ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ลูกอุกกาบาตกในประเทศไทยใน สองครั้ง ในวันที่ 7 กย 58 และวันที่ 2 พย 58 ที่ผ่านมานั้น  ได้ทำให้สังคมไทยรู้สึกตื่นเต้นและอ่อนไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะเป็นลางดี-ร้ายอย่างไรกับเหตุการณ์บ้านเมือง   ดาวตก หรือ อุกกาบาตตก  ได้มีการบันทึกเอาไว้ในปูมโหรของไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรียกว่า ดาวหาง ก็มี ดาวธูมเกตุ  ดาวลำพูกัน ก็มี ส่วนทางฮินดูนั้นก็จะเรียกว่า "อุลกา"  ซึ่งการปรากฏในแต่ละครั้งถือว่าเป็นนิมิตที่ส่งผลต่อดวงบ้านดวงเมือง ซึ่งจะมีทั้งดีและร้าย โดยจะต้องพิจารณาจาก สี ทิศ และรูปลักษณะของดาวตกนั้น จึงจะนำมาพยากรณ์นิมิตดี-ร้ายได้

 

คัมภีร์ที่ว่าด้วยการพยากรณ์ดาวตกนั้นมีหลายคัมภีร์ แต่คัมภีร์ที่ได้รับการเชื่อและยอมรับมากที่สุดก็คือ คัมภีร์พฤหัต สัมหิตา ซึ่งแต่งโดยมหาโหราจารย์วราหะมิหิรา ของอินเดีย ประมาณ 1600 ปีมาแล้ว โดยท่านผู้แต่งได้รวบรวมหลักวิธีการพยากรณ์ดวงเมือง และพยากรณ์เหตุการณ์ธรรมชาติต่างๆ  เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฯลฯ เอาไว้ในคัมภีร์เล่มนี้ โดยท่านได้รวบรวมจากคัมภีร์เก่าแก่อื่นๆย้อนขึ้นไปอีกหลายพันปี  และนำมารวมเป็นคัมภีร์พฤหัต สัมหิตา เล่มนี้

บทที่จะมาเสนอในที่นี่ เป็นบทที่ว่าด้วย อุลกา (ดาวตก) โดยเฉพาะ ซึ่งมีอยู่ 30 โศลก โดยได้อธิบายรูปลักษณะของดาวตกและผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งทางดีและทางร้าย ต่อสังคมและบ้านเมือง

พาดหัวข่าว ดาวตกวันที่ 7 กย 58

กลายเป็นเรื่องฮือฮาวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งเมือง หลังมีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 กันยายน 2558 ก่อนจะหายลับไป ทิ้งไว้แต่กลุ่มควันขนาดใหญ่บนท้องฟ้า สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้พบเห็นทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศเป็นอย่างมาก จนเกิดการคาดเดากันไปต่าง ๆ นานาในโลกโซเชียล จนกระทั่งมีผู้เชี่ยวชาญออกมา ระบุว่า ปรากฏการณ์ที่เห็นนั้น เกิดจากอุกกาบาตขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก เสียดสีจนเกิดความร้อนจนลุกไหม้ เห็นเป็นลูกไฟและมีควันขาวที่เห็นเป็นทางยาวเท่านั้น

พาดหัวข่าว ดาวตกวันที่ 2 พย 58

„"ชาวไทย"ตื่นลูกไฟปริศนา! อุกกาบาตหล่นจากฟ้าค่ำคืน สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ คาดลูกไฟปริศนาเป็น "อุกกาบาต"ตก ถือเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ หลังประชาชนหลายพื้นที่ตื่นที่ได้เห็นแบบเต็มตา วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา 21:10 น. เมื่อเวลา 20.46 น.วันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดลูกไฟแปลกประหลาดตกลงมาจากฟากฟ้าหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง มีประชาชนแจ้งว่าพบเห็นมีลักษณะแสงสีฟ้า บ้างก็เห็นเป็นแสงสีเขียว ภายหลังมีการแจ้งเบาะแสการพบเห็นในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานที่แน่ชัดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ได้มีผู้ใช้เว็บไซต์ยูทูปที่ชื่อว่า Saran Pol นำคลิปวีดีโอดาวตก อุกกาบาต กรุงเทพฯ ประเทศไทย 2 พ.ย. 2558 ซึ่งถ่ายได้จากกล้องหน้ารถยนต์ ขณะขับรถอยู่บนทางด่วน พื้นที่กรุงเทพมหานคร มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูป จนมีผู้เข้ามาชมเป็นจำนวนมาก“

คัมภีร์พฤหัต สัมหิตา บรรพที่ 33 ว่าด้วย ดาวตก-อุกกาบาต

โศลกที่ 1 การปรากฏของอุกกาบาต เป็นการแสดงผลบุญของผู้ซึ่งมีบารมี (ปุณยกรรมะ) ซึ่งได้เสวยผลบุญนั้นในทิพยโลก (ผลบุญนั้น)ได้ตกลงมาบนพื้นพิภพโลก

ซึ่งมีลักษณะแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท 1.ทิษยะ 2.อุลกา(ดาวตก) 3.อัสนี(สายฟ้า) 4.วิทยุ (แสงสว่าง) 5.ทาระ

 

โศลกที่ 2 อุกกาบาต ประเภท ทิษยะและอุลกา จะแสดงผล(ดี-ร้าย)ให้เห็นได้ภายใน 1ปํกษ์ (15 วัน)  อัสนี จะให้ผลภายใน 45 วัน ส่วนวิทยุ และทาระจะให้ผลภายใน 6วัน

 

โศลกที่ 3 ทาระ จะให้ผล ดี-ร้าย เป็น 1/4 ส่วนของผลดี-ร้ายของอุกกาต ,ทิษยะ ให้ผล 3/4 ส่วน ส่วนวิทยุ อุลกา และอัสนี ให้ผลดีร้ายเต็มที่

 

โศลกที่ 4 อัสนี เป็นอุกกาบาตชนิดหนึ่ง มีลักษณะกลม ขณะตกลงมาจากฟากฟ้า จะส่งเสียงดังกึกก้อง มีลักษณะคล้าย คน,ช้าง,กวาง,ก้อนหิน,บ้านเรือน,ต้นไม้ และแกะ และตกลงมาบนโลก

 

โศลกที่ 5 วิทยุ เป็นอุกกาบาตลูกไฟขนาดใหญ่ มีรูปทรงโค้งงอ สถิตย์อยู่ในนักษัตรแห่งธาตุไม้ เมื่อตกลงมาจะส่งเสียงดังที่น่าสะพึงกลัว  มหาฤาษีการกะมุนี กล่าวว่า อุตกาบาต หรือ อุลกา คือ อาวุธ ที่หลุดออกมาจากมือของมหาเทวะ

 

โศลกที่ 6 ทิษยะเป็นอุกกาบาต ลูกไฟขนาดเล็ก มีหางยาวมากกว่า 40 ศอก ความกว้างประมาณ 2ศอก

 

โศลกที่ 7 ทาระ เป็นอุกกาบาตชนิดหนึ่ง มีความกว้างประมาณ 1ศอก มีสีขาว หรือบางครั้งเป็นสี ทองแดง หรือ  เป็นสีก้านบัว มักปรากฏเป็นการเคลื่อนที่ไปมาทั้งทางแนวนอนและแนวตั้งหรือพุ่งขึ้น หรือพุ่งลง คล้ายๆกับถูกฉุดลากจากพลังที่มองไม่เห็น

 

โศลกที่ 8 นิคะ เป็นอุกกาบาตชนิดหนึ่ง มีหัวขนาดใหญ่ แต่มีหางเล็กมาก  มีความยาวเท่ากับความสูงของมนุษย์ เมื่อขณะตกลงมาจะขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น และมีลักษณะหลายแบบ

 

โศลกที่ 9 ลักษณะของอุกกาบาต จะมีลักษณะต่างๆกันเช่น ซากศพมนุษย์ อาวุธ,อุฐ,ลา ,จรเข้ ,ลิง,คันไถ ,กวาง ,จิ้งจก ,งู หรือ ควันไฟ หรือ บางครั้งปรากฏเป็น 2หัว จะเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ยากในแผ่นดิน

 

โศลกที่ 10 ถ้ามันปรากฏเป็นลักษณะรูปทรงอื่นๆ เช่น เสาธง ,ปลา ,ช้าง,เนินเขา ,ดอกบัว ,ดวงจันทร์, ม้า , แท่งเงินที่กำลังละลาย,หงส์ ,ต้นบิลวะ,วัชระ (อาวุธ) หรือ หอยสังข์ หรือ รูปทรงสามเหลี่ยมจะมีความเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดิน

 

โศลกที่ 11 หากมีอุกกาบาตนับไม่ถ้วนตกจากฟ้า; ความวิบัติจะเกิดแก่ผู้ปกครองสูงสุดในแคว้น   สะเก็ดดาวตกที่หมุนวนจะเกิดความทุกข์เข็ญไปทั่ว

 

โศลกที่ 12 หากอุกกาบาตเหล่านั้น ในขณะตก ได้เกิดอาทิตย์หรือจันทร์ทรงกลด และได้สัมผัสผ่านวงรัศมีของพระจันทร์หรือพระอาทิตย์ ก็จะเกิดแผ่นดินไหว ความแห้งแล้ง ความอดอยาก การรุกรานจากต่างชาติ ภัยอันน่ากลัวต่างๆนาๆ

 

โศลกที่ 13 หากอุกกาบาตได้ปรากฏจากทางขวาไปทางซ้ายของดวงอาทิตย์ คนไร้บ้านจะประสบความวิบัติ แต่หากปรากฏอุกกาบาตได้พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์และตกลงมา ในเวลาก่อนที่กองทัพจะเคลื่อนพล จะนำความสำเร็จและโชคดีมาให้

 

โศลกที่ 14 หากอุกกาบาตปรากฏเป็นสีขาว, สีแดง, สีเหลืองหรือสีดำ พวกพรามณ์ ,กษัตริย์ ,ไวศยะ  และ พวกศูทร จะประสบความวิบัติตามลำดับ ; ผลกระทบที่เดียวกันจะเกิดขึ้นหากอุกกาบาต ตกลงสู่พื้นโลก โดยส่วนหัว,ส่วนลำตัว,ส่วนข้าง หรือ หาง ส่วนใดตกก่อนก็จะเกิดผลต่อผู้คนและวรรณะตามความหมายนั้น

 

โศลกที่ 15 ถ้าดาวตก หรือ อุกกาบาต ปรากฏลักษณะที่น่ากลัวและ ถ้าตกไปในทิศเหนือ, ตะวันออก ใต้หรือตะวันตก พวกพราหมณ์ กษัตริย์ แพทย์ ศูทร จะประสบความวิบัติตามลำดับ

ถ้าดาวตกปรากฏเป็นเส้นตรงเป็นมันวาวและแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ และถ้าขณะตกลงมาจะสามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้จากโลก พวกวรรณะต่างๆจะประสบความสำเร็จ (ตามทิศทางของการตกของอุกกาบาตคือทิศเหนือ-พราหมณ์ ทิศตะวันออก-กษัตริย์ ทิศใต้-ไวศยะหรือตะวันตก-ศูทร)

 

โศลกที่ 16 ถ้าสีของดาวตกนี้ปรากฏเป็นสีขาว, สีดำ, สีแดง, สี สีฟ้า, สีเลือด,สีของเปลวเพลิงหรือสีดำหรือของสีของขี้เถ้าและถ้าลักษณะที่ปรากฏมีลักษณะที่น่ากลัว ปรากฏทั้งในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นหรือหลังขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตก หรือตกในระหว่างวัน หรือถ้ามันจะปรากฏรูปลักษณะที่คดเคี้ยวหรือถูกตัดแบ่งครึ่ง บ้านเมืองจะถูกรุกรานจากต่างประเทศ

 

โศลกที่ 17 ถ้าดาวตกปรากฏเห็นว่า ได้ตกผ่านรัศมีของดวงดาวหรือดาวเคราะห์ดวงใด บุคคลและวัตถุที่แสดงโดยความหมายของดวงดาวหรือดาวเคราะห์ดังกล่าวจะประสบความวิบัติ  หรือถ้าเห็นว่าขณะตกลง ได้ผ่านรัสมีของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ที่กำลังขี้นหรือตก คนไร้บ้านจะประสบความวิบัติ

 

โศลกที่ 18 ถ้าดาวตกปรากฏให้เห็นผ่านข้าม กลุ่มดาวนักษัตร ปูรพผลคุนี ,ปุนรวสุ,ธนิษฐะ และมูละ  หญิงสาวจะต้องทนทุกข์ทรมาน และประสบความวิบัติ แต่ถ้าตกผ่านรัสมี ปุษยะ,สวาติ และศรวณะนักษัตร  พวกวรรณะพรามณ์และวรรณะกษัตริย์จะต้องประสบกับความทุกข์ทรมาน

 

โศลกที่ 19 ถ้าปรากฏว่าดาวอุกกาบาตตกข้ามรัสมีของดาวเหนือและดาวศุภเคราะห์ พวกขุนนางจะ ประสบความวิบัติ; แต่ถ้าข้ามรัศมีของดาวบาปเคราะห์เคราะห์ พวกมีอาชีพโจร ขโมยจะประสบความวิบัติ และหากตกผ่านดาวเคราะห์ทั่วไป ผู้มีอาชีพการดนตรีและศิลปะ จะต้องประสบความวิบัติ

 

โศลกที่ 20 ถ้าดาวตก (อุกกาบาต)ได้ตกลงสู่รูปปั้นของเทวะองค์ใดใด ผู้ปกครองและอาณาจักรของพวกตนจะประสบความวิบัติ; แต่ถ้ามันตกใส่ต้นศากระ  กษัตริย์จะวิบัติ และถ้าตกใส่บ้านเรือน เจ้าของบ้านจะประสบความวิบัติ

 

โศลกที่ 21 ถ้าปรากฏว่าอุกกาบาตได้ตกผ่านดาวเคราะห์ประจำทิศ อาณาจักรที่ตั้งอยู่ในแต่ละทิศทางที่อุกกาบาตนั้นตก จะประสบความวิบัติ; ถ้าตกลงในลานนวดข้าว พวกเกษตรกรจะประสบความวิบัติ; และถ้าตกลงสู่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ปลูกไว้ในสถานที่สาธารณะ พวกคนดี คนประพฤติธรรม สุจริตชน จะประสบความเดือดร้อน (ทิศต่างๆมีดังนี้: ดวงอาทิตย์-ทิศตะวันออก; ดาวศุกร์-ทิศตะวันออกเฉียงใต้; ดาวอังคาร-ทิศใต้; ดาวราหู- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ; ดาวเสาร์-. ทิศตะวันตก ดาวจันทร์- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ; ดาวพุธ;ทิศเหนือ และ ดาวพฤหัส- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)

 

โศลกที่ 22 ถ้าปรากฏว่า อุกกาบาตตกอยู่ที่ทางเข้าเมือง ประตูเมือง เมืองนั้นจะประสบความวิบัติ; ถ้าตกใส่หลังคาของอาคารสถานที่ คนที่อยู่อาศัยจะประสบความวิบัติ; ถ้าในท่ามกลางหมู่บ้านของพวกพราหมณ์ พราหมณ์ก็จะประสบความวิบัติ; และถ้าตกในคอกปศุสัตว์ เจ้าของคอกปศุสัตว์นั้นก็จะประสบความวิบัติ

 

โศลกที่ 23 ถ้าในขณะอุกกาบาตตก ปรากฏเป็นเสียงคล้ายเสียงสิงโตคำราม หรือเสียงที่คล้ายกับการทุบหน้าอกหรือเสียงคล้ายกับดนตรีผสมกับเสียงร้องเพลง ผู้นำและผู้ปกครอง พร้อมทั้งอาณาจักรจะประสบกับความวิบัติ

 

โศลกที่ 24 หากปรากฏเห็นอุกกาบาต พุ่งฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลานาน ปรากฏรูปร่างเหมือนไม้เท้าหรือถ้าปรากฏเป็นรูปร่างธงของพระอินทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า หรือปรากฏรูปร่างคล้ายขนแกะ, ผู้ปกครองจะต้องประสบกับความวิบัติ

 

โศลกที่ 25 ถ้าในขณะที่อุกกาบาตตก ได้ปรากฏการโคจรวิปริตพักร(พุ่งถอยหลัง)  พวกพ่อค้าจะประสบความวิบัติ; ถ้ามันพุ่งไปในแนวนอนพระราชินี จะประสบความวิบัติ; ถ้าพุ่งลงในแนวตั้งผู้ปกครองจะประสบความวิบัติ; และถ้าพุ่งสูงตั้งขึ้นไป พวกพราหมณ์จะประสบความวิบัติ

 

โศลกที่ 26 ถ้าขณะที่อุกกาบาตตก ปรากฏเป็นสีและรูปร่างของนกยูงรำแพน จะเกิดความทุกข์ยากในแผ่นดินนั้น แต่ถ้าปรากฏคล้ายกับอสรพิษ พวกสตรีทั้งหลายจะประสบความวิบัติ

 

โศลกที่ 27 ถ้าอุกกาบาตปรากฏเป็นรูปวงกลม บ้านเมืองจะประสบความวิบัติ; ถ้าเป็นรูปร่างของร่ม พวกพระสงฆ์ นักพรต นักบวช จะประสบความวิบัติ และ ถ้ารูปร่างเหมือนกอไผ่ ราชอาณาจักร ก็กลายเป็นที่เข่นฆ่า

 

โศลกที่ 28 ถ้าปรากฏเป็นรูปร่างของอสรพิษ(งู)หรือ หมู หรือ ถูกปกคลุมไปด้วยประกายไฟหรือถูกตัดหรือพุ่งตกลงมาด้วยเสียงอันดัง จะมีความทุกข์ยากในแผ่นดิน

 

โศลกที่ 29 ถ้าอุกกาบาตปรากฏรูปร่างคล้ายกับสายรุ้ง  อาณาจักรจะประสบความวิบัติ; แต่ถ้ามันหายไปในท้องฟ้าหรือเมฆ อาณาจักรจะถูกทำลาย; หรือถ้ามันพุ่งออกไปสวนทิศทางลม หรือพุ่งทะแยงลงไป หรือ พุ่งถอยหลัง จะเกิดความทุกข์ยากในแผ่นดิน

 

โศลกที่ 30 ถ้าอุกกาบาตพุ่งตกลงไปในเมืองหรือในกองทัพ ผู้ปกครองเมืองหรือกองทัพนั้นจะประความวิบัติ; ถ้ามันจะปรากฏเห็นได้ชัดจากฐานที่มั่นของกองทัพ เจ้าชายที่กำลังออกรบในทิศทาง(ที่เห็นอุกกาบาต)จะประสบความสำเร็จในการต่อสู้