โศลกที่ ๑
ในทางโหราศาสตร์มีโยคเกณฑ์บางประการที่ทำลายเจ้าชะตา ยังผลให้เจ้าชะตาเป็นใหญ่ไม่ได้ และทำให้อับโชคอยู่เสมอ โยคต่างๆที่ทำให้โยคดีๆหมดอำนาจ เรียกชื่อรวมๆว่าชาตกะภังคาโยค ซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิดด้วยกัน เช่นเรกาโยค ซึ่งเป็นโยคทำให้เจ้าเรือนข้นแค้น ปเรษัยโยค เป็นโยคที่ทำให้เจ้าชะตาตกเป็นทาสของคนอื่น เป็นลูกน้อง เป็นคนรับใช้ เป็นลูกจ้าง และเกมะทรุมโยค ซึ่งทำให้เจ้าชะตาอาภัพอับโชคและเห็นผิดเป็นชอบ ฯ
โศลกที่ ๒
ถ้าอาทิตย์อยู่ในราศีเมษ แต่อยู่ในนวางค์ตุลย์ และอาทิตย์นั้นได้รับแสงจากบาปเคราะห์ด้วย เจ้าชะตาจะยากจนข้นแค้น ถ้าศุกร์อยู่ในราศีกันย์และนวางค์กันย์ด้วย เจ้าชะตาจะต้องเป็นขอทาน ถ้าอาทิตย์อยู่ในราศีที่เป็นนิจ และได้องศานิจเต็มที่ด้วย ท่านว่าถึงแม้เจ้าชะตาจะเกิดอยู่ในราชตระกูลก็จะต้องวิบัติเสียทรัพย์สินลูกเมียอย่างสิ้นเชิง ฯ
หมายเหตุ
โยคทั้ง ๓ ประการที่กล่าวมานี้ เป็นชาตกะภังคะโยคทั้งสิ้น คือเป็นโยคทำลายดวงชะตา ถึงแม้ในชะตาจะดีเด่นเพียงใดก็ตามก็ต้องวิบัติ โยคอันแรกอาทิตย์อยู่ในราศีอุจจ์แต่กินนวางค์นิจไม่ค่อยร้ายแรงนัก โยคที่สอง ศุกร์อยู่ในวรโคตมนวางค์ของราศีกันย์ แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นปรมะนิจด้วย นับว่าร้ายแรงกว่าโยคที่ ๑ โยคที่สาม อาทิตย์ได้ตำแหน่งปรมะนิจ คือ ๑๐ องศาในตุลย์พอดี นับว่าร้ายแรงที่สุดกระทั่งแม้เกิดในราชตระกูลก็จะสูญสิ้นหมดทุกประการ
โศลกที่ ๓
ในดวงชะตาถ้ามีอังคาร พฤหัสบดี เสาร์และราหู ร่วมกันทั้ง ๔ ดวงไม่ว่าในราศีใดๆ และในเวลาเดียวกันได้รับแสงจากศุกร์และพุธด้วย ถึงแม้ว่าเจ้าชะตานั้นจะเกิดในจำพวกศุกร์ หรือเป็นลูกคนขอทานก็ตามก็จะเป็นคนรอบรู้คงแก่เรียน และมีโชควาสนาดียิ่งนัก ถ้าอาทิตย์และจันทร์ร่วมกันอยู่ในภพที่ ๗ จากลัคนา และได้รับแสงจากเสาร์ด้วย เจ้าชะตาจะอยู่ดีกินดีเนื่องจากมีผู้มิจฉาชีพหรือหัวหน้าโจรรับเลี้ยงดูอุปการะแบบลูกเลี้ยง ฯ
โศลกที่ ๔
ผู้ใดเกิดในเวลา กาละโหร ของอังคาร และมีเสาร์อยู่ในเกนทระกับลัคนา และเสาร์นั้นไม่ได้รับแสงจากศุภเคราะห์ใดๆจะยากจนข้นแค้นเป็นขอทาน ถ้าจันทร์ร่วมกับอังคารและอยู่ในราศีเมษ รับแสงจากอาทิตย์แต่ไม่ได้รับแสงจากศุภเคราะห์ใดๆเลย เจ้าชะตาจะต้องเป็นคนขอทาน ถ้าอาทิตย์ จันทร์และเสาร์ ร่วมกันเป็นเกนทระกับลัคนา เจ้าชะตาจะเป็นคนทึบปัญญา ยากจน และต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น เอาตัวเองไม่รอด ฯ
หมายเหตุ
ในโศลกนี้พูดถึงคำว่ากาลโหราของอังคารไว้ จึงใคร่อธิบายถึงกาลโหราไว้ ณ ที่นี้ด้วย คำว่าโหราในที่นี้หมายถึงชั่วโมงหนึ่งหรือ ๑๕ องศาเท่ากับ ๑ ชั่วโมงพอดี
ในทางโหรมีการแบ่งเวลาที่เราเรียกชื่อรวมๆว่า ยาม นี้มีหลายประเภทด้วยกัน กาลโหรานี้ก็เป็นยามประเภทหนึ่ง ซึ่งใน ๑ วันมี ๒๔ ยามด้วยกัน และแต่ละยามเรียกว่าโหรา หรือประมาณ ๑ ชั่วโมง คือแบ่งกลางวัน ๑๒ ส่วน กลางคืน ๑๒ ส่วนเท่าๆกัน แต่ละส่วนเรียกว่าโหรา หรือกาลโหรา เฉพาะสำหรับวันนั้น
เนื่องจาก ๑ วันมี ๒๔ ชั่วโมงเท่ากันทุกวันก็จริง แต่ถ้าแบ่งเป็นกลางวันและกลางคืน จะเห็นได้ว่า ทุกๆวัน กลางวันและกลางคืนไม่เท่ากันเลย เมื่อกลางวันและกลางคืนไม่เท่ากัน ยาม ๑๒ ส่วนของภาคกลางวัน และ ๑๒ ส่วนของภาคกลางคืนที่เรียกว่ากาลโหราของแต่ละวัน
ก็ไม่เท่ากันด้วย ยามของกลางวันและกลางคืนจะเท่ากันได้ ใน ๑ ปีมีอยู่ ๒ วันเท่านั้น คือในวันที่อาทิตย์โคจรเข้าราศีเมษวันหนึ่ง และในวันที่อาทิตย์โคจรเข้าราศีตุลย์อีกวันหนึ่ง
เมื่อเราทราบเช่นนี้ การจะแบ่งกาลโหราให้ถูกต้อง เราจะต้องรู้อาทิตย์อุทัยของวันนั้นและรู้อาทิตย์อัสดงคตในวันนั้นด้วย เมื่อเราแบ่งเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ออกเป็นภาคละ ๑๒ ส่วนเท่าๆกัน รวมเป็น ๒๔ ส่วนแล้ว เขาจัดพระเคราะห์เข้าครองส่วนต่างๆไว้ดังนี้
กฎเกณฑ์ทั่วไปมีอยู่ว่า ลำดับของพระเคราะห์ที่เข้าครองโหราทั้ง ๒๔ ส่วนนั้น มีดังนี้ อาทิตย์ ศุกร์ พุธ จันทร์ เสาร์ พฤหัสบดีและอังคาร และเมื่อถึงอังคารแล้วก็เวียนไปอาทิตย์ใหม่ตามลำดับเดิม สำหรับราหู เกตุไม่ได้คิดมาให้ครองยามโหรานี้เลย
กฎเกณฑ์อีกประการหนึ่งมีอยู่ว่าในวารทั้ง ๗ นี้ ถ้าวันใดก็นับพระเคราะห์ที่มีชื่อเหมือนกันนั้น เข้าครองโหราที่ ๑ เป็นต้นไป
สมมุติเป็นวันอังคาร อังคารก็จะเข้าครองโหราที่ ๑ สมมุติในวันนั้นกลางคืนและกลางวันเท่ากันพอดี แต่ละโหราก็มีเวลาเท่ากันหมดคือ ๑ ชั่วโมงพอดีด้วย กาลโหราในวันอังคารจะได้ตามเวลาดังต่อไปนี้
๐๖.๐๐ ถึง ๐๗.๐๐ , ๑๓.๐๐ ถึง ๑๔.๐๐ ,๒๐.๐๐ ถึง ๒๑.๐๐ และ ๐๓.๐๐ ถึง ๐๔.๐๐ การคิดวันใหม่ คิดเวลาอาทิตย์อุทัย ไม่ใช่คิดเวลา ๒๔.๐๐ เป็นวันใหม่ ฉะนั้นถ้าเกิดตามเวลานี้ในวันอังคาร ก็จะเกิดในกาลโหราของอังคารทั้งสิ้น ทำนองเดียวกันกาลโหราของอังคารในวันอื่นๆก็หาได้โดยวิธีเดียวกัน
โศลกที่ ๕
ถ้ามีเสาร์อยู่เป็นเกนทระกับลัคนา จันทร์กุมลัคนา พฤหัสบดีอยู่ในภพที่ ๑๒ เจ้าชะตาจะเป็นขอทาน จะถูกขับไล่ไสส่งไปอยู่ต่างถิ่นอย่างน่าสงสาร ถ้าเจ้าเรือนของภพที่ ๙ จากลัคนาอยู่ในภพที่ ๑๒ จากลัคนา และมีบาปเคราะห์เป็นเกณฑ์กับลัคนาด้วย เจ้าชะตาจะประกอบกรรมชั่วต่างๆ มีนิสัยเลวทราม เอาตัวไม่รอด ต้องอาศัยเขาอยู่ ฯ
โศลกที่ ๖
ถ้าพฤหัสบดีร่วมกับราหูหรือเกตุ และได้รับแสงจากบาปเคราะห์ด้วย เจ้าชะตาจะชอบกระทำความชั่ว ถ้าพฤหัสบดีอยู่ในราศีนิจ และในเวลาเดียวกันได้รับแสงจากดาวที่เป็นนิจ ท่านว่าแม้แต่เกิดในตระกูลพราหมณ์ หรือเป็นพระก็มีหวังเป็นอาชญากรที่เหี้ยมโหดทารุณได้ ถ้าเจ้าเรือนลัคนา อาทิตย์และจันทร์ร่วมกัน และได้รับแสงจากเสาร์ เจ้าชะตาจะเป็นคนเกียจคร้านที่สุด ถ้ามีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนา และบาปเคราะห์นั้นไม่ได้รับแสงจากศุภเคราะห์เลย เจ้าชะตาจะประกอบกรรมชั่ว ใจบาปหยาบช้า เอาตัวไม่รอด ต้องเป็นลูกน้องเขาเรื่อยไป ฯ
โศลกที่ ๗
ถ้าเจ้าเรือนภพที่ ๙ อยู่ในภพที่ ๑๒ จากลัคนา มีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ ๓ และเจ้าเรือนของภพที่ ๑๒ อยู่ในภพที่ ๒ เจ้าชะตาจะอดอยากกินอาหารไม่ดี มักถูกจองจำและเจ้าชู้ไร้ศีลธรรม ถ้าไม่มีดาวใดๆอยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนาเลย และดาวเหล่านั้นได้ตำแหน่งนิจ หรืออยู่ในเรือนของศัตรู เจ้าชะตาเป็นคนไม่มีความรู้ ไร้การศึกษา ทึบปัญญา นิสัยชั่วร้าย ไม่มีเมีย ไม่มีลูก ชอบขอทาน หรือชอบพึ่งพาอาศัยผู้อื่น เอาตัวไม่รอด ฯ
โศลกที่ ๘
ถ้าเจ้าเรือนของลัคนาอยู่ในภพที่ ๑๒ จากลัคนา ภพที่ ๑๐ จากลัคนาเป็นราศีที่ครองด้วยบาปเคราะห์ มีจันทร์ร่วมกับอังคารอยู่ในภพนั้น เจ้าชะตาจะต้องไปอยู่ต่างถิ่นหรือต่างประเทศ และจะดำเนินชีวิตอย่างยากจนข้นแค้น
ถ้าเจ้าเรือนของภพที่ ๙ จากลัคนาสถิตอยู่ในภพที่ ๑๒ จากลัคนา เจ้าเรือนของลัคนาและเจ้าเรือนของจันทร์ไม่ร่วมกันกับศุภเคราะห์ใดๆเลย หรือเจ้าเรือนของลัคนาและเจ้าเรือนของจันทร์ไม่มีแสง โดยที่อยู่ใกล้อาทิตย์จนเกินไป เจ้าชะตาจะสูญเสียลูกและเมีย และจะเป็นคนทำให้วงศ์ตระกูลของตัวเองหมดสิ้นไปด้วย ฯ
โศลกที่ ๙
ถ้ามีทั้งบาปเคราะห์และศุภเคราะห์อยู่ในตำแหน่งเป็นเกนทระกับลัคนา จันทร์อยู่ในนวางค์ซึ่งครองด้วยเสาร์ และจันทร์นั้นได้รับแสงจากเจ้าเรือนของลัคนาด้วย เจ้าชะตาจะเป็นผู้ทำลายวงศ์ตระกูลหรือทำลายชาติย่อยยับพินาศสิ้นและจะไม่มีทั้งเมียและลูก
ถ้าพุธและศุกร์ร่วมกันอยู่ในภพที่ ๗ จากจันทร์ในชะตา มีพฤหัสบดีอยู่ในภพที่ ๕ จากจันทร์ด้วย และในภพที่ ๔ และ ๘ จากจันทร์ มีบาปเคราะห์สถิตอยู่ ตามโยคที่กล่าวนี้ ท่านว่าเจ้าชะตาเป็นคนทำลายชาติและวงศ์ตระกูลให้พินาศสูญสิ้นไป ฯ
โศลกที่ ๑๐
ถ้าจันทร์อยู่ในจรราศีองศาสุดท้าย เช่น ๒๙ องศา จันทร์อยู่ในสถิระองศาแรก เช่น ๑ องศา จันทร์อยู่ในอุภโยทัยราศีองศากลางๆเช่น ๑๕ องศา และจันทร์ที่อยู่ตามตำแหน่งเหล่านี้เป็นจันทร์ไม่เข้มแข็ง เช่นจันทร์ไม่มีแสง ทั้งลัคนาไม่มีดาวใดๆร่วมด้วย ท่านว่าถึงแม้ดวงชะตาจะมีราชาโชค หรือโยคดีสักปานใดก็ตาม เจ้าชะตาจะไม่ได้ผลดีจากโยคดีเหล่านั้นเลย ฯ
โศลกที่ ๑๑
ท่านให้สังเกตดูว่า ลัคนาอยู่ในราศีใด และอยู่ในนวางค์ใด ถ้าเจ้านวางค์ของลัคนาเป็นดาวอาทิตย์ จันทร์และพฤหัสบดี และเจ้านวางค์เหล่านี้ในชะตาอยู่ในราศีนิจ หรือเจ้านวางค์เหล่านี้อยู่ในนวางค์ที่มีเจ้านวางค์เป็นศัตรู หรือเจ้านวางค์เหล่านี้อยู่ในนวางค์ที่ครองด้วยดาวที่เป็นเจ้าเรือนนิจของดาวนั้น เช่นอาทิตย์เป็นเจ้านวางค์ของลัคนา อยู่ในราศีใดๆก็ตามแต่อยู่ในนวางค์ที่ครองด้วยศุกร์คือนวางค์พฤษภและตุลย์เป็นต้น เมื่อเป็นดังนี้ท่านว่าเจ้าชะตาเกิดมาเป็นทาสหรือไม่ก็ต้องเป็นลูกน้องเขาเรื่อยไป ไม่สามารถจะเป็นตัวของตัวเองได้ ฯ
โศลกที่ ๑๒
ถ้าจันทร์อยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนา พฤหัสบดีอยู่ในภพที่ ๗ และมีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ ๙ เจ้าชะตาจะเป็นผู้เกิดมาทำลายตระกูลวงศ์ ถ้าศุกร์ พุธและจันทร์ ทั้งสามพระเคราะห์อยู่ในภพเกนทระกับลัคนา มีราหูกุมลัคนาด้วย เจ้าชะตาจะเป็นคนที่มีชีวิตเหลวแหลกที่สุด ฯ
โศลกที่ ๑๓
ถ้าศุกร์เป็นนิจหรือไม่เป็นนิจ แต่ศุกร์นั้นอยู่ในนวางค์ของเสาร์ และศุกร์นั้นอยู่ทุสถานะกับลัคนาได้รับแสงจากเสาร์ ในดวงชะตาถ้ามีอาทิตย์ร่วมจันทร์อยู่ในภพที่ ๗ จากลัคนา ท่านว่าเจ้าชะตาจะประกอบกรรมชั่วทางเพศกับมารดาของเจ้าชะตาเอง ฯ
โศลกที่ ๑๔
ถ้าพฤหัสบดีเป็นนิจ หรืออาทิตย์เป็นนิจ และพฤหัสบดี หรืออาทิตย์ร่วมบาปเคราะห์อยู่เป็นเกนทระกับลัคนาด้วย เจ้าชะตาจะเป็นคนโหดร้ายทารุณฆ่าได้แม้แต่ทารกไร้เดียงสาหรือถ้าบาปเคราะห์อยู่เป็นเกนทระกับลัคนา และไม่ได้รับแสงจากศุภเคราะห์ มีพฤหัสบดีอยู่ในภพที่ ๘ ของลัคนาด้วย จะมีใจบาปหยาบช้าชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฯ
โศลกที่ ๑๕
ถ้าจันทร์ร่วมพุธและบาปเคราะห์ร่วมด้วย สถิตอยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนา และรับแสงจากบาปเคราะห์อีกด้วย โดยไม่ได้รับแสงจากศุภเคราะห์ใดๆเลย และตำแหน่งของจันทร์นั้นอยู่ในนวางค์ที่เป็นนิจ เจ้าชะตาจะมีชีวิตเหลวแหลกที่สุด เอาตัวไม่รอด ฯ
โศลกที่ ๑๖
ถ้าเจ้าเรือนของลัคนาอยู่ในภพที่ ๕ หรือภพที่ ๒ จากจันทร์ มีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ ๘ จากลัคนา มีอาทิตย์อยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนา เจ้าชะตาจะมีชีวิตอยู่อย่างปราศความอิจฉาริษยาจากผู้อื่น ฯ
โศลกที่ ๑๗
ถ้าศุกร์ พฤหัสบดีและเสาร์ต่างก็อยู่ในนวางค์ที่เป็นนิจ หรือต่างก็อยู่ในนวางค์ที่ครองด้วยดาวคู่ศัตรู เจ้าชะตาจะมีชีวิตอยู่ด้วยความยากจนข้นแค้น เต็มไปด้วยความวิบัติ
ไม่สมความปรารถนา ระทมทุกข์ ปราศจากภรรยาและบุตร ฯ
โศลกที่ ๑๘
ถ้าบาปเคราะห์ทุกดวงอยู่ในราศีที่เป็นนิจ หรืออยู่ในเรือนคู่ศัตรู และในเวลาเดียวกันบาปเคราะห์เหล่านั้นอยู่เป็นเกนทระกับลัคนาด้วย และมีศุภเคราะห์ทุกดวงอยู่ในทุสถานะภพจากลัคนา ท่านว่าจะทำให้เจ้าชะตาอาภัพเอาตัวไม่รอด ฯ
โศลกที่ ๑๙
ถ้าเสาร์ จันทร์และอาทิตย์ ต่างก็อยู่ในภพเกนทระกับลัคนาทั้งสิ้น และทั้งสามพระเคราะห์นี้ไม่ได้รับแสงจากศุภเคราะห์ใดๆ เจ้าชะตาจะเป็นคนขี้เหล้าเมายา และถ้าเสาร์ จันทร์และอาทิตย์ หรือในนวางค์หรือวรรคต่างๆที่เป็นนิจ หรือในเรือนศัตรู เจ้าชะตาจะมีนิสัยชอบทำชู้กับภรรยาของผู้อื่นด้วย ฯ
โศลกที่ ๒๐
ถ้าศุกร์เป็นนิจร่วมกับบาปเคราะห์ในภพที่ ๙ จากลัคนา และรับแสงจากบาปเคราะห์ด้วย เจ้าชะตาจะประพฤติผิดลูกเมียคนอื่น ถ้าภพที่ ๑๒ จากลัคนาเป็นภพที่ครองด้วยศุภเคราะห์ มีศุกร์อยู่ในภพที่ ๑๒ จากลัคนาและศุกร์นั้นอยู่ในนวางค์ของเสาร์ด้วย เจ้าชะตาชอบเอาหญิงคนใช้หรือหญิงคนชั่วเป็นเอกภรรยา ฯ
เรกาโยค
โศลกที่ ๒๑
ถ้าเจ้าเรือนของลัคนาไม่เข้มแข็ง และในเวลาเดียวกันได้รับแสงจากเจ้าเรือนของภพที่ ๘ จากลัคนาอีกด้วย ในชะตาดาวพฤหัสบดีไม่มีแสงเช่นร่วมกับอาทิตย์ โยคที่กล่าวมานี้เรียกว่าเรกาโยค คือโยคแห่งความยากจน ความว่างเปล่า
ถ้าดาวที่เป็นเจ้านวางค์ของดาวที่เป็นเจ้าเรือนภพที่ ๔ จากลัคนาไปร่วมกับอาทิตย์
และไม่มีแสง และในเวลาเดียวกัน ได้รับแสงจากดาวที่เป็นเจ้าเรือนของภพที่ ๑๒ จากลัคนาด้วย เรียกว่าเรกาโยค เหมือนกัน ฯ
โศลกที่ ๒๒
ถ้าเจ้าเรือนของภพที่ ๔ จากลัคนา ได้รับแสงจากเจ้าเรือนของภพที่ ๖ จากลัคนา หรือถ้าเจ้าเรือนของภพที่ ๙ ร่วมกับเจ้าเรือนของภพที่ ๘ และอยู่ในภพที่ ๕ จากลัคนา หรือเจ้าเรือนลัคนาเป็นนิจ อย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวมานี้ ท่านว่าเจ้าชะตามีเรกาโยคในชะตา
ถ้ามีศุภเคราะห์อยู่ในทุสถานะภพจากลัคนา และในเวลาเดียวกันมีบาปเคราะห์เพียง ๑ เดียวเป็นเกนทระหรือตรีโกณกับลัคนา เจ้าเรือนของภพที่ ๑๑ จากลัคนาไม่เข้มแข็ง เจ้าชะตาต้องมีกรรมเกี่ยวกับเรกาโยค ฯ
โศลกที่ ๒๓
ถ้าเจ้าเรือนของลัคนาร่วมกับบาปเคราะห์ ถ้าศุกร์และพฤหัสบดีร่วมกับอาทิตย์และทับทั้งสองดวง และถ้าเจ้าเรือนของภพที่ ๔ ร่วมกับบาปเคราะห์ ท่านว่าเจ้าชะตามีเรกาโยค ถ้าเจ้าเรือนของภพที่ ๙ จากลัคนา ร่วมกับอาทิตย์และดับ และมีเจ้าเรือนของภพที่ ๒ และเจ้าเรือนของลัคนาเป็นนิจ เจ้าชะตามีเรกาโยค ฯ
โศลกที่ ๒๔
จะเกิดมีเรกาโยคขึ้นได้ ถ้ามีดาวเคราะห์ ๓ ดวงได้ตำแหน่งนิจ หรือดับแสงเพราะอยู่ร่วมกับอาทิตย์ หรือถ้าเจ้าเรือนของลัคนาอยู่ในทุสถานะภพกับลัคนา หรือไม่เข้มแข็ง ถ้ามีบาปเคราะห์ดวงใดอยู่ในภพที่ ๔ จากลัคนาในชะตาได้รับแสงจากบาปเคราะห์อีกดวงหนึ่งซึ่งได้ตำแหน่งนิจ หรือพระเคราะห์ซึ่งเป็นคู่ศัตรู ท่านว่าเจ้าชะตาได้เรกาโยค และถ้าบาปเคราะห์ที่กล่าวมานี้ สถิตอยู่ในภพอื่นๆซึ่งไม่ใช่ภพ ๖-๘ และ ๑๒ จากลัคนา เจ้าชะตาจะได้เรกาโยคจากภพต่างๆที่บาปเคราะห์นั้นสถิตอยู่ ฯ
***********************************************