ในตำราโหราศาสตร์ภารตะบางทีก็เรียกว่า “กาล สรปะ โยค” कालसर्प योग หมายถึงช่วงเวลาแห่งอสรพิษ(ที่คอยจ้องจะฉกกัด)หากมีการพบว่าในพื้นดวงชาตากำเนิดของคนคนหนึ่ง มีดาวเคราะห์ทุกดวง สถิตย์อยู่ระหว่างแกนของพระราหู และ เกตุ (เกตุที่ตรงข้ามกับราหูหรือเกตุสากล ไม่ใช่เกตุแบบไทยหรือ ๙ ) โยคนี้เป็นหนึ่งในจำนวนมหาโยคร้ายที่ผู้คนหวาดกลัวกันมาก
ในภาษาสันสกฤต คำว่า “กาฬ” หมายถึง ความตายและ งู หมายถึงคำ “สรปะ” หรือ อสรพิษ ; เชื่อกันว่าบุคคลใดที่เกิดภายใต้ “กาฬ สรปะโยค”นี้ จะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน อุปสรรคความเจ็บปวด ความยากลำบาก ความตาย เหมือนถูกอสรพิษฉกกัด
โยคร้ายนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อดาวทั้งหมดในดวงชะตาทั้ง 7 ดวง คือ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ และดาวเสาร์ สถิตย์อยู่ระหว่างแกนของพระราหู - เกตุ (180 องศา ของระยะเชิงมุมระหว่างดาวราหูและเกตุสากล) หรือมุมของทิศเหนือและทิศใต้ ส่วนผลร้ายที่จะเกิดขึ้นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของ พระราหู และ เกตุ ในแต่ละดวงชะตาและเรือนชาตาตำแหน่งที่ลัคนาสถิตย์ ผลกระทบของโยคอาจแตกต่างกันตามดวงชาตาของแต่ละบุคคล
1.สวายะ กาฬสรปะ โทษ ในระหว่างเรือนทั้ง 7 นับจากราหูถึงเกตุ มีดาวเคราะห์สถิตย์ทั้ง 7ดวง
2.อปะสวยะ กาฬสรปะ โทษ ในระหว่างเรือนทั้ง 7 นับจากเกตุถึงราหู มีดาวเคราะห์สถิตย์ทั้ง 7ดวง
ในทางโหราศาสตร์, พระราหูจะเป็นหัวและเกตุจะเป็นหางของ สรปะ (งู) โหราจารย์ชาวฮินดูถือว่าโยคร้ายเป็นหนึ่งในโยค(โชค)ที่อันตรายมากที่สุดในช่วงชีวิตของทุกคน มันจะทำลายอาชีพ หน้าที่การงาน สุขภาพ ความมั่งคั่งและชื่อเสียง ของเจ้าชาตาที่มีโยคร้ายนี้ในดวงชาตาในพื้นดวงชาตา หากมีโยคนี้นับจากลัคนาถึงเรือนที่ 7 จะแสดงถึงความยากลำบากในครึ่งชีวิตแรกของเจ้าชาตา
แต่หากโยคร้ายนี้ปรากฏในเรือนที่ 8 -12 หมายถึงครึ่งชีวิตหลังของเจ้าชาตาเป็นจะอันตราย เสมือนถูกงูพิษฉกกัดหากในดวงชาตาไม่มีโยคดีอื่นๆ(เช่นราชาโยค)มาขวางกั้นโยคร้ายนี้ เจ้าชาตาจะกลายเป็นคนว่างงาน มีนิสัยที่ไม่ดี ไร้คู่ครอง ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีกฏเกณฑ์เพิ่มเติมอีกคือ หากในพื้นดวงชาตามีลักษณะดังต่อไปนี้:
1. หากดาวอาทิตย์สถิตย์ในเรือนที่ 8 จากราหู ก็นับว่า เป็นกาฬสรปะโทษ
2. นับจากเรือนที่จันทร์สถิตย์ไปถึงเรือนที่ 8 หากมีราหูหรือเกตุ สถิตย์อยู่ ก็นับว่า เป็นกาฬสรปะโทษ
3.เรือนที่ 6 ,7, 8 นับจากลัคนา หากมีราหูสถิตย์อยู่ ก็นับว่า เป็นกาฬสรปะโทษ
4. นับจากลัคนา หากมีราหูหรือเกตุสถิตย์อยู่ในเรือนตรีโกณ ก็นับว่า เป็นกาฬสรปะโทษ
ถ้าเรือนทุกเรือนที่อยู่ระหว่าง พระราหู และ เกตุ ก็จะได้รับผลกระทบจากโยคร้ายนี้เช่นเดียวกันกับดาวเคราะห์
และถ้าหากดาวอาทิตย์หรือดาวจันทร์สถิตย์ร่วมกับ พระราหู หรือ เกตุแล้ว กาฬ สรปะโยคแบบนี้จะให้โทษรุนแรงกว่าประเภทอื่นๆ การเผชิญกับโชคร้าย ความตายหรือประสบอันตรายจะรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น
กฏล้างโทษของ กาฬสรปะ โทษ
(1) หากในพื้นดวงของเจ้าชาตามี "ราชาโยค" ตั้งแต่ 2 โยคขึ้นไป ก็จะล้างโทษจาก "กาฬ สรปะโยค " ให้หมดสิ้นไป
(2) หากในพื้นดวงของเจ้าชาตา ดาวราหูและเกตุได้รับโยคดีจาก ดาวศุภเคราะห์ จะล้างโทษจาก "กาฬ สรปะโยค " ให้หมดสิ้นไป
(3) หากในพื้นดวงของเจ้าชาตา มีดาวเคราะห์ที่ได้ตำแหน่ง อุจน์ หรือเกษตร ตั้งแต่ 2 หรือ 3 ดวงขึ้นไป ก็จะล้างโทษจาก "กาฬ สรปะโยค " ให้หมดสิ้นไป
(4) หากเจ้าเรือนลัคนา หรือเจ้าเรือนที่ 9หรือเจ้าเรือนที่ 10 ได้ตำแหน่งมหาอุจน์ ก็จะล้างโทษจาก "กาฬ สรปะโยค " ให้หมดสิ้นไป
อนุ กาฬ สรปะโยค
ในกรณีถ้าดาวเคราะห์ไม่ได้อยู่ระหว่าง พระราหู และ เกตุ ทั้งหมดทั้ง 7ดวงแต่อาจะมีดาวเคราะห์ 2-3 ดวงสถิตย์อยู่นอกแกนของพระราหูและเกตุ ก็จะเรียกว่า “อนุ กาฬ สรปะโยค” ( จะได้รับผลโยคร้ายบางส่วน) หรือแม้แต่มีเพียงดาวเคราะห์เดียวที่อยู่นอกแกนของพระราหูและเกตุแล้ว ก็จะเป็น “อนุ กาฬ สรปะโยค” เช่นเดียวกัน
ซึ่งแม้ว่า “อนุ กาฬ สรปะโยค” หรือโยคร้ายเพียงบางส่วนนี้ ไม่ได้อยู่ในนิยามของ “กาฬ สรปะโยค”อย่างเต็มรูปแบบ แต่งานวิจัยล่าสุดของนักโหราศาสตร์แสดงให้เห็นว่า เจ้าชาตาก็จะยังได้รับผลกระทบผลร้ายของ กาฬ สรปะโยค เช่นเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะได้รับผลลดลงตามสัดส่วน
ผลร้ายของ“กาฬ สรปะ โทษ”
หากดวงชาตาใครมีโยคร้ายชนิดนี้ ก็จะเกิดปัญหาในทุกๆด้านของชีวิตของบุคคลนั้น ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่พระราหูหรือดาวเกตุทำหน้าที่เสวยอายุ(มหาทักษา)หรือแทรก(อนุทักษา) ตามหลักวิมโษตรีทักษา โยคร้ายนี้จะมีกำลังและแสดงผลให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเช่น บางคนอาจจะไม่ได้รับผลดีหรือผลประโยชน์ตามที่ต้องการ แม้ว่าจะมีความมุ่งมั่นและการทำงานอย่างหนัก และชีวิตจะต้องเผชิญกับความกลัวและความกังวลอย่างตลอดเวลา
บางคนไม่ได้รับผลตอบอย่างเต็มที่กับความสามารถและแรงที่ลงไป จะต้องดิ้นรนต่อสู้ การย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆไม่มีหลักแหล่ง เผชิญกับการสูญเสียแบบฉับพลัน ทั้งเงินและศักดิ์ศรี ป่วยเป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ ฐานะทางการเงินล้มเหลว ความสำเร็จและเป้าหมายต่างๆที่วางไว้จะล่าช้า
บางคนจะไม่ได้รับการยอมรับในสาขาอาชีพแม้ว่าตนเองจะมีความสามารถสูง มีความวิตกกังวลและความตึงเครียดอย่างไร้เหตุผล มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับสมาชิกในครอบครัว หรือกับญาติพี่น้อง บางคนอาจประสบกับความผิดหวังในความรัก การแต่งงานล่าช้า หรือ ประสบกับความวุ่นวายในชีวิตแต่งงาน ในขณะที่บางคนอาจจะรู้สึกว่ามีอุปสรรคอย่างมากในหน้าที่การงาน หรือบางคนอาจมีโรคร้ายแรง หรือโรคประจำตัว พิกลพิการ และ บางคนอาจจะไม่มีทายาทสืบสกุล
- งานของเจ้าชาตาจะล่าช้าและเจ้าชาตาจะติดนิสัยการผัดวันประกันพรุ่ง
- เจ้าชาตาจะกระวนกระวายใจอยู่เสมอ จิตใจไม่เป็นสุข
- เจ้าชาตาจะสูญเสียความมั่นใจ
- เจ้าชาตาจะมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง
- อุปสรรคในการทำงานอาชีพอาชีพหรือธุรกิจ
- ความกังวลและความวิตกกังวลที่ไม่สามารควบคุมได้
- ชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุข
- มีศัตรูอย่างลับๆ และการถูกหลอกลวง
- ขาดการร่วมมือจากครอบครัวและเพื่อน
เนื่องจากตำแหน่งของโยคนี้ในดวงชะตาอาจจะแตกต่างกัน ดังนั้นผลร้ายที่แสดงออกมาก็จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของพระราหู และ เกตุ และความเข้มแข็ง ความอ่อนแอของดาวแต่ละดวงและปัจจัยอื่น ๆ บางอย่างในดวงชะตา
ชนิดและผลของ กาฬ สรปะโยค ทั้ง 12 แบบ
(1)อนันต กาฬ สรปะ โยค : अनन्त कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหู สถิตย์อยู่ใน เรือนที่ 1 หรือ ลัคนา และ เกตุ จะอยู่ในเรือนที่ 7 โยคนี้ มีความผิดปกติที่เกี่ยวกับบุคลิกภาพ จะ ทำให้เป็นคนที่นิสัยหวาดระแวง ไม่รักความสะอาดก และจะมีนิสัยที่ไม่ดีอื่นๆที่สังคมรังเกียจ จะมีผลกระทบต่อชีวิตแต่งงาน จะไม่ได้รับการสนับสนุน จากผู้อื่นและเพื่อนร่วมงาน
(2)กุลิกะ กาฬ สรปะ โยค : कुलिक काल सर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ในเรือนที่ 2 กดุมภะ หรือเรือนการเงินดาวเกตุ จะอยู่ในเรือนที่ 8 โยคนี้จะให้ผลร้ายเกี่ยวกับการเงิน จะมี ทักษะในการสื่อสารที่ไม่ดีและการพูดตะกุกตะกัก มีศัตรู มีปัญหาด้านกฎหมาย คดีความ มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุและการผ่าตัด อาจเป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ มีการตายที่ผิดธรรมชาติ เช่น จาก พิษ อุบัติเหตุ งู กัด หรือ ฆ่าตัวตาย
(3)วาสุกรี กาฬ สรปะ โยค: वासुकि कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ พระราหู อยู่ในเรือนที่ 3 หรือเรือนที่ให้ความหมายถึง ความกล้า ความเพียรพยายาม และพี่น้องเพื่อนฝูง , และ เกตุ อยู่ใน เรือนที่ 9 เรือนที่ให้ความหมายถึง โชค ศาสนา ธรรมะ การประพฤติธรรม การทำบุญกุศล
ผลจะทำให้ เจ้าชาตาเป็นคนขี้ขลาดไม่มีความกล้าหาญ จะมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับพี่-น้อง เพื่อนฝูงและจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนๆ อับโชค จะเผชิญกับอุปสรรคหนักๆในชีวิต จะเปลี่ยนศาสนาเดิมที่ตสเองนับถือไปเป็น สาวกของลัทธิศาสนาที่เป็นมิจฉาทิฐิ หรือ กลายเป็นคนไร้ศาสนาหรือเป็นคนที่ไม่มีศีลธรรม
(4)ศังขปาล กาฬ สรปะ โยค: शंखपाल कालसर्प दोष โยคชนิดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ในเรือนที่ หรือเรือนพันธุ หมายถึง แม่ การศึกษา ความสุขและสุขภาพ ดาวเกตุอยู่ในเรือนที่ 10 หรือเรือน กรรมะ หมายถึงอาชีพ หน้าที่การงาน เกียรติยศ ฯลฯ
โยคนี้จะให้ผลกระทบต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์กับแม่ เจ้าชาตาจะมีโรคประจำตัว จิตใจไม่ปกติ มีความก้าวร้าวสูง การศึกษามีอุปสรรค ขาดทักษะในการการขับขี่ยวดยาน มีแนวโน้มที่จะเกิด โรคที่เกี่ยวข้องกับ หัวใจ หน้าอก และปอด เจ้าชาตาจะมีปัญหากับเจ้านายในที่ทำงาน และจะไม่เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ จะเดือดร้อนจากเพื่อนร่วมงาน และแม้จะมีผลงานแต่ก็จะไม่ได้รับการพิจารณาในตำแหน่งที่สูงขึ้น
(5)ปัทมา กาฬ สรปะ โยค: पद्म कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ในเรือนที่ 5 หรือเรือนที่หมายถึงการศึกษา การลงทุน และ บุตร และ เกตุจะอยู่ในเรือนที่ 11 หรือเรือนของรายได้ นี้จะให้เจ้าชาตาต้องมีอุปสรรคในการศึกษา จะเป็นคนเรียนอ่อน และสติปัญญาไม่ดี
และไม่มีโชคในการเสี่ยงโชค หรือ การลงทุน เจ้าชาตาจะมีปัญหาเรื่องความรักตลอดชีวิต
เจ้าชาตาที่เป็นหญิงจะมีปัญหาในการคลอดบุตร มีบุตรช้า และลูก ๆของเจ้าชาตาจะไม่กตัญญูไม่เคารพเชื่อฟังและจะทอดทิ้งเจ้าชาตาในภายหลัง
(6)มหาปัทมา กาฬ สรปะ โยค: महापद्म कालसर्प योग โยคนี้จะ เกิดขึ้นเมื่อ พระราหู อยู่ในเรือนที่ 6 หรือเรือนของศัตรู หนี้สินและโรค และ เกตุ จะอยู่ในเรือนที่ 12
โยคนี้จะทำให้ปัญหาเกิดจากคนใกล้ตัวเจ้าชาตาจะกลายเป็นศัตรูและจะไม่แสดงตนอย่างเปิดเผยแต่จะแอบทำร้ายเจ้าชาตาให้เกิดความเสียหายอย่างลับๆเจ้าชาตาจะมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคประจำตัว จะกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักควบคุมค่าใช้จ่าย มีหนี้สินล้นพ้นตัว และจะเก็บเงินไม่อยู่ ในกรณีที่เจ้าชาตาเป็นหญิง จะมีปัญหาด้านกฎหมาย คดีความ อาจจะถูกจับกุมคุมขัง และจะไม่มีความสุขในชีวิตสมรส
(7)ตักษกะ กาฬ สรปะ โยค: तक्षक कालसर्प โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ในเรือนที่ 7 หรือเรือนของการแต่งงานคู่ค้า ทางธุรกิจ ฯลฯ และ เกตุ จะอยู่ใน เรือนที่ ๑ หรือ ลัคนา ซึ่งหมายถึงตัวตน ดังนั้นโยคนี้จะทำให้เกิดปัญหาในการแต่งงานและการทำธุรกิจจะมีความล่าช้าในการแต่งงาน และจะไม่มีความสามัคคีในครอบครัว มีโอกาสของการหย่าร้าง สูง ขาดความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้เจ้าชาตาจะเป็นโรคปวดหัวข้างเดียว และ โรคความดันโลหิตสูง
(8)การโกฏะ กาฬ สรปะ โยค: कर्कोटक कालसर्प योग โยคชนิดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ในเรือนที่ 8 และ เกตุจะอยู่ในเรือนที่ 2 โยคนี้จะมีปัญหาสุขภาพรุนแรง มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและการผ่าตัดสูง และจะได้รับความทุกข์ทรมานจากศัตรูซึ่งจะพยายามที่จะสร้างความเสียหายให้กับเจ้าชาตาด้วยการใช้เวทมนตร์ คาถาและวิธีการอย่างลับๆ
เจ้าชาตาจะประสบปัญหาด้านการเงินทั้งๆที่มีรายได้เข้ามามากก็ตาม จะมีข้อบกพร่องด้านสายตา และจะมีปัญหาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
(9)ศังขะจูฑะ กาฬ สรปะ โยค: शंखचूड़ कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ใน เรือนที่ 9และเกตุจะอยู่ในเรือนที่ 3 จะเป็นคนที่ทุกข์ทรมานจากวิบากกรรมเก่า จะสูญเสียเงินในการพนัน จะขาดความสนใจในธรรมะและการประพฤติธรรม เจ้าชาตาจะเป็นคนขี้เหนียว จะไม่ให้ทาน หรือการบริจาคใด ๆ และจะต้องประสบโชคร้าย เจ้าชาตาจะไม่ได้รับผลใดใดในอาชีพแม้จะมีความมุ่งมั่น และการทำงานอย่างหนัก และจะไม่ได้รับผลตอบแทนอย่างเต็มที่ จะต้องต่อสู้ดิ้นรนตลอดชีวิต
(10)ฆาตกะ กาฬ สรปะ โยค: घातक कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่ในเรือนที่ 10 และ เกตุ จะอยู่ในเรือนที่ 4 คน จะเป็นคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากวิบากกรรมเก่า จะเป็นคนอับโชค ขาดการตัดสินใจที่ดีและขาดความสามารถในการเป็นผู้นำ ทำให้ขาดความมั่นคง ในการทำงาน มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆในด้านการทำงานและอาชีพ และ จะไม่ได้รับการยอมรับในด้านการทำงาน
เจ้าชาตาจะมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคซึมเศร้า โรคประสาท เป็นขโมย และอาจจะได้รับการลงโทษ ตามกฎหมาย
(11)วิษธร กาฬ สรปะ โยค: विषधर कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหู อยู่ในเรือนที่ 11 และ เกตุ จะอยู่เรือนที่ 5 คน จะเป็นคนที่เดินทางบ่อยและ ไม่เคยอยู่ในสถานที่ที่ใดนานๆ มีการโยกย้ายที่อยู่อาศัยบ่อย จะมีปัญหาในการสร้างความมั่นคง รายได้ไม่คงที่
พี่น้องของเจ้าชาตามักจะปฏิบัติต่อเจ้าชาตาเหมือนเป็นศัตรู และจะพยายามที่จะสร้างความเสียหายให้เจ้าชาตา แต่ปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงวัยเด็กถึงวัยกลางคนเท่านั้นและเจ้าชาตาจะได้รับความสงบสุขความสำเร็จในช่วงครึ่งหลังของชีวิตของเจ้าชาตา
(12)ศรีษะนาค กาฬ สรปะ โยค: शेषनाग कालसर्प योग โยคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระราหูอยู่เรือนที่ 12 และ เกตุ จะอยู่ในเรือนที่ 6
เจ้าชาตาจะเป็นคนที่มีนิสัยชอบกู้หนี้ยืมสิน และการใช้จ่ายมากกว่ารายได้ และ มีหนี้สินล้นพ้นตัว
จะมีสุขภาพที่ไม่ดีและต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้าย มีศัตรูที่จะพยายามสร้างความเสียหายให้ แต่ปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงวัยเด็กถึงวัยกลางคนเท่านั้นและเจ้าชาตาจะได้รับความสงบสุขความสำเร็จในช่วงครึ่งหลังของชีวิตของเจ้าชาตา
วิธีการแก้เคล็ด
มีวิธีการแก้ไขโทษนี้ให้กลับกลายเป็นดี ซึ่งมีหลายวิธีจากคัมภีร์ เช่น
1.โดยทั่วไปแล้ว เจ้าชาตาสามารถสวดมนต์มนต์บางบทเพื่อต่อต้านอิทธิพลเชิงลบของ "กาลสรปะโทษในดวงชาตา" ซึ่งมนต์เหล่านี้คือ
Shree Sarp Sukt, Sarp Mantra, Vishnu Panchakshari Mantra และ Maha Mrityunjay Mantra หรือ วาสุกรี กายันติ มันตรา
2.เจ้าชาตาไม่ควรทำร้ายหรือฆ่างูและสัตว์เลื้อยคลานใด ๆ ฯลฯ เพราะจะยิ่งทำให้กาล"สรปะโทษในดวงชาตา" ส่งผลรุนแรงมากขึ้น
3.เจ้าชาตาสามารถสวมเครื่องประดับหรืออัญมณี นั่นก็คือ พลอยไพฑูรย์ หรือ หินตาแมว (Cat's eye) เพื่อกำจัดอิทธิพลร้ายจาก "กาล สรปะโทษ" แต่อย่างไรก็ตามเจ้าชาตาควรปรึกษานักโหราศาสตร์ที่มีความรู้เรื่องหินและอัญมณีก่อนที่จะสวมใส่
4.เจ้าชาตาควรจะทำพิธีถวายเครื่องเซ่น หรือทำบุญอุทิศกุศลให้กับบรรพบุรุษของคุณและอธิษฐานให้ท่านช่วยคุ้มครองให้รอดพ้นจากภัยของ"กาล สรปะโทษ" และ รอดพ้นจาก "ปิตรุโทษ(บรรพบุรุษให้โทษ)" ซึ่งหากในดวงชาตามี"ปิตรุโทษ(บรรพบุรุษให้โทษ)" ด้วยก็อาจทำให้ผลของ "กาล สรปะโทษ" รุนแรงมากขึ้น
5.การทำกุศล และบริจาคทานหรือทำความดีอื่นๆ จะสามารถช่วยเจ้าชาตาให้รอดพ้นจากภัยของ"กาล สรปะโทษ"ได้มากยิ่งขึ้น