ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

ในการคำนวณฤกษ์ยามมงคลชั้นสูงนั้น จะต้องคำนวณทั้งฤกษ์ฟ้า (นภดล หรือฤกษ์บน) + ฤกษ์ดิน (ภูมิดล หรือ ฤกษ์ล่าง)+ ฤกษ์คน หรือดวงชาตาของคน รวมทั้งสามอย่างให้สมพงษ์กันจึงจะได้ผลสมบูรณ์ที่สุด แต่อย่างไรก็ตามฤกษ์ยามในเริ่มแรกก็เหมือนเด็กเกิดใหม่ เหมือนกับหน่ออ่อนของต้นไม้ที่จะกำลังเจริญเติบโต ดังนั้นผลของฤกษ์ยามก็ต้องรอเวลาให้ผลิดดอกออกผลเช่นกัน ไม่ใช่ว่าได้ฤกษ์ดีแล้วจะต้องได้ดีในทันทีทันใดเดี๋ยวนั้นทั้งหมด
ในการนำฤกษ์ยามไปใช้ในแต่ละครั้ง ก็จะต้องเข้าใจว่าในขณะนั้น พลังงานบนฟ้าและดินกำลังจะผสานกับพลังในร่างกายของเรา เพื่อส่งเสริมหรือแก้ไขสิ่งไม่ดีต่างๆของดวงชาตาซึ่งในตอนนี้ถือว่าสำคัญมากที่สุดและเป็นหัวใจของฤกษ์ยาม ส่วนโหรฯก็จะกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดเอาไว้ให้ (เวลาปฐมฤกษ์และปัจฉิมฤกษ์) เพื่อท่านผู้ที่ใช้ฤกษ์จะต้องสำรวมระวัง ตั้งอกตั้งใจ ตั้งจิตอฐิษฐานขอให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับเราตามความมุ่งหมายของฤกษ์ชนิดนั้นๆ  แต่หากในขณะนั้นเราเกิดอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด โมโห ทะเลาะกับคนอื่น ไม่พอใจ ฯลฯ  ก็จะทำให้พลังงานของฤกษ์ฟ้า+ฤกษ์ดินไม่สามารถเข้ามาผสานกับดวงชาตาของเราได้ ทำให้ใช้ฤกษ์ยามไม่ได้ผลและเป็นการทำลายผลของฤกษ์ยามมงคลนั้นให้เสียไป  ดังนั้นก็ต้องระวังให้มาก


และอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำลายผลของฤกษ์ยามได้มากเช่นเดียวกันก็คือ ดวงชาตา วาสนา โชคเคราะห์ของคนที่อยู่ใกล้ๆกับตัวเราในขณะใช้ฤกษ์ยามนั้น ดวงชาตาของคนไม่ดีที่อยู่ใกล้ๆก็จะส่งผลทำลายฤกษ์ยามมงคลของเราได้อย่างรุนแรงเช่นกัน เพราะตอนนั้นเป็นการผสานพลังงานของฤกษ์ยามของฟ้าดิน หากมีคนอื่นๆอยู่ใกล้ๆก็จะส่งพลังแทรกเข้ามาสู่ตัวเราได้ง่าย  หากเป็นคนดวงไม่ดีมาอยู่ใกล้ๆแล้วก็ยิ่งต้องถอยห่าง เป็นกฏทางปรัชญาฮินดูที่บอกว่า อาตมัน เท่ากับ ปรมาตมัน หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีลักษณะอย่างเดียวกันและมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ส่งเสริมและหักล้างกันไปเป็นทอดๆ หรือ คนจีนมักจะเรียกลักษณะนี้ว่าเป็น"ชี่" และลักษณะที่ส่งผลทำลายนี้เรียกว่า"ดวงชง" คำว่า "ชง"ก็คือความหมายนี้

 

ดังนั้นวิธีการดูว่าชงกันหรือไม่ก็ไม่ต้องไปถามปีเกิดให้ยุ่งยาก เพียงพอรู้ประวัติ สถานภาพ บุคลิกนิสัย ใจคอ ก็พอจะดูว่าคนๆนี้จะเสริมดวงหรือพิฆาตดวงชาตาของเรา(สำหรับการทำงานมงคลต่างๆ) เช่นเป็นคนใจร้อน ก็แสดงว่า หากพาคนใจร้อนไปทำกิจการใดใดด้วย ผลลัพธ์ออกมาก็จะเป็นไปในทำนอง รีบร้อน ร้อนรน ทำอะไรได้ครึ่งๆกลางๆไม่สำเร็จ  นี่ก็เป็นผลกระทบจาก "อาตมัน" "หรือ "ชี่" ของคนๆนั้นนั่นเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าชงกันหรือดวงชงกัน)

ตัวอย่างเช่น วันนี้ท่านจะไปออกรถใหม่ แต่ท่านนำเพื่อนที่เคยประสบอุบัติเหตุ หรือมีดวงอุบัติเหตุไปร่วมออกรถใหม่ด้วย รถของท่านก็อาจจะต้องประสบอุบัติเหตุตามดวงของเพื่อนด้วย  หรือคนเคยติดคุก ติดตะราง เคยล้มเหลวในชีวิต(ยังไม่พื้นตัว) คนมีคดีความ คนดวงแตก แม่หม้าย พ่อหม้าย คนพิการ คนบ้านแตก คนอกตัญญู คนไร้ศีลธรรม ฯลฯ ก็ถือว่าเป็นดวงทำลายผลของฤกษ์มงคลทั้งสิ้น  ดังนั้นก็ต้องสำรวจตรวจตราให้รอบคอบไม่ควรให้มาใกล้ตัวเรามากจนเกินไปหรือมาเป็นประธานในการทำพิธีมงคลต่างๆ  แต่ถ้ามาเป็นแขก  โบราณท่านไม่ห้าม
แต่ในทางกลับกัน หากเราได้คนดี มีศีลธรรม มียศศักดิ์ มีตำแหน่ง มีฐานะ มาร่วมทำพิธีในการมงคลต่างๆของเรา ก็จะยิ่งเป็นการเสริมดวง เสริมบารมีของเราให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป (เรียกว่าดวงฮะกัน) สมัยโบราณถือกันมากโดยเฉพาะพิธีแต่งงาน  ซึ่งคนที่จะมาสวมมงคลให้กับคู่บ่าวสาวนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มียศศักดิ์ มีฐานะ มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกหลานดี ก็จะถือว่าจะช่วยเสริมมงคลให้กับคู่บ่าวสาวมากยิ่งขึ้น