Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***


การแสดงอาบัติ

๑. ผู้ต้องอาบัติ ปาราชิก ควรปฏิญญา (รับความจริง) แล้วลาสิกขาไปเสีย

๒. ผู้ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส ต้องประพฤติวุฏฐานวิธี ตั้งแต่ต้นจนถึงอัพภาน

อาบัติ นอกจากนี้ เป็นลหุกาบัติ คืออาบัติเบา ซึ่งผู้ต้องลหุกาบัติต้องเปิดเผยโทษของตนแก่ภิกษุอื่นทันทีที่ระลึกได้ เมื่อโอกาสอำนวย( ไม่ต้องรอถึง วันอุโบสถ)

๓. ต้องอาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ให้สละสิ่งของอันเป็นเหตุให้ต้องอาบัตินั้นก่อน

คำแสดงอาบัติ

ภิกษุ ผู้ต้องอาบัติมา พึงเปิดเผยกับภิกษุที่ตนปลงอาบัติว่าตนเองไปต้องอาบัติอะไรมาเป็นภาษาไทย ก่อนให้รู้เรื่อง แล้วจึงแสดงเป็นบาลีทีหลัง

สำหรับผู้มีพรรษาอ่อนกว่า

ผู้แสดง ๐ สัพพาตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (๓ หน)

ขอแจ้งให้ทราบว่า ข้าพเจ้าต้องอาบัติหลายตัว.

สัพพา(คะรุ)ละหุกา อาปัตติโย อาโรเจมิ (๓ หน)

อาบัติเหล่านั้น เป็นอาบัติ(หนัก)เบา หลายตัว.

อะหัง ภันเต สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย อาปัตติโย อาปัชชิงตา ตุม๎หะ มูเลปะฏิเทเสมิ,

ข้าพเจ้าต้องอาบัติหลายตัว ต่างวัตถุกัน  ข้าพเจ้าขอแสดงอาบัตินั้น.

ผู้รับ ๐ ปัสสะสิ อาวุโส ตา อาปัตติโย, เธอเห็น (อาบัตินั้น) หรือ ?

ผู้แสดง ๐ อุกาสะ อามะ ภันเต ปัสสามิ, ใช่! ข้าพเจ้าเห็น.

ผู้รับ ๐ อายะติง อาวุโส สังวะเรยยาสิ, เธอพึงสำรวมระวังต่อไป.

ผู้แสดง ๐ สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ, ดีแล้วท่าน! ข้าพเจ้าจะสำรวมไว้ด้วยดี.

ทุติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ, แม้วาระที่สองดีแล้วท่าน! ข้าพเจ้าจะสำรวมไว้ด้วยดี.

ตะติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ, แม้วาระที่สามดีแล้วท่าน! ข้าพเจ้าจะสำรวมไว้ด้วยดี.

ผู้แสดง ๐ นะปุเนวัง กะริสสามิ, นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจักสำรวมกายไว้ด้วยดี.

ผู้รับ ๐ สาธุ ดีแล้ว

ผู้แสดง ๐ นะปุเนวัง ภาสิสสามิ, นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจักสำรวมวาจาไว้ด้วยดี.

ผู้รับ ๐ สาธุ ดีแล้ว

ผู้แสดง ๐ นะปุเนวัง จินตะยิสสามิ. นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจักสำรวมใจไว้ด้วยดี.

ผู้รับ ๐ สาธุ ดีแล้ว

สำหรับผู้มีพรรษาแก่กว่า

ผู้แสดง ๐ สัพพาตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)

ขอแจ้งให้ทราบว่า ข้าพเจ้าต้องอาบัติหลายตัว.

สัพพา(คะรุ)ละหุกา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)

อาบัติเหล่านั้น เป็นอาบัติ(หนัก)เบา หลายตัว.

อะหัง อาวุโส สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย

อาปัตติโย อาปัชชิงตา ตุย๎หะ มูเลปะฏิเทเสมิ,

ข้าพเจ้าต้องอาบัติหลายตัว ต่างวัตถุกัน, ข้าพเจ้าขอแสดงอาบัตินั้น.

ผู้รับ ๐ อุกาสะ ปัสสะถะ ภันเต ตา อาปัตติโย เธอเห็น(อาบัตินั้น)หรือ ?

ผู้แสดง ๐ อามะ อาวุโส ปัสสามิ, ใช่! ข้าพเจ้าเห็น.

ผู้รับ ๐ อายะติง ภันเต สังวะเรยยาถะ, เธอพึงสำรวมระวังต่อไป.

ผู้แสดง ๐ สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ, ดีแล้วท่าน! ข้าพเจ้าจะสำรวมไว้ด้วยดี.

ทุติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ, แม้วาระที่สองดีแล้วท่าน! ข้าพเจ้าจะสำรวมไว้ด้วยดี.

ตะติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ, แม้วาระที่สามดีแล้วท่าน! ข้าพเจ้าจะสำรวมไว้ด้วยดี.

ผู้แสดง ๐ นะปุเนวัง กะริสสามิ, นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจักสำรวมกายไว้ด้วยดี.

ผู้รับ ๐ สาธุ ดีแล้ว

ผู้แสดง ๐ นะปุเนวัง ภาสิสสามิ, นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจักสำรวมวาจาไว้ด้วยดี.

ผู้รับ ๐ สาธุ ดีแล้ว

ผู้แสดง ๐ นะปุเนวัง จินตะยิสสามิ. นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจักสำรวมใจไว้ด้วยดี.

ผู้รับ ๐ สาธุ ดีแล้ว

สภาคาบัติ

สภาคาบัติ แปลว่า อาบัติที่มีวัตถุเสมอกัน เช่น ภิกษุ ๒ รูป ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะฉันอาหารในเวลาวิกาลเหมือนกัน อาบัติที่ภิกษุต้องเพราะความผิดเดียวกันอย่างนี้ เรียกว่า สภาคาบัติ

ภิกษุที่ต้องสภาคาบัติ ไม่พึงแสดงและรับการแสดงอาบัติกันและกัน มิฉะนั้นจะต้องอาบัติทุกกฏทั้งผู้แสดงและผู้รับ

ใน กรณีที่สงฆ์ในอาวาสนั้นต้องสภาคาบัติทั้งหมด ภิกษุเหล่านั้นพึงส่งภิกษุรูปหนึ่งไปยังอาวาสใกล้เคียง เพื่อทำคืนอาบัติ เมื่อภิกษุนั้นกลับมาแล้ว จึงให้ภิกษุที่เหลือทั้งหมดทำคืนอาบัติกับภิกษุนั้น ถ้าได้อย่างนี้ก็เป็นการดี ถ้าไม่ได้ ภิกษุผู้ฉลาดพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรม ดังนี้

คำประกาศสภาคาบัติ

สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ, อะยัง สัพโพ สังโฆ สะภาคัง อาปัตติง อาปันโน, ยะทา อัญญัง ภิกขุง สุทธัง อะนาปัตติกัง ปัสสิสสะติ, ตะทา ตัสสะ สันติเก ตัง อาปัตติง ปะฏิกกะริสสะติ.

ท่าน เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์ทั้งปวงนี้ต้องสภาคาบัติ จักเห็นภิกษุอื่นผู้บริสุทธิ์ไม่มีอาบัติเมื่อใดจักทำคืนอาบัตินั้น ในสำนักเธอเมื่อนั้น.

เมื่อสวดประกาศแล้วจึงทำอุโบสถ หรือทำปวารณาได้

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เมื่อต้องอาบัติย่อมต้องด้วยอาการ ๖ อย่าง คือ

ด้วยความไม่ละอาย ๑,

ด้วยความไม่รู้ ๑,

ด้วยความสงสัยแล้วขืนทำ ๑,

ด้วยความสำคัญในของไม่ควรว่าควร ๑,

ด้วยความ สำคัญในของควรว่าไม่ควร ๑,

ด้วยความหลงลืมสติ ๑.

ภิกษุต้องอาบัติด้วยความไม่ละอายอย่างไร? คือ ภิกษุรู้อยู่ทีเดียวว่าเป็นอกัปปิยะ ฝ่าฝืน ทำการล่วงละเมิด สมจริงดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ว่า

ภิกษุ แกล้งต้องอาบัติ ปกปิดอาบัติ และถึงความลำเอียงด้วยอคติ ภิกษุเช่นนี้ เราเรียกว่า อลัชชีบุคคล (อรรถกถา พระวินัยปีฎก มหาวิภังค์)


********************************