ตำราพรหมชาติ
ตำรับบาทศาสตร์
ตำราพรหมชาติฉบับสมบูรณ์
โดย สำนักพิมพ์อำนาจสาส์น
สิทธิการิยะฯ โหราจารย์ ท่านพรรณนาไว้ อันคัมภีร์บาทศาสตร์นี้ มีมาแต่โบราณกาลแล้วแล แต่วิชาแขนงนี้ จัดเป็นศาสตร์หนึ่งในหลาย ๆ แขนงของวิชาโหราศาสตร์ เป็นสาขาเดียวกับวิชานรลักษณ์ศาสตร์ ย่อยลงไปว่าด้วยหัตถศาสตร์ บาทศาสตร์
บัดนี้ จักพรรณนาว่า ด้วยการทำนายลักษณะเท้าหรือวิชาว่าด้วยบาทศาสตร์ โดยจะขอกล่าวที่มาเบื้องแรกก่อน ดังต่อไปนี้
อดีตกาลนานมาแล้ว ณ แคว้นกุรุ ใกล้เคียงกับแคว้นโกสัมพี ในชมพูทวีป (ประเทศอินเดีย) โพ้น ยังมีภรรยา สามี ซึ่งเป็นวรรณะพราหมณ์คู่หนึ่ง ฝ่ายสามีชื่อว่า โลภะพราหมณ์ ส่วนภรรยา ชื่อว่า โมหะพราหมณี เป็นสกุลมหาเศรษฐี มีทรัพย์มาก ครอบครัวนี้มีบริวารมากมาย มีลูกสาวรวยเสน่ห์เป็นที่หลงใหลของชายหนุ่มทั่ว ๆ ไป นางมีนามว่า “มาคันทิยา”
เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาว หนุ่มวรรณะพราหมณ์แคว้นต่าง ๆ มาสู่ขอกันเป็นจำนวนมาก แต่โลภะพราหมณ์ผู้เป็นพ่อปฏิเสธเพียงคำเดียวว่า “ไม่” ไม่มีชายใดในปฐพีมีความเหมาะสมกับลูกสาวคนสวยของตนแม้แต่คนเดียว เป็นอย่างนี้ตลอดมานับเป็นเวลาหลาย ๆ ปี กระทั่งลูกสาวเจริญย่างเจ้าวัยเบญจเพสคืออายุ 25 ปี
อันนางโมหะพราหมณี ผู้เป็นมารดา มีความรู้ทางศาสตร์ต่าง ๆ สามารถรู้ลักษณะมนุษย์ทั่วไป ว่าผู้ใดลักษณะดี – ชั่ว ยิ่งไปกว่านั้น นางพราหมณีผู้นี้ยังสามารถทำนายได้แม้เพียงได้เห็นรอยมือ รอยเท้าของคนและสัตว์ที่จับหรือเหยียบไว้ในที่ใด ๆ ว่าบุคคลนั้นจะต้องมีลักษณะนั้นลักษณะนี้ ดีหรือชั่ว ฉลาดหรือโง่เขลา มีเงินหรือยากจน วรรณะ พราหมณ์ หรือวรรณะอื่นมีความรู้หรือว่าไม่มีการศึกษาเลย ด้วยเหตุนี้แล นางพราหมณีจึงเลือกชายที่จะมาเป็นว่าที่ลูกเขยของนางว่า ชายใดจะเหมาะสมกับนาคันทิยาธิดาสาวสวย ของนางหรือไม่เพียงใด แต่แล้วปรากฏว่าชายวรรณะพราหมณ์ก็ดี วรรณะกษัตริย์ก็ดี มาสู่ขอนับจำนวนเป็นพัน ๆ ราย ไม่มีชายใดถูกอกถูกใจนางเลยแต่คนเดียว ลูกสาวนางจึงอ้างว้าง ค้างเติ่งครองตัวเป็นสาวนอนหนาวมาหลายเหมันตฤดู
อยู่มากาลวันหนึ่ง พระพุทธเจ้าจอมศาสดาเอกของโลกทรงทราบโดยพิจารณาญาณว่า มาคันทิยา เกิดมามีกรรม สมควรจะไปเทศนาโปรดให้มีดวงตาเห็นธรรม พระองค์จึงเสด็จไปยังกุรุประเทศเขตใกล้บ้านของพราหมณ์ดังกล่าว แทนทีจะเสด็จประทับในละแวกบ้านนั้น พระพุทธองค์กลับเสด็จผ่านไปประทับพักพระอิริยาบถอยู่ภายใต้ต้นไม้อัชชปาลนิโครธ ห่างออกไปจากหมู่บ้านเพียงเล็กน้อย
พอดีกับเวลาที่โลภะพราหมณ์ เดินผ่านมาเห็นหลังพระพุทธองค์ เพียงแวบเดีว แต่พบรอยพระบาท (รอยเท้า) ที่เสด็จเหยียบผ่านไป โลภะพราหมณ์ดีใจถึงกับตะโกนด้วยความตื่นเต้นวา “เหมาะกันมาก ๆ ชายคนนี้ช่างเหมาะสมกับลูกสาวเรามากทีเดียว แม่พราหมณีเอ๋ย รีบมา ๆ เราไปดูชายคนนั้นกันเดี๋ยวนี้เถอะ”
ว่าแล้วไม่รอช้า รีบคว้ามือนางพราหมณีภรรยาออกวิ่งบ้างเดินบ้าง ตามรอยพระบาทเท้าของพระพุทธเจ้าไป จนกระทั่งเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก ก็ไม่สามารถตามเห็นองค์พระพุทธเจา คงพบแต่รอยเท้าอย่างเดียวเท่านั้น สองสามีภรรยาพราหมณีกับพราหมณ์จึงนั่งพักเหนื่อยเอาแรง
ฝ่ายพราหมณ์ผู้สามีเอ่ยขึ้นว่า
“แม่นางพราหมณีเมียข้า รอยเท้าบุคคลนี้ เหมาะที่จะเป็นลูกเขยเรามากจริง ๆ ลูกสาวเราก็สวย แถมยังมีพ่อแม่รวยทรัพย์ กับข้าทาสบริวารก็มากโข หาไดชายผู้เป็นเจ้าของรอยเท้านี้มาเป็นผัวลูกสาวเรา ก็สมกันอย่างกะกิ่งทองใบหยกทีเดียวละ....จริงไหม”
ส่วนนางพราหมณี พอสามีเอ่ยถามดังนั้น นางจึงพิจารณาดูรอยเท้าที่สามีชี้ให้ดูนั้น อย่างพินิจพิเคราะห์
แล้วใช้วิชาว่าด้วยการดูลักษณะเท้าคนประกอบ ตอบสามีของนางไป ทันใดว่า
“อะไรกัน รอยเท้าบุคคลนี้ นับเป็นเลิศในธรณี ไม่มีชายใดเปรียบปานได้เลย ก็แล
ยังเป็นรอยเท้าของคนที่หมดกิเลส ปฏิเสธการครองเรือนแล้วด้วย.....”
“แม่นางว่ากระไร ข้ายังฟังไม่ถนัดนัก...” พราหมณ์ผู้สามีเอ่ยถาม
“พ่อพราหมณ์เอ๋ย รอยเท้าที่เราพบเห็นนี้ บริสุทธิ์ด้วยประการทั้งปวง ไม่เข้าห่วง กามคุณดังที่เราร่ำเรียนมาเลยแม้แต่น้อย กล่าวคือ
(...รอยเท้ากระโหย่ง (เว้ากลาง) เป็นรอยเท้าของคนเจ้าราคะ...
รอยเท้ามีส้นบีบ (หนักส้น) เป็นรอยเท้าของคนเจ้าโทสะ....
และรอยเท้ามีปลายจิกลง (หนักปลายนิ้ว) เป็นรอยเท้าของคนเข้าโมหะ....
ส่วนรอยเท้าราบเรียบเสมอกันอย่างนี้ เป็นรอยเท้าท่านผู้หมดกิเลสแล้ว....
ด้วยประการฉะนี้ เราอย่าหวังอะไรให้มากไปกว่านี้อีกเลย พ่อพราหมณ์เอ๋ย....”
ฝ่ายโลภะพราหมณ์ เห็นภรรยากล่าวเช่นนั้น ชักไม่พอใจ จะทำไมหรือผู้ชายในโลก พบสาวสวย ๆ รวยเสน่หา เยี่ยงมาคันธิดาสาวของเรา จะปฏิเสธได้ลงคือ จึงเอ่ยว่า
“นี่แม่นางพราหมณ์ตัวดี เจ้าอย่าทำตนเหมือนคนเห็นจระเข้ในตุ่มน้ำ หรือเห็นวานรได้แก้ว ไปหน่อยเลย มา...มา...มา... เรากลับไปนำเอามาคันทิยาลูกสาวเราไปด้วยกัน พบชายเจ้าของเท้าแล้ว เราจะได้รู้กัน”
โลภะพราหมณ์กบโมหะพราหมณีได้พามาคันทิยาลูกสาวคนงามตามดูเจ้าของรอยเท้าดังกล่าว
ในทันใดนั้นด้วย
พอเดินไปสักครู่หนึ่ง ก็พบพระพุทธเจ้าจอมศาสดาเอกของโลกประทับนั่งสมาธิภายใต้ร่มไม้อัชชปาลนิโคธอย่างสงบเสงี่ยมน่าเลื่อมใสยิ่งนัก
“โอ้ ท่านชายหนุ่มรูปงาม ท่านมีนามว่ากระไรมาจากไหน ถึงไม่มีที่พำนักพักพิงก็ไม่เป็นไร เชิญไปเป็นลูกเขตของเรา เรามีทุกสิ่งทุกอย่าง ลูกสาวเราก็สวย เราเองก็ร่ำรวย มาหาศาล มา...มาเถิด...มาเป็นสามีของมาคันทิยาลูกสาวเราเถิด
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ทรงปรารถนาจะโปรดเวไนยสัตว์เยังมีจิตติดข้องอยู่ในโลกนี้ จึงทรงเผยแย้มพระโอษฐ์โปรดวาจาว่า
“ดูก่อน พราหมณ์ และพราหมณี เรานี้ละแล้วซึ่งกิเลสาวะทั้งปง นับตั้งแต่เราชนะมารผจญที่ภายใต้ร่มโพธิพฤกษ์โน้น เราจึงมองเห็นธิดาสาวของท่านเสมือนคนที่เต็มไปด้วยมูตร คูถ กรีส หาความสวยงามใด ๆ ไม่มีเลย”
พราหมณ์และพราหมณี 2 สามีภรรยา ได้ฟังเพียงเท่านั้นถึงกับได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นความจริง แต่ยังเป็นขั้นต่ำเพราะทั้ง 2 คนมีกิเลสหนามาก ถึงกระนั้นก็ยังเลื่อมใส พระพุทธองค์ แล้วถวายคารวะกลับ
ตามที่กล่าวมานี้ เป็นเค้าเรื่องที่ชี้ให้เห็นว่า วิชาว่าด้วยการดูลักษณะรอยเท้า หรือเรียกในที่นี้ว่า “บาทศาสตร์”
ได้มีศึกษาเล่าเรียนกันแล้ว แต่สมัยพุทธกาลโน้นและยังคงรักษาจดจำสืบ ๆ ต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้แลฯ
ต่อไปนี้ จะนำเอาหลักเกณฑ์การทำนายลักษณ์รอยเท้าของบุคคลทั้งชายหรือหญิงมากล่าวเพื่อเป็นหลักการใช้สำหรับนำไปทำนายสืบไป
วิธีการทำนายลักษณะรอยเท้าคน
โอม? สรรพสิทธิมหาสิทธิ ?? สิทธิการิยะ ?? นับบาทศาสตร์เกจิอาจารย์ท่านกล่าวสอนสืบต่อกันมาว่า
อันว่า “เท้า” หมายถึง “ฐานะ” ของคนและสัตว์ทั้งปวง การทรงตัว การเคลื่อนไหว ไป ๆ มา ๆ ย่อมขึ้นอยู่ที่เท้าเป็นสำคัญ
1. ชายหญิงใด มีเท้าเล็ก ผู้นั้นเป็นคนผู้ดีมีบุญวาสนา มักอยู่เย็นเป็นสุข สบายนักแล
2. ชายหญิงใด มีเท้าใหญ่ ผู้นั้นเป็นคนต้องทำงานหนัก มักง่ายใจร้อน มักเป็นทุกข์กายและใจ
3. ชายหญิงใด มีเท้าส่วนส่วน ไม่เล็กไม่ใหญ่ ผู้นั้นเป็นคนมีอำนาจ เกียรติยศชื่อเสียง
4. ชายหญิงใด มีเท้ากลมคล้ายกับบวม ผู้นั้นเป็นนักบวชดี จะมีเกียรติยศ ชื่อเสียง
5. ผู้ใด มีฝ่าเท้ากระโหย่ง อุ้มฝ่าเท้ากระโหย่ง ท่านว่าผู้นั้นเป็นนักบวชดี จะมีเกียรติยศ ชื่อเสียง
6. ผู้ใด มีฝ่าเท้าตรงปลายส้นหนา เวลาเดินมักเอาส้นเท้าลงก่อน และชอบเดินดัง ท่านว่า ผู้นั้นเป็นคนเจ้าโทสะ โกรธง่าย ใจน้อย ไม่สู้จะมีเหตุผล เป็นคนมักมากในกามคุณด้วย
7. ผู้ใด มีฝ่าเท้าหนา หยาบกร้านทั่วทั้งฝ่าเท้า ท่านว่าผู้นั้นเป็นมักตกทุกข์ได้ยาก ลำบากกาย ต้องทำงานหนัก หาความสบายมิค่อยได้เลย
8. ผู้ใด มีฝ่าเท้าอ่อนนุ่มตลอด และฝ่าเท้าไม่หนานักไม่บางเกินไปท่านว่า ผู้นั้นมักเป็นคนหลง ๆ ลืม ๆ มีทิฐิมานะ เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ไม่มีเหตุผล ทำงานไม่เป็นระเบียบเลย
9. ผู้ใด มีฝ่าเท้าตรงปลายนิ้วจิกลง ปลายนิ้วแต่ละนิ้วหนาบิดไปทางข้างท่านว่า ผู้นั้นมักเป็นคนหลง ๆ ลืม ๆ มีทิฐิมานะ เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ไม่มีเหตุผล ทำงานไม่เป็น ระเบียบเลย
10. ผู้ใด มีฝ่าเท้า หนาและหยาบมาก มีรอยแตกทั่วฝ่าเท้า ท่านว่า ผู้นั้นจะตกทุกข์ได้ยากในการทำมาหาเลี้ยงชีพตัวเอง เกิดที่นี่มักไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่อื่น
11. ผู้ใด มีฝ่าเท้าราบเรียบเป็นแผ่นคล้ายตีนเป็ดท่านว่า ผู้นั้นเป็นคนพูดน้อย มักเก็บความรู้สึกไว้ในใจนาน หากเกิดน้อยใจมาก ๆ มักระบายออกมารุนแรง
12. ผู้ใด มีฝ่าเท้าคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส ท่านว่า ผู้นั้นเป็นคนเจ้าอารมณ์ทำงานดีแต่มิสู้จะเรียบร้อย อาสาเจ้านายดี รักอาภัพคู่ครองแล
13. ผู้ใด มีฝ่าเท้าคล้ายสี่เหลี่ยมผืนว่า ท่านว่า ผู้นั้นเป็นคนมีบุญวาสนา ชะตาสูงส่ง จะได้เป็นใหญ่เป็นโต สูงด้วยยศ มากด้วยทรัพย์สินเงินทอง
14. ผู้ใด มีฝ่าเท้า สี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ปลายเท้ามีนิ้วแบบบานปลายออกไปมาก ท่านว่า ผู้นั้นเป็นคนมีเสน่ห์ดีกับเพศตรงข้าม จะมีคู่ครองหลายคนมักไม่ได้เลี้ยงดูกัน
15. ผู้ใด มีฝ่าเท้า คล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ส้นเท้าหนา ปลายนิ้วเท้าจิกลง ท่านว่าผู้นั้นมีความรู้สึกทางเพศรุนแรง มักมากในกามารมณ์ มักประพฤติผิดศีลธรรมทางประเวณี
กับลูกผัว - เมียคนอื่น
16. ผู้ใด มีฝ่าเท้าตรงเส้นเท้ากว้ากว่าปลายนิ้วเทา ท่านว่า ผู้นั้นเป็นคนอาภัพญาติมิตร มักโลภมากอยากได้ของคนอื่นในทางผิดศีลธรรม
17. ผู้ใดมีนิ้วเท้ายาวลดหลั่นกันเพียงเล็กน้อย ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีสติปัญญาดี มักเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตเป็นที่ปรึกษาของคนอื่นทั่วไป
18. ผู้ใดมีนิ้วเท้า ยาวสม่ำเสมอกัน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีบุญวาสนามักมั่งมีศรีสุข เป็นชายจะมีภรรยาดี เป็นหญิงจะมีสามีมีอำนาจวาสนาสูง เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป
19. ผู้ใดมีนิ้วเท้า ยาว – สั้นสลับกัน มองดูจนน่าเกลียด ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนอาภัพ ทำมาหากินมักไม่พอเลี้ยงตัว อาสาคนอื่นดี เป็นคนรับใช้เขาดี ทำงานของตัวเองไม่ก้าวหน้า
20. ผู้ใดมีนิ้วเท้า หัวแม่เทาสันกว่านิ้วเท้าชี้เพียงเล็กน้อย นิ้วนอกนั้นยาวสั้นลดหลั่นกันพองาม ท่านว่าผู้นั้นมีสติปัญญาปานกลาง มักทำราชการงานหลวงดีมีความคิดริเริ่มในการงาน
อาสาเจ้านายดี
21. ผู้ใดมีนิ้วหัวแม่เท้าตรงปลายโตมาก และบิดออกไปข้าง ๆ มาก และนิ้วก้อยบิดออกไปข้างนอกมากเช่นกัน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนอาภัพมักต้องตกระกำลำบาก
ทำงานพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หาเก็บหอมรอมริบจริง ๆ ยากมากต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ
22. ผู้ใดมีนิ้วเท้า ตรงปลายบิดเข้าหากันจนงุ้มทั้ง 5นิ้ว ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีจิตใจอกุศล มักอาภัพ ชอบหากินในทางทุจริต ผิดศีลธรรม ขี้โรค มีพยาธิเบียดเบียนเสมอ หาความสุขได้ยาก
23. ผู้ใด มีฝ่าเท้า นุ่ม พื้นฝ่าเท้ามีเส้นละเอียด ชัดเจนดี ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีทรัพย์ก่อนตนเกิด จะได้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ จะได้คู่ที่ดีมีวาสนาสูงส่ง
24. ผู้ใด มีฝ่าเท้า ละเอียด อมเลือดอมฝาดตลอดเวลา มีเส้นละเอียดดุจใยบัว กลางฝ่าเท้า ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีอำนาจวาสนา มีบุญกุศล เป็นนักบวชที่ดี จะมีศิษยานุศิษย์มาก
เป็นฆราวาสมักอาภัพอับโชค
25. ผู้ใด มีฝ่าเท้า เสมอกัน ไม่เว้าไม่แหว่ง มีเส้นขอดเป็นก้นหอยทั่วไป ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีสติปัญญาดีมาก มีปฏิภาณไหวพริบเท่าทันคน ทำอะไรมักเป็นเจ้าคนนายคน มีบริวารมาก ดีนักแล
26. ผู้ใด มีฝ่าเท้า หยาบ มีเส้นบนฝ่าเท้าลึกตรง ไม่ขาดวิ่น ท่านว่าผู้นั้นเป็นนักบริหารธุรกิจที่ดีเลิศ มักเดินทางไปต่างแดนเสมอ ๆ จะมีลาภยศกับชาวต่างชาติต่างภาษา
27. ผู้ใด มีฝ่าเท้า ยาบมีเส้นลึกสั้น ขาดเป็นช่วง ๆ ท่านว่าผู้นั้นมักมีโชคชะตาขึ้น ๆ ลง ๆ ใจร้อนรน ทำงานรวดเร็ว ชอบทดลอง เอาแต่ใจตนเอง แต่มีความรับผิดชอบดี
28. ผู้ใด มีฝ่าเท้าข้างหนึ่งเล็ก ข้างหนึ่งใหญ่ไม่เสมอกัน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีจิตใจกล้าบ้าบิ่นขวานผ่าซาก ใจนักเลง ไม่ค่อยมีความเห็นลงรอยกับใครง่าย ๆ
29. ผู้ใด มีฝ่าเท้าราบหรือเว้าเพียงเล็กน้อย มีเส้นลายคล้ายรูปสิงสาราสัตว์บนฝ่าเท้านั้น ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีอำนาจ มีข้าทาสบริวารมาก
30. ผู้ใด มีฝ่าเท้า คล้ายดอกบัว หรือกงจักร ท่านว่าผู้นั้นจะได้เป็นใหญ่ มีวาสนา ทำราชการมักก้าวหน้ากว่าเพื่อนฝูง ไปสารทิศใด ๆ มักมีคนชื่นชมให้เกียรติสรรเสริญ
31. ผู้ใด มีฝ่าเท้า ป้อม ๆ เส้นลายมากมายตัดกันพัลวัน ท่านว่าผู้นั้นมักเป็นโรคจิต ประสาทพิการ เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง อายุยืน และมักได้รับทรมาน
32. ผู้ใด มีฝ่าเท้าปลายเรียวเล็ก กลางแบนออก ส้นเท้าเรียวแหลม ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนทำงานได้หลายอย่าง เจ้าความคิดแต่มักมากในเรื่องเพศกิเลสหนาราคะจัดมาก
33. ผู้ใด ส้นเท้าทู่พื้นหยาบกระด้าง ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนอาภัพอับโชค ไม่สู้จะมีวาสนากับเขา ต้องทำงานหนัก ใจคอมักคับแค้น ทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา
34. ผู้ใดมีนิ้ว ก้อยเท้าบิดไปข้างนอกมาก ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนใจคอรวนเร มักนอกใจคนรัก หรือมักหลงคู่ครองสามีภรรยาคนอื่น มักชอบเล่นชู้กับสามี - ภรรยาท่านแล
35. ผู้ใดมีนิ้วหัวแม่เท้าเก ปลายโตและบิดออกไปข้าง ๆ มาก ท่านว่าผู้นั้นมักชอบอาสาคนอื่นดี แต่การงานตนเกียจคร้าน ต้องทำงานหนักลำบากกายในเรื่องหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
ชอบให้คนยกยอปอปั้น
36. ผู้ใดมีอุ้มเท้ากระโหย่งมากจนส้นเท้ากับปลายส้นเท้างุ้ม ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนตกระกำลำบาก ยากไรที่พึงพำนักพักพิง หาเลี้ยงชีพด้วยความยากแค้นแสนทรมาน จะอาภัพคู่ครอง
สูญเสียของรักของชอบใย
37. ผู้ใดมีฝ่าเท้า มีลายเส้นขมวดตรงกลางฝ่าเท้า หรือตรงส้นเท้าและเห็นได้ชัดเจนดี ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีบุญ จะเป็นที่รักใคร่พอใจของเพศตรงข้ามและผู้ใหญ่ทั่วไป
มักจะมีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชู สบายดี
38. ผู้ใด มีฝ่าเท้ามีเส้นลวดลายคล้ายดวงดาวหรือเต่า ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนอารมณ์ดี มีวาทศิลป์ในการติดต่อ มักได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลทุกวงการ ทำงานอะไรก็ก้าวหน้า
มีเกียรติยศชื่อเสียง
39. ผู้ใดเวลายืนมักเอียงฝ่าเท้าเข้า ถ้าเป็นฝ่าเท้าซ้าย ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ต้องตาถูกใจต่างเพศมาก
40. ผู้ใด เวลายืนมักเอียงฝ่าเท้าเข้า ถ้าเป็นฝ่าเท้าขวา ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนเจ้าทุกข์ มีอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เสมอ คิดประสงค์อะไรมักไม่สู้ปลอดโปร่งใจนัก
41. ผู้ใด เวลาเดินมักเอาส้นเท้าลงก่อน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เจ้าอารมณ์มาก ใจรอน ทำอะไรมักไม่ค่อยเรียบร้อยนัก
42. ผู้ใด เวลาเดินมักเอาปลายเท้าลงก่อน คล้ายกับเดินเขย่ง ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนใจง่าย เชื่อคนง่ายไม่สู้จะมีเหตุผล มักถูกคนอื่นหลอกลวงให้หลงผิด เสียทรัพย์สินเงินทอง
โดยเปล่าประโยชน์
43. ผู้ใด เวลาเดิน ลงฝ่าเท้าค่อนข้างพร้อม ๆ กัน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนใจบุญสุนทาน มักชอบทำงานเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน มักมีอายุยืน ไร้โรคาพยาธิ
44. ผู้ใด เวลาเดิน คล้ายเอาฝ่าเท้าไพล่ออกไปข้าง ๆ คือเดินคล้ายคนตีนเป็ด ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีอารมณ์ลึก ขบขันยาก เก็บความรู้สึกไว้นาน ๆ ชอบตรงไปตรงมา
ไม่โกรธใครก่อนง่าย ๆ เมื่อไม่พอใจใครมักจำไว้นาน ๆ ทีเดียว
45. ผู้ใด เวลาเดิน มักขาโกงออกที่ตรงหัวเข่า ฝ่าเท้าหุบเข้า หรือที่เรียกว่า เดินแบบคนขาโขงขาโกง ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนอาภัพคู่ครอง มีเสน่ห์ในตัวเอง ทำให้ต่างเพศหลงใหลมาก
แต่อยู่ด้วยกันไม่ยืดเลย
46. ผู้ใด เวลาเดิน คล้ายกับเดินลากส้นเท้า ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนใจลอย มักเกียจคร้าน ทำงานเอาแต่เล่น นิสัยมักง่าย ชอบเอาใจคนต่างเพศ
47. ผู้ใด เวลาเดิน ฝ่าเท้าจะป่ายปลายเท้าออกข้าง ๆ ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนเจ้ามดหมอความ มักมีเรื่องเดือดร้อนใจตัวเองเสมอ ๆ ไม่สู้จะถูกกับเพื่อนบ้านเรือนเคียง หาเลี้ยงชีพด้วย
ความคับแค้นใจ
48. ผู้ใด เวลาเดิน เอาเท้าขวาออกก่อน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีบุญ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด รู้เท่าทันคนอื่น ทำกิจการใด ๆ มักก้าวหน้า
49. ผู้ใด เวลาเดินเอาเท้าซ้ายออกก่อน ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนจับจดไม่รักการรักงาน มักชอบทำงานเอาหนา ให้เจ้านายเห็นหนา หรือเข้าไปเสนอหนาสักหน่อยเป็นดี
50. ผู้ใด มีเท้าบาง พื้นฝ่าเท้าราบเรียบ บนฝ่าเท้ามีเส้นละเอียด มีเส้นขมวดก้นหอยมากแห่ง เส้นลึกแลเห็นชัดเจนดี ท่านว่าผู้นั้นเป็นคนมีบุญญาธิการ มีอิทธิปาฏิหาริย์ในตัวเอง
มีข้าทาสบริวารมาก มีอำนาจผู้คนยำเกรงทั่วไป จะสุขกายสบายใจ เป็นที่พึ่งของคนทั่วไปดีนักแลฯ
จบลักษณะบาทศาสตร์เพียงเท่านี้