ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ดวง อัจฉริยะ แห่งยุค นั่นก็คือ ท่านสตีเฟน วิลเลียม ฮอว์คิง  ซึ่งดวงนี้มีจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่งในทรรศนโหราศาสตร์ นั่นก็คือ ความเป็นอัจฉริยะทางความคิด และ โรคประหลาดที่กำลังรุมเร้าท่านอยู่  ซึ่งเมือพิจาณาจากดวงชาตาก็มีบางมุมมองในแง่ของโหราศาสตร์ก็คือ ดวงของท่านผู้นี้กลับคลับคล้ายคลับคลา ดวงของคุรุด้านโหราศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง พูดง่ายๆก็คือเป็นโหราจารย์นั่นเอง

 

 

ผมว่าที่ท่านป่วย จนเคลื่อนไหวไม่ได้ พูดไม่ได้ ภาษาโหรเราเรียกว่า เปิดเผยความลับของฟ้า-ดิน มากเกินไป วิธีแก้ ต้องมาครอบครูโหราศาตร์ ไม่แน่ท่านอาจจะหายก็ได้

วิชา โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วย จักรวาล ดาวเคราะห์ และกาลเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้ สตีเฟน ฮอว์คิง รู้ลึกและเชี่ยวชาญเป็นที่สุด ใครอยากเข้าใจวิชาโหรฯ แนะนำให้อ่าน หนังสื่อที่ท่านเขียน คือ ประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และจักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell)


 

 

นี่มันดวง"โหราจารย์"ชัดๆเลย

มีคนถามว่า "ดวงคนที่จะเก่งโหราศาสตร์ หรือมีหัวด้านโหราศาสตร์นี้ควรมีลักษณะอย่างไร " เกี่ยวกับ พฤหัส หรือ ดาวเกตุไหม  ซึ่งคำตอบก็คือ มีวิธีดูแบบง่ายๆ   คือ ดาวที่ให้ คุณเรื่อง โหราศาสตร์ มี 3 ดวง คือดาวพุธ ดาวพฤหัสและ ดาวเสาร์ ทั้ง 3 ดวงต้องสัมพันธ์กันในทางใดทางหนึ่ง   แต่มีกฏพิเศษบางอย่างอีก เช่น อาทิตย์+พุธ อยู่เรือนที่ 2 จะเชี่ยวชาญในคัมภีร์โหราศาสตร์ (เชิงวิชาการ)

หมายเหตุ - กฏข้างต้นนี้เฉพาะคนที่เป็นโหรจริงๆ (ทำมาหากินเป็นอาชีพหลัก) แต่ไม่รวมถึงคนที่ชอบไปดูหมอ ,ไม่รวมถึงคนชอบเรียนโหราศาสตร์แบบเล่นๆ หรือชอบศึกษาเป็นงานอดิเรก ,ไม่รวมถึง(การแอบบอ้าง)วิชาโหรในแบบลัทธิความเชื่อ เชิงพิธีกรรม/ศาสนา อันนี้ต้องดูเกตุ(๙)+ราหู) และเสาร์ ---จำเป็นต้องแยกให้ออก

และ ดาว เสาร์ (๗) +ดาว ๔ (ุพุธ)นั้น เป็นครูทางโหราศาสตร์ที่แท้จริง และเป็นแม่แบบทางวิชาโหร ส่วนดาวพฤหัส(๕)เป็นแค่บอกว่าเป็นวิชาการชั้นสูง เชิงปรัชญา และการดำเนินชีวิต

เพราะ ดาวทุกดวงมีเพศชาย-หญิง แต่เสาร์-พุธ ไม่มีเพศ (เป็นกระเทย) อยู่กึ่งกลางของพลังบวก-ลบ อยู่ท่ามกลางของฟ้า-ดิน อยู่ท่ามกลางของดี-ชั่ว จึงจะมองเห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย จะพัฒนาญาณหยั่งรู้ได้อย่างลึกซึ้ง สังเกตุว่าใครเป็นกระเทยแล้วเป็น หมอดู ด้วย คนนั้นไม่ต้องเรียนก็ทายแม่น

ผม เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบวิชาโหราศาสตร์มาแต่ต้น ไม่เชื่อ และไม่เคยสนใจ ไม่ได้ชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่มาเป็นเพราะดวงมันเป็น (คนที่รู้จักผม หรือเพื่อนสมัยเด็กๆจะรู้ในเรื่องนี้ดี)

ทุกวันนี้มีหมอดูอยู่ 2 ประเภท ประเภท 1 คือ "อยากเป็น" เพราะดังง่าย รายได้ดี ชอบสอนคนอื่น หรือ อยากให้คนอืนเชื่อถือตน อยากได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง อันนี้จะเห็นได้จากพวกหมอดูการตลาดทั้งหลาย ประเภทที่ 2 คือ ไม่อยากเป็น ไม่ได้ตั้งใจเป็น แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ ดวงชาตาผลักดันให้มาทางสายนี้ (อาจจะมีบีบคั้น-บังคับ)

ต่อไปราจะมาวิเคราะห์ดวงชาตานี้กัน เพราะผมปรึกษาเรื่อง ลัคนา กับลุงบั๊ก(โฮ๋ราสาด) เรียบร้อยแล้ว เนื่อง จาก โปรแกรมโฮ๋ราสาด มีระบบ จัดการเวลาเกิด โดยชดเชยเวลาDSTให้โดยอัตโนมัติ (สำหรับผู้ที่เกิดต่างประเทศ ) ตอนนี้สามารถวางลัคนาได้แล้ว ซึ่งผมจะวางลัคน์ไว้ที่ราศี มังกร ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมที่สุด หรือเวลา 10.08 น. โหรตะวันตกบางท่านก็วางลัคนาเวลาเกิดไว้ที่ 10.00น.

แนะนำ ฟีเจอร์ สำคัญใน โฮ๋ราสาด โปร ที่หลายๆคนยังไม่รู้ นั่นก็คือปรับเวลา DST อัตโนมัติ (ซึ่งเป็นฟีเจอร์พิเศษ โปรแกรมอื่นๆจะไม่มีต้องทดเวลาเอง) โดยอยู่ในแผนที่ครับ หรือถ้าเลือกสถานที่อะไรในหน้าหลัก สำหรับเมืองที่มีในรายการแล้ว ก็เลือกเมือง แล้วตั้งวันที่ เสร็จแล้วเมื่อได้ดวงมา ให้เอาเมาส์วางตรงชื่อเมือง ก็จะเห็นครับ

Name Hawking, Steven Gender: M
Birthname Steven William Hawking
born on 8 January 1942 at 10:08:30 (= 10:08:30 AM )
Place Oxford, England, 51n46, 1w15
Timezone GDT h1e (is daylight saving time) ****หมายเหตุ-ดาวเสาร์กับดาวพฤหัส วิกลคติพักร

1.วิเคราะห์เรื่องสติปัญญา ความฉลาด

เรา จะมาดูว่าทำไมดวงคนนี้ถึงได้ฉลาดระดับโลก ผมจะอธิบายโดยใช้ดวงอีแปะแบบง่ายๆ สำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่ทางโหราศาสตร์จะได้มีกำลังใจเล่าเรียนต่อ และจะได้รู้ว่า ดวงยากง่ายไม่เกี่ยวกับว่าจะต้องไปหาวิชาลึกๆเรียน ไม่ต้องรีบไปหาเรียนภารตะ หรอก เอาดวงอีแปะแบบไทยนี่แหละ ง่ายจะตาย

วิธีพิจารณา---

ก. เราก็ต้องไปหาดาวอะไร ที่มันทำให้คนเราฉลาดเสียก่อน ในหลักของโหราศาสตร์ทั้วไป ดาวที่ทำให้คนเราฉลาด คือ 1.ดาวพุธ 2.ดาวจันทร์ 3.ดาวพฤหัส (4)แบบไทยก็จะมีดาวเกตุ(๙) ที่เคยอธิบายแล้วว่าดาว (๙) คือดาวจันทร์ยกกำลังสอง

ข. ต่อไปเราไปหาราศีอะไร ที่มันทำให้คนเราฉลาด มีสติปัญญาเฉียบคม

ราศีฉลาด-ราศีแห่งปัญญา ก็คือ ราศีมิถุน (พุธเป็นเจ้าเรือน) 2.ราศีกันย์ (พุธเจ้าเรือนเป็นมหาอุจน์) 3.ราศีมังกร (เสาร์เป็นเจ้าเรือน) แค่นี้ และต้องเข้าใจว่า ราศีแห่งปัญญา กับดาวแห่งปัญญา เป็น คนละส่วนกันนะครับ เพราะดาวเสาร์เจ้าราศีมังกรเป็นดาวโง่ ไม่ฉลาด

ค. ต่อไปเราก็หาเรือนชาตา (ภพ) อันไหนที่ทำให้คนเราฉลาดมีปัญญา นั่นก็คือภพที่ 5 ปุตตะ gอาแค่นี้ก่อน แล้วไปดูดวงชาตากัน ผมคิดว่าแค่นี้เพื่อนๆน่าจะเข้าใจนะครับ

1.ดูที่ลัคนาสถิตย์ราศี มังกร(ราศีปัญญา1) ร่วมกับดาวพุธ(ดาวปัญญา2) กับดาวศุกร์(ดาวเจ้าเรือนที่ 5 เรือนปัญญา3)

2.ดาว พฤหัส(ดาวปัญญา4) อยู่เรือนที่ ๕ (เรือนปัญญา6) ทำมุมตรีโกณกับลัคนา(แห่งปัญญา7) และดาวพฤหัสกำลังโคจรพักรถือว่าได้กำลังมาก (ปัญญา8)

3.ดาว จันทร์ (ดาวเจ้าปัญญา 9) อยู่ราศีปัญญา (ราศีกันย์-ปัญญา 10 ) ตรีโกณกับลัคนา (ปัญญา 11 ) และดาวจันทร์เป็นจันทร์ข้างขึ้นมีกำลังดี (ปัญญา 12)

4.ดาว เกตุ (ดาวเจ้าปัญญา 13) อยู่ราศีปัญญา มีดาวพุธเป็นเจ้าเรือน (ปัญญา 14) ดาวพุธดาวเจ้าเรือน แฝงเรือนเกษตร กุมลัคนา ซึ่งถือว่าดาวเกตุ (๙) มีทัศนสัมพันธ์ถึงลัคนาเช่นกัน (ปัญญา 15)

สรุปว่าดวงนี้ มีลักษณะพิเศษ บ่งบอกถึงความมี ปัญญา 15 อย่าง เรียกง่ายๆว่า มีความเฉลียวฉลาดมากว่าคนทั่วไปถึง 15 เท่า

คำถาม--ทำไมดาวโคจรพักร แล้วมีกำลังมาก

ตอบ---เรื่องกำลัง ของดาวโคจรพักรนี้ ทางโหสากล ก็ถือว่าดาวพักรมีกำลังมากกว่าดาวปกติ ส่วนโหราภารตะฮินดู ท่านอธิบายในหลักษัฑพละ บอกว่าดาวเป็นอุจน์มีกำลัง 1รูปะดาวพักรก็มีกำลัง 1 รูปะเช่นกัน (เท่ากับอุจน์)

อธิบายต่อเรื่องดาวแห่งปัญญา

1.ดาวพุธ มีลักษณะเคลื่อไหวเร็ว ปัญญาที่มาจากดาวพุธจะเป็นปัญญาแบบ ไหวพริ้ว ลื่นไหล จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อาจจะแฝลเลห์เพทุบาย กลเม็ดต่างๆ

2.ดาว จันทร์ (ต้องเป็นจันทร์ขึ้น 6ค่ำ-แรม 7ค่า) จะเป็นจันทร์ที่ให้คุณปัญญาทางด้านบวก แต่โดยทั่วไปปัญญาของจันทร์จะออกแนวจริตจก้าน ชวนหลอกลวงให้ลุ่มหลง ถ้าดาวจันทร์ด้านลบ หรือจันทร์แรม ทางโหรถือว่าเป็นกึ่งปาปเคราะห์ ปัญญาอาจะไม่ดีหรือไม่ฉลาด หรือไม่ก็มีจริตจก้านเกินควร ดูไม่งาม

3.โบราณว่าทายปัญญาบริสุทธิ์ ให้ดูพฤหัส เป็นปัญญาที่ออกจะมาในแนว ธรรมะ ปรัชญา ญาณหยั่งรู้ กฏเกณฑ์ ทฤษฎี ต่างๆ

แล้วมีคนสงสัยว่าดาวราหู ให้คุณด้านปัญญาไหม ตอบ--ราหูมันออกแนวหลงไหล ลุ่มหลง มัวเมา จะเรียกว่าเป็นปัญญาคงไม่ได้ และดาวพระเกตุ เป็นปัญญาแบบใด ตอบ--ดาวเกตุเป็นปัญญาเฉียมคม เกตุหมายถึงแหลมคม และเป็นปัญญาทางด้านธรรมะ ปรัชญา ศาสนา เป็นผู้คงแก่เรียน

ต่อไปจะอธิบายราศีแห่งปัญญา

1.ราศีมิถุน หรือคนคู่ สัญลักษณ์ก็บอกว่ามี 2 คน หรือ เทียบเป็นสุภาษิตไทย ว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว แสดงว่า ราศีนี้ฉลาดว่าราศีอื่นๆ ที่มีหัวเดียว และบ่งบอกเป็นนัยว่า ราศีนี้มีสองเพศ อยู่ในคนเดียวกัน และคนราศีนี้ชอบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จิตใจโลเล เอาแน่นอนไม่ได้ (เหมือนมีสองคน)

2.ราศีกันย์ ตามสัญญลักษณ์แบบโบราณ คือ หญิงพรหมจรรย์ นั่งหันหลังพายเรือ ชูคบเพลิง   ซึ่ง หญิงพรหมจรรย์ (1.)พายเรือหมายถึง ผู้ชายในร่างหญิง เพราะโบราณผู้หญิงจะไม่พายเรือ มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ (2.)ผู้หญิงหันหลัง หมายถึง ผู้ชาย(ในร่างหญิง) (3.)ชูคบเพลิง หมายถึงเดินทางในเวลากลางคืน แปลว่ากล้าหาญ และ(4.)คบเพลิง หมายถึง ปัญญา ความรู้อีกด้วย แสดงว่าผู้เกิดราศีนี้จะมีบุคลิกทั้งชาย-หญิงอยู่ในตัว กล้าหาญ มีปัญญา แต่จะแต่งงานยากหรือช้า (พรหมจรรย์)

3.ราศีมังกร สัญลักษณ์ราศีเป็นรูปแพะทะเล (แบบโบราณ) หัวเป็นแพะ หางเป็นปลา หมายถึง ราศีนี้มีลักษณะพิเศษคือ มีธาตุดินครึ่งหนึ่งและธาตุน้ำครึ่งหนึ่ง

ปัญญาโดยทั่วไปมักเกิดจากการเปรียบเทียบของสองสิ่งที่แตกต่างกัน และพัฒนามาเป็นปัญญา ความรู้ ราศีนี้ก็เช่นกัน มีลักษณะแตกต่างกันในราศีเดียวกัน (ดิน-น้ำ)จึงเป็นราศีแห่งปัญญา แต่เจ้าราศีคือดาวเสาร์จึงเป็นดาวที่ไร้ปัญญา (โง่-ฉลาด แตกต่างกัน)

แต่ปัญญาจากดาวเสาร์จะต้องมีมุมสัมพันธ์กับดาวพฤหัสเท่านั้น จึงจะเป็นปัญญาขั้นสูงสุด คือปัญญาออกจากกิเลส จากกองทุกข์ หรืออย่างน้อยก็จะเป็นปัญญาที่มีความเที่ยงตรงไม่ลำเอียง ปรัชญาฮินดูบอกว่า ปัญญาที่มาจาก “หระและหริ” คือพระวิษณุ-ผู้คุ้มครองรักษา(พฤหัส)กับพระศิวะ-ผู้ทำลาย (เสาร์) เป็นมหาปัญญา

มุมสัมพันธ์--- มุมเสาร์-พฤหัส มีมุม 1,4,7,10 ต่อกัน  จึงจะถึงกันทั้งสองดาว ซึ่งมุม 1-7 (มุมเล็งจะให้ผลมากที่สุด ) ระหว่าง เสาร์-พฤหัส จะไม่มีมุมโยค(เป็น 3ต่อกัน)  เพราะ 2 ดาวนี้มี โยคพิเศษ เรียก “วิเศษทฤษฎี” คือ ดาวพฤหัส จะส่งกำลัง 100 เปอร์เซ็นต์ไปยังเรือนที่ 5 และ 9 และ 7 ส่วนดาวเสาร์จะส่งกำลัง 100 เปอร์เซ็นต์ไปที่เรือนที่ 3 ที่ 7 และ 10 เท่านั้น การเป็นโยคกันจะต้องได้มุมสัมพันธ์ของทั้งสองดาวเท่ากัน การร่วมกันของสองดาวเคราะห์ เสาร์+พฤหัส (กุมกัน) เกิดได้ยากในดวงชาตา เพราะเกิดมาจะอายุสั้น พิกลพิการหรือแขนขาดตายไปเสียก่อนจะได้ปัญญาน่ะครับ เหมือนดวงกรุงเทพยังไงล่ะ

 

 

2.วิเคราะห์เรื่องความพิการทางร่างกาย

เอา ล่ะครับ  เรามาต่อเรื่อง ความพิการทางร่างกายของอัจฉริยะท่านนี้ก่อนอื่นจะอธิบายกฏทั่วไปทางโหราศาสตร์ ดังนี้ 1.ลัคนาหมายถึงตัวตน 2.อาทิตย์หมายถึงร่างกาย 3.พระจันทร์หมายถึงจิตใจ (นิสัยใจคอ)  พิจารณาดังนี้


ขั้นที่ 1ในดวงนี้ (1) ลัคนา(ตัวตน)อยู่ราศีมังกร (2)อาทิตย์(ตัวแทนร่างกาย)อยู่เป็นวินาศต่อลัคน์ (3)จันทร์(จิตใจ)ตรีโกณแก่ลัคน์ เป็นเกณฑ์ต่ออาทิตย์(ร่างกาย)

ลักษณะ ข้างต้นนี้ ไม่ได้บอกถึงความพิกลพิการ แต่บอกว่า ร่างกาย+จิตใจสัมพันธ์กันดี (เป็นเกณฑ์ต่อกัน) แต่ไม่สัมพันธ์กับตัวตน เพราะร่างกายอยู่วินาศต่อลัคน์(ตัวตน) หมายความว่า ร่างกาย-จิตใจ-ตัวตน แสดงออกมาไม่สัมพันธ์กัน ซึ่งเราจะมักพบเห็นได้จากคนทั่วๆไปที่มีบุคคลิกภายนอกแบบหนึ่ง แต่จิตใจเป็นอีกแบบหนึ่ง

ลัคนาแสดงตัวตนในแบบที่คนอื่นๆเห็น จับต้องได้ แต่เรือนที่ 12 (วินาศ) จะเป็นตัวตนอีกด้านที่คนอื่นมองไม่เห็น

มีคำถามมาว่า ภพวินาส จะให้คุณในกรณีไหนได้บ้าง ตอบ-ทุกภพให้คุณและโทษ เท่าๆกัน แต่คนละมุมมอง วินาศ คือการสลัดหลุดพ้น เช่น การหายป่วย การหลุดพ้นจากการจับกุม พันธนาการ การหลุดพ้นจากหนี้สิน การหลุดพ้นจากอะไรก็ได้ที่เราอยากจะหลุดพ้น แม้กระทั่งหลุดพ้นจากวัฎฎะสงสารก็ต้องดูภพนี้

 

ขั้นที่ 2 เรามาดูดาวสำคัญๆกันก่อน คือดาวเสาร์และพฤหัส ประธานปาปเคราะห์กับประธานศุภเคราะห์ ที่ผ่านมาผมได้อธิบายโยคพิเศษของดาวทั้งสองนี้แล้ว

ดาว คู่นี้ภาษาโหร เรียกว่าด้านร้าย เรียกเป็น คู่พิกลพิการ คู่เปลี่ยนแปลง คู่ปฏิวัติ คู่บีบคั้น กดดัน ทำลาย วิบัติ ในด้านดีจะให้ปัญญาขั้นสูง ในแง่ธรรมะชั้นสูง หรือการเข้าโลก จักรวาล และชีวิตอย่างถ่องแท้

สังเกตุว่าดาวเสาร์ส่งเกณฑ์ 10 และดาวพฤหัส ส่งเกณฑ์ 9 ไปทับลัคนา นี่เป็นเหตุให้ชีวิตพลิกผัน ร่างกายพิการ แต่มีสติปัญญาขั้นเทพ รวมกับการบ่งชี้ทางปัญญาครั้งแรกที่เราคำนวนได้ 15 ข้อ เป็น 16 ข้อ แต่ข้อสุดท้ายนี้เป็นปัญญาคนละระดับกับ 15 ข้อแรก ข้อ 16 เป็นมหาปัญญาบารมี ซึ่งเข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ความสุข การละวางซึ่งอัตตาตัวตน ซึ่งท่านฮอร์คิงก็คงต้องมี เพราะพิการไปจนถึงขนาดนั้น จนแทบจะเรียกว่าเหลือแต่เพียงลมหายใจกับมันสมองเท่านั้น

 

ขั้นที่ 3 เรามาดูดาวคู่สาหัส คือเสาร์และอังคาร (๗+๓) ทั้งคู่ส่งแรงเป็นจตุเกณฑ์ 1,4,7,10 คุมทุกราศีที่เป็นเกณฑ์ต่อลัคน์ เรียกได้ว่าลัคน์ถูกบีบจากทั้ง 4ทิศ ทำให้ร่างกายบิดเบียวไม่ได้รูปทรง และเสาร์อังคาร ก็มีความหมายถึงกระดูก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ปรากฏว่าท่านเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

 

ขั้นที่ 4 เรามาดูร่างกาย เพื่อการยืนยันข้อ1-3 อีกที อาทิตย์คือร่างกาย ถูกดาวเกตุเล็ง (เกตุ-หมายถึงแปลกประหลาด) ตรีโกณด้วยราหูและตรีโกณกับเสาร์อังคาร ไม่มีการช่วยเหลือโดยโยคเกณฑ์จากดาวศุภเคราะห์ใดใด และตอนนี้เราก็สามารถยืนยันความพิกลพิการได้ จากทั้ง 4 ขั้นตอนที่กล่าวมานี้ โดยไม่มีข้อใดขัดแย้งกัน

 

3.วิเคราะห์เรื่องชื่อเสียง

ส่วน ข้อพิจารณาเรื่องความีชื่อเสียง พิจารณาได้จากเรือนที่ 9 โดยมีเจ้าเรือนที่ 9(ดาวพุธกุมลัคนา) มีจันทร์และพฤหัสตรีโกณ ก็แสดงถึงความมีชื่อเสียง

นอกจากนี้หากพิจารณาโยคของภารตะที่บ่งบอกถึงความมีชื่อเสียง มีดังนี้

1.เวสิโยค-ดาวพุธ,ดาวศุกร์ อยู่เรือนที่ 2 จากอาทิตย์
2.มัส ยาโยค-เป็นโยคของนักโหราศาสตร์ และความฉลาด โดยมีดาวศุภเคราะห์อยู่ในเรือนที่ 1 และที่ 9 ดาวปาปเคราะห์อยู่ในเรือนที่ 4 และ ที่ 8 และเรือนที่ 5 ต้องไม่ว่าง(มีดาวสถิตย์)
3.นภสโยค-มี 7 ดาวเคราะห์สถิตย์ใน 5 ราศี
4.สาธุโยค-มีดาวศุภเคราะห์อยู่ในเรือนที่ 3และที่ 6 จากอรุธลัคน์
5.ราชา-ธรรมะ-กรรมะธิปติโยค -ดาวเจ้าเรือนที่ 9 และที่ 10 ทำมุมร่วมกัน/ แลกเรือนกันและมีราชาโยคประเภทต่างๆ รวมกัน 5 ชนิดในดวงชาตา