ราศีทั้ง 12 ราศีในจักรราศี ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยมีทั้งราศีเพศชายหรือราศีคี่เป็นราศีประจุบวก และราศีเพศหญิง หรือราศีคู่เป็นราศีประจุลบ
(1) ราศีเพศชาย (ราศีคี่) คือราศีที่มี ความต่างศักย์ของประจุเป็นบวก(+) นับเป็นราศีภาคกลางวัน คือราศีเลขคี่ทั้งหมดของจักรราศี มีดังนี้คือ1.ราศีเมษ(ธาตุไฟ), 3.ราศีเมถุน(ธาตุลม) , 5. ราศีสิงห์(ธาตุไฟ) ,7. ราศีตุลย์(ธาตุลม) , 9.ราศีธนู(ธาตุไฟ) และ 11.ราศีกุมภ์ (ธาตุลม)
(2) ราศีเพศหญิง(ราศีคู่)คือราศีที่มี ความต่างศักย์ของประจุเป็นลบ(-) นับเป็นราศีภาคกลางคืน คือราศีเลขคู่ทั้งหมดของจักรราศี มีดังนี้คือ2.ราศีพฤษภ(ธาตุดิน) , 4. ราศีกรกฏ(ธาตุน้ำ), 6. ราศีกันย์(ธาตุดิน) , 8.ราศีพิจิก(ธาตุน้ำ), 10. ราศีมังกร(ธาตุดิน) และ 12.ราศีมีน (ธาตุน้ำ)
ดังนั้นราศีธาตุไฟและธาตุลมทั้งหมดมี ความต่างศักย์ของประจุเป็นบวก(+) จึงหมายถึงเพศชายและเวลากลางวัน ส่วนราศีธาตุดินและธาตุน้ำมี ความต่างศักย์ของประจุเป็นลบ (-) หมายถึงเพศหญิง และเวลากลางคืน
ลักษณะของราศี-ราศีเพศชายเป็นคนเปิดเผยและกระตือรือร้น ส่วนราศีเพศหญิงจะอ่อนไหวและเก็บตัว
ตามโหราศาสตร์พระเวทของภารตะ ราศีบวกเพศชายมี 6 ราศี ซึ่งราศีเหล่านี้เป็นราศีเลขคี่คือราศีที่ 1, 3, 5, 7, 9 และ 11 ได้แก่ ราศีเมษ, ราศีเมถุน, ราศีสิงห์, ราศีตุล, ราศีธนู, ราศีธนูและกุมภ์ซึ่งผู้เกิดในลัคนาราศีบวกเพศชายเหล่านี้ ไม่ว่าเจ้าชาตาจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม ก็จะได้รับอิทธิพลหรือสืบทอดคุณลักษณะของสัญลักษณ์เพศชาย เจ้าชาตาจะมีรูปร่างลักษณะ ร่างกายจะมีโครงสร้างใหญ่และหนา จิตใจมีความมุ่งมั่น แน่วแน่ มั่งคง มีความคล่องแคล่ว กล้าแสดงออก อาจจะมีท่าทีที่ก้าวร้าวและชอบทำตัวเด่น
ส่วนราศีทั้งหกที่เหลือเป็นราศีลบเพศหญิง ซึ่งราศีเหล่านี้เป็นราศีเลขคี่คือราศีที่ 2, 4, 6, 8, 10 และ 12 ซึ่งได้แก่ราศีพฤษภ, กรกฏ, กันย์, ราศีพิจิก, ราศีมังกรและราศีมีน
หากเจ้าชาตาเกิดในราศีเพศหญิง(ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง) เจ้าชาตาก็จะเป็นคนไม่ค่อยมักจะดิ้นรนอะไร เป็นคนค่อนข้างอ่อนไหว และมักจะต้องเป็นฝ่ายรับอยู่เสมอ ในทุกๆเหตุการณ์เจ้าชาตามักจะเป็นคนขี้กลัว หวาดหวั่น ชอบจะวิตกกังวลอยู่เสมอ และจะต้องข่มใจ หรือต้องระงับเก็บความรู้สึกของตัวเองมากกว่าเมื่อเทียบกับเจ้าชาตาที่เกิดในราศีเพศชาย
หากเจ้าชาตาเป็นผู้หญิงที่มีลัคนาและทั้งชนมจันทร์ อยู่ในราศีเพศชาย เธอจะดูมีลักษณะของความเป็นชายมากกว่าหญิงและจะกลายเป็นคนอับโชค และหากเจ้าชาตาเป็นผู้หญิงและมีลัคนาและชนมจันทร์ตกอยู่ในราศีคู่หรือราศีเพศหญิง เธอจะกลายเป็นคนโชคดี
หากเจ้าชาตาเป็นผู้ชาย ซึ่งมีลัคนาและชนมจันทร์อยู่ในราศีเพศชาย เจ้าชาตาจะมีความเป็นผู้ชายเต็มตัว ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่หากเจ้าชาตาเป็นผู้ชาย ซึ่งมีลัคนาและชนมจันทร์อยู่ในราศีเพศหญิง เจ้าชาตามีจะลักษณะเหมือนผู้หญิง ทั้งร่างกายและจิตใจ
ความความเข้มแข็งหรือกำลังของดาวเคราะห์ในดวงชาตา ที่คำนวณจากตำแหน่งที่สถิตของดาวเคราะห์ในราศีเพศชาย-หญิง โดยพิจารณาทั้งในราศีจักรและนวางศ์จักรการคำนวณกำลังนี้อยู่ในระบบษัฑพละ เรียกว่า อุชะยุคมะพละ ซึ่งกำหนดให้ดาวเคราะห์บางดวงมีความเข้มแข็งในราศีคี่ หรือดาวเคราะห์บางดวงมีความเข้มแข็งในราศีคู่ ค่าทางโหราคณิตศาสตร์บางอย่างถูกกำหนดให้ดาวเคราะห์บางดวงมีพลังทั้งในราศีคี่และคู่
อุชะยุคมะพละ การให้หน่วยกำลังในส่วนนี้คำนึงถึงตำแหน่งว่าดาวเคราะห์อยู่ในนวางค์และราศีใด ว่าเป็นประเภทคู่หรือคี่ โดยดาว จันทร์และดาวศุกร์จะได้รับกำลัง 15 ษัทฎิอัมศะเมื่อเสวยนวางค์คู่ หรือ อยู่ในราศีคู่ และหากดาวทั้งสองอยู่ทั้งราศีคู่และนวางค์คู่จะได้30 ษัทฎิอัมศะ เหตุผลในการให้คะแนนกำลังตามกฏนี้เพราะดาวทั้งสองเป็นเพศหญิง ย่อมแข็งแกร่งเมือได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นหญิง (คู่) ไม่ว่าจะในราศีหรือในดวงนวางค์ พระอาทิตย์ , ดาวอังคาร, ดาวพุธ ,ดาวพฤหัส และดาวเสาร์จะได้ 15 ษัทฎิอัมศะ เมื่อเสวยนวางค์คี่ หรืออยู่ในราศีคี่ นอกจากนี้หากดาวทั้งสองอยู่ทั้งราศีคี่และเสวยนวางค์คี่ จะได้รับ 30 ษัทฎิอัมศะ ดาวเหล่านี้เป็นมีทั้งที่เป็นเพศชาย และเป็นกลาง ซึ่งจะเข้มแข็งในราศีคี่ หมายเหตุ-ดาวพุธและเสาร์-ในบางกรณีแบ่งประเภทเป็นดาวเคราะห์ กระเทย คือผสมทั้งชายและหญิง
ตัวอย่าง-ดาวจันทร์ในราศีมีน 1 องศา เสวยนวางศ์ราศีกรกฏ ดาวจันทร์จะได้ 15 ษัทฎิอัมศะ และอีก 15 ษัทฎิอัมศะ สำหรับนวางศ์ราศีกรกฏ รวม อุชะยุคมะพละของดาวจันทร์ คือ 30 ษัทฎิอัมศะ
ศึกษาเพิ่มเติมที่ ษัฑพละ : กำลังของดวงดาว