่ในราศีเพศหญิง และในเวลาเดียวกันรับแสงจากดาวที่เป็นเพศชายดวงใดดวงหนึ่ง ท่านว่าเกิดลูกแฝดสองคน ดาวที่เป็นเพศชายคืออาทิตย์ อังคารและพฤหัสฯ ๓.พุธ อังคาร พฤหัสฯ และลัคนาต่างเข้มแข็งและต่างก็อยู่ในราศีเพศหญิง ท่านว่าเกิดลูกแฝดสองคน ๔.พุธอยู่ในนวางค์ของพุธ และพุธนั้นให้แสงถึงดาวพระเคราะห์ทุกดวงรวมทั้งลัคนาด้วย ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคน ๕.ดาวพระเคราะห์ทุกดวงรวมทั้งลัคนาต่างก็อยู่ในนวางค์ซึ่งเป็นนวางค์ของอุภโยทัยราศีคือนวางศ์เมถุน กันย์ ธนูและมีน ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคน เกี่ยวกับเพศของเด็กที่เกิดว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ท่านว่าให้พิจารณาจากดาวพุธ ถ้าพุธอยู่ในนวางค์ที่เป็นเพศอะไรก็ทายเป็นเพศนั้น ในกฏข้อที่ ๕ ถ้าดาวพระเคราะห์ต่างก็อยู่ในนวางค์เพศชายบ้างหญิงบ้าง ท่านว่าเด็กแฝดที่เกิดขึ้นมามีทั้งเพศชายและหญิง ฯ
โศลกที่ ๒๕
ในกรณีที่มีลูกแฝดหลายคน ท่านให้กฎเกณฑ์ไว้ว่า ลัคนาต้องอยู่ในวรโคตมะนวางค์ของราศีธนู คือในนวางค์สุดท้ายของราศีธนู ดาวพระคราะห์ต่างๆต้องเข้มแข็งและอยู่ในนวางค์ธนูด้วย ลัคนาได้รับแสงจากพุธและเสาร์ที่เข้มแข็ง ฯ
หมายเหตุ
ท่านผู้รู้บางท่านแย้งว่า กฎเกณฑ์ที่ให้ไว้ในโศลกนี้ใช้ได้เกี่ยวกับสัตว์สี่เท้าเท่านั้น คำว่า ปรภูตา หมายความว่ามีจำนวนมาก อาจมีตั้งแต่ ๕ ถึง ๑๐ ก็ได้
โศลกที่ ๒๖-๒๗-๒๘
เมื่อพุธอยู่ในนวางค์กันย์ ให้แสงถึงดาวพระเคราะห์ทุกดวงรวมทั้งลัคนาด้วยและดาวอื่นๆ นอกจากดาวพุธในขณะนั้นต่างอยู่ในอุภโยทัยราศี ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคน
เมื่อพุธอยู่ในนวางค์เมถุน ให้แสงถึงดาวพระเคราะห์ทุกดวงรวมทั้งลัคนาด้วย ดาวอื่นๆในขณะนั้นก็อยู่ในอุภโยทัยราศี ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคน โดยเป็นหญิง ๑ คน ชาย ๒ คน
ถ้าดาวพุธอยู่ในนวางค์เมถุนและแสงถึงดาวพระเคราะห์ทุกดวง รวมทั้งลัคนา ดาวอื่นๆ นอกจากพุธต่างก็อยู่ในนวางค์เมถุนทั้งสิ้น ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคนและสามคนจะเป็นชายทั้งสิ้น
ถ้าพุธอยู่ในนวางค์เมถุนและให้แสงถึงดาวทุกดวงรวมทั้งลัคนา ลัคนาอยู่ในนวางค์เมถุนหรือนวางค์กันย์ก็ดี แต่ดาวอื่นๆอยู่ในนวางค์เมถุนทั้งสิ้น ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคนเป็นชายทั้งสิ้น
ถ้าดาวพุธอยู่ในนวางค์กันย์และให้แสงถึงพระเคราะห์ทุกดวงรวมทั้งลัคนาด้วยและดาวเคราะห์เหล่านั้นต่างอยู่ในนวางค์กันย์ทั้งสิ้น ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสามคน เป็นหญิงทั้งสิ้น
หมายเหตุ
โศลกต่างๆในเรื่องที่เกี่ยวกับลูกแฝดมักจะกล่าวถึง นวางค์เมถุนและนวางค์กันย์ เพราะมีราศีกันย์และเมถุนเป็นอุภโยทัยราศีและเป็นราศีมีสัญลักษณ์เป็นคนทั้งสองราศี คำว่านวางค์กันย์หรือนวางค์เมถุน ฯลฯ หมายความว่านวางค์ของราศีใดๆก็ตาม ซึ่งเทียบแล้วเท่ากับราศีกันย์หรือราศีเมถุน สำหรับนวางค์เมถุนได้แก่นวางค์ที่ ๓ ของราศีเมษ สิงห์และธนู นวางค์ที่ ๖ ราศีพฤษภ กันย์และมังกร นวางค์ที่ ๙ ของราศีเมถุน ตุลย์และกุมภ์ ใน ๑๒ ราศีหรือ ๑๐๘ นวางค์ มีนวางค์เมถุนอยู่ ๘ นวางค์เท่านั้น และท่านพึงสังเกตด้วยว่าในราศีกรกฏ พิจิกและมีน จะไม่มีนวางค์เมถุนอยู่เลย
ในทำนองเดียวกัน นวางค์กันก็มีอยู่เพียง ๙ นวางค์ คือนวางค์ที่ ๓ ของราศีกรกฏ พิจิก และมีน นวางค์ที่ ๖ ของราศีเมษ สิงห์และธนู นวางค์ที่ ๙ ของราศีมังกร พฤษภและกันย์ ในราศีตุลย์ กุมภ์และเมถุนไม่มีนวางค์กันย์อยู่เลย มีข้อที่สังเกตอยู่อีกคือในราศีเมถุนไม่มีนวางค์กันย์ แต่ในราศีกันย์มีนวางค์เมถุน
โศลกที่ ๓๐-๓๑
อาทิตย์และพฤหัสบดีต่างก็อยู่ในทวิสวะภาวะราศี หรืออุภโยทัยราศีและในเวลาเดียวกันได้รับแสงจากพุธ ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสองคน เป็นชายทั้งคู่ จันทร์ ศุกร์และอังคารอยู่ในทวิสวะภาวะราศีและรับแสงจากพุธด้วย ท่านว่าจะเกิดลูกแฝดสองคนเป็นหญิงทั้งคู่ นอกจากนี้ท่านยังให้ความเห็นเพิ่มเติมไว้อีกว่า ในดวงชะตาถ้าพุธเป็นดาวที่เข้มแข็งที่สุดมักจะทำให้เป็นกระเทยผู้หญิงคือผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวและมีกิริยาอย่างผู้ชาย ตรงข้ามถ้าเสาร์เป็นดาวที่เข้มแข็งที่สุดมักจะทำให้เป็นกระเทยผู้ชายคือผู้ชายที่แต่งตัวและมีกิริยาอย่างผู้หญิง ฯ
โศลกที่ ๓๑
ในเวลาทำการเสพเมถุน อาทิตย์และจันทร์เล็งกันพอดีจะทำให้เกิดธุนุคหรือขันที ในทำนองเดียวกันถ้าจันทร์และเสาร์เล็งกันพอดีหรือต่างก็ให้แสงถึงกันพอดี ท่านว่าทารกจะเกิดมาแต่ต้องเป็นขันที ทั้งสองที่กล่าวมานี้ถ้าเด็กเกิดมาไม่เป็นขันทีก็เป็นหมัน ฯ