Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

คัมภีร์มหาทักษา : ตำนานเทวดาเป็นมิตร - ศัตรูกัน



ก่อนที่ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงเทวดาที่เสวยอายุและเข้าแทรก ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงตำนานความเป็นมาของเทวดา ที่เป็นมิตรและเป็นศัตรูกันเสียก่อน เพื่อให้ท่านทั้งหลายเข้าใจในปฐมเหตุว่า เป็นเพราะเหตุใด จึงได้เป็นมิตรและศัตรูกัน

ตำนานที่ ๑

ในกาลก่อนนั้น ตำนานได้กล่าวไว้ว่า ยังมีพระอาทิตย์ ๑ พระอินทร์ ๑ พญาครุฑ ๑ พญานาค ๑ พญาราชสีห์ ๑ ได้พร้อมกันประชุมปรึกษาหาลือกันว่า เราจงมาแบ่งส่วนฟ้า ป่าหิมพานต์ ภูเขา และมหาสมุทรกันเถิด พระราชาทั้ง ๕ องค์นั้น ก็ชวนกันไปยังสำนักพระราหู จึงว่ากับพระราหู เพื่อชักชวนพระราหูให้ร่วมความคิดด้วยที่จะแบ่งส่วนนั้น พระราหูก็ว่า เรานี้มิได้อยู่ในน้ำและบนบก เป็นสาธกนิทานแต่บรรพกาลของตำนาน เรื่องเทพยดาเป็นศัตรูกันมีดังนี้แล ครั้นเมื่อพระราชาทั้ง ๕ องค์ องค์หนึ่งองค์ใดมาพบกันเข้าแล้ว จึงเกิดเป็นวาทะแห่งกันและกันแล.

ต่อมาพระราชาทั้ง ๕ องค์ ก็ได้แบ่งเขตซึ่งกันและกันทั้ง ๓,๐๐๐ โยชน์ ส่วนพระอินทร์นั้น ก็ได้เขาพระสุเมรุราช พญาครุฑก็ได้เขาคีรีบรรพต พญานาคก็ได้มหาสมุทรทั้ง ๔ พญาราชสีห์ก็ได้ป่าหิมพานต์ พระอาทิตย์ก็ได้เบื้องบนอากาศ

ครั้นอยู่มา พญาครุฑเห็นพญานาคก็ไล่ พญานาคก็ได้หนีไปถึงพระราหู พระราหูก็ว่าแก่พญาครุฑว่า ทำไมท่านมาไล่พญานาคดังนี้ แล้วพระราหูก็ไล่ครุฑ ครุฑหนีไปถึงพระอินทร์ ในเวลาที่ไล่ครุฑไปนั้น พระราหูเหนื่อยนักหนา จึงลงไปสู่แม่น้ำมหาสมุทรใหญ่ แล้วพระอาทิตย์ก็ว่าแก่พระราหูว่า ดูก่อนท่านพระราหู เราชวนท่านวันนั้น ท่านว่าท่านไม่ร่วมความคิดที่จะแบ่งส่วนที่อยู่อาศัยกับใคร นี่ท่านมากินน้ำใยหรือ เมื่อพระอินทราธิราชได้ยินพระอาทิตย์พูดกับพระราหูดังนั้น ก็โกรธแก่พระราหู จึงทรงจักรขว้างไปต้องกายพระราหูขาดออกกึ่งกรัชกาย

เหตุมีมาดังนี้แล พระราหูกับพระอาทิตย์ มาถึงกันเมื่อใด ตัวจะเจ็บไข้แล อนึ่งจะได้รับความแค้นเคืองใจ จะพลัดพรากจากกันแล พระพฤหัสบดี ๕ พระอาทิตย์ ๑ ได้เป็นศัตรูกับพระราหูตั้งแต่วันนั้นมาแล

ตำนานที่ ๒

ปางเมื่อพระพฤหัส ๕ เป็นทิศาปาโมกข์ และพระอาทิตย์ ๑ เป็นศิษยานุศิษย์ จึงยกนางจันทร์ธิดาให้เป็นภริยาแก่พระอาทิตย์นั้น เมื่อพระอาทิตย์มีกิจไป ได้ฝากภริยานั้นไว้กับพระพฤหัส พระพฤหัสรำพึงว่า อันลูกสาวกูนี้ ประกอบไปด้วยรูปโฉมงดงาม เกลือกว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น ที่ยกให้พระอาทิตย์นั้นก็พ้นทุกข์ไปแล้ว บัดนี้พระอาทิตย์มาฝากไว้อีกเล่า จำกูจะต้องนิรมิตผอบใส่ไว้ให้พ้นอันตรายเถิด ครั้นนิรมิตเสร็จแล้ว ก็เอาผอบใส่นางไว้ พระอังคารรู้แยบคายเช่นนั้น ก็นิรมิตเป็นเพ็ชพระยาธร แอบเข้าไปในผอบ ลอบทำสังวาสด้วยนางจันทร์ตั้งแต่วันนั้น

ในกาลนั้นพระพฤหัสก็รู้ว่าเพ็ชพระยาธรเข้าไปทำชู้ด้วยนางจันทร์ตั้งแต่วันนั้น แล้วพระพฤหัสก็แต่งพานหมากเป็น ๒ ที่ มาสู่พระอาทิตย์ผู้เป็นบุตรเขยเพื่อเมื่อกลับมาจะได้เสวย ฝ่ายพระอาทิตย์ก็ประหลาดใจ จึงถามพระพฤหัสว่าดังนี้ “ ข้าแต่เจ้ากู เหตุการณ์ใดเล่า เจ้ากูจึงฝากพานหมากมาให้แก่ข้าไทเป็น ๒ ที่ ” พระพฤหัสว่า ตูนี้เป็นอาจารย์แห่งท่าน แต่ลูกทำนอกใจมิชอบใจแล มาตูจะบอกแต่ตามเป็นจริงว่า บัดนี้เพ็ชพระยาธรได้มาทำชู้ด้วยภริยาของท่านอยู่ในผอบนั้น พระอาทิตย์ก็เปิดผอบพบพระอังคาร ๆ จึงเอาพระขรรค์สับศรีษะบาดเจ็บนักหนา ดังนี้แล พระอาทิตย์กับพระอังคารจึงเป็นศัตรูกันแต่กาลนั้น ส่วนพระจันทร์บุตรสาวของพระพฤหัสก็มีความน้อยใจในบิดาว่า มิเข้าด้วยลูกเล่าและกลับส่อความลูกเอง ดังนี้ จำเดิมแต่นี้ไป กูกับบิดาจะเป็นศัตรูแก่กัน พระพฤหัสกับพระอาทิตย์เป็นมิตรกันแล ในขณะเมื่อพระอาทิตย์กับพระอังคารต่อสู้กันนั้น พระอังคารก็เอาพระขรรค์สับพระเศียรพระอาทิตย์ ๒ แห่ง พระเศียรของพระอาทิตย์ก็แตกออกไป พระอาทิตย์ก็ขว้างด้วยจักร ถูกบาทพระอังคาร แต่เท่านั้นแล

เหตุการณ์ดังนี้แล เมื่อ พระพฤหัสกับพระอาทิตย์ มาถึงกันเมื่อใด จะเป็นมิตรสหายแก่กัน และ พระพฤหัสกับพระจันทร์ มาถึงกันเมื่อใด ย่อมหลงด้วยรัก และจะไข้เจ็บหนัก มักเป็นด้วยญาติกาตนเอง และ พระอังคารกับพระพฤหัส มาถึงกันเมื่อใด ศัตรูย่อมข่มเหงตนแล

ตำนานที่ ๓

ปางเมื่อพระอังคารเป็นงู พระเสาร์เป็นเหยี่ยว เหยี่ยวเห็นงูก็จะกินแล พระศุกร์จึงตวาดเหยี่ยว เหยี่ยวก็ละงูเสีย พระอังคารจึงว่าแก่พระศุกร์ว่า “ ข้าแต่เจ้ากู แต่วันนี้ไปข้าพเจ้าและท่านจะเป็นมิตรแก่กันสืบไป ” พระอังคารกับพระศุกร์ มาถึงกันเมื่อใด ย่อมจะได้มิตรสหาย อายุจะยืน ส่วน พระเสาร์กับพระอังคาร มิได้ขึ้งโกรธกันนักหนา แต่ก็ว่ากับพระศุกร์ว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เรากับท่านจะเป็นศัตรูกัน เมื่อ พระเสาร์กับพระศุกร์ มาถึงกันเมื่อใด คนมักจะเบียดเบียนแล

ตำนานที่ ๔

ปางเมื่อพระจันทร์ขาดแคลนลง ได้ไปกู้ทรัพย์พระราหูมาจึงเป็นหนี้อยู่ พระจันทร์ครั้นเมื่อเห็นพระราหู เกรงจะทวงหนี้ จึงไปซ่อนตัวเสีย แต่พระเสาร์ผู้เป็นลูกค้าของพระราหูไปพบกับพระจันทร์ แล้วรู้เรื่องว่าเป็นหนี้พระราหู จึงบอกตำแหน่งที่อยู่พระจันทร์แก่พระราหู พระราหูจึงมาเอาตัวพระจันทร์ไปเร่งทวงหนี้จนได้แล

ตำนานที่ ๕

ปางเมื่อพระพุธเป็นสุนัข วิ่งมาจะขบพระราหู ๆ ก็ไล่สุนัข สุนัขวิ่งไปหาพระจันทร์ ๆ ช่วยให้หนีรอดไปได้ ภายหลังพระจันทร์มาพบพระพุธจึงว่า แต่นี้ไปเราจะเป็นมิตรสหายแก่กัน ครั้งนี้เรารอดเพราะท่าน ด้วยเหตุนี้ เมื่อ พระจันทร์กับพระพุธ มาถึงกันเมื่อใด ก็จะได้มิตรสหายที่ดีงามแล

ตำนานที่ ๖

ปางเมื่อ พระศุกร์กับพระราหู มาถึงกันเมื่อใด หมาจะกัดตีนมือ เลือดจะตกจากตัวแล พระจันทร์กับพระราหู มาถึงกันเมื่อใด คนทั้งหลายจะดูหมิ่นแล พระเสาร์กับพระจันทร์ มาถึงกันเมื่อใด ข้าไทและคนทั้งหลายจะเอาโทษแก่ตน พระเสาร์กับพระราหู มาถึงกันเมื่อใด จะได้มิตรสหายอันดีแล

ตำนานที่ ๗

ปางเมื่อพระอังคารเป็นราชสีห์ กระดูกเนื้อเข้าไปติดคออยู่ พระอาทิตย์เป็นนกหัวขวาน ได้เจาะคอราชสีห์ ๆ เจ็บปวดนักหนา เพื่อเอาก้างออก เหตุนั้น พระอังคารมาถึงพระอาทิตย์ เมื่อใด ย่อมจะเจ็บปากเจ็บคอแล

ตำนานที่ ๘

ปางเมื่อพระพฤหัสบดี เป็นนกอีลุ้ม พระจันทร์เป็นเหยี่ยวจะเฉี่ยวเอา นกอีลุ้มโผเข้าไปในรอยมูลไถ เหยี่ยวนั้นได้โฉบถลาลงมา ก็ต้องมูลไถอกแตก เหตุดังนั้น เมื่อ พระจันทร์กับพระพฤหัสบดี มาถึงกันเมื่อใด จะเจ็บคอ เจ็บหน้าอก อย่าเดินทางไกล พระอังคารกับพระเสาร์ มาถึงกันเมื่อใด ก็ย่อมจะแค้นเคืองใจ อย่าได้เดินทางไกล ท่านจะทำโทษ ให้เร่งจำศีลภาวนาแล

ตำนานที่ ๙

ปางเมื่อพระเสาร์ เป็นไม้ตะเคียน พระอังคารเป็นพระยาโปริสาท เสี้ยนไม้ตะเคียนยอกเท้าพระยาโปริสาท ตั้งแต่นั้นมาก็ลำบากนักหนา เหตุการณ์ดังนั้นแล พระเสาร์กับพระอังคาร มาถึงกันเมื่อใด ย่อมจะเจ็บตีน เจ็บมือ ย่อมให้ขาดอาหารนักแล

ตำนานที่ ๑๐

ปางเมื่อพระอังคาร เป็นไม้แก่น พระราหูเป็นไฟป่าไหม้มา เหตุการณ์ดังนั้นแล พระราหูกับพระอังคาร มาถึงกันเมื่อใด ไฟจะไหม้เรือน แล

ตำนานที่ ๑๑

ปางเมื่อ พระพุธ เป็นพระยาฉัททันต์ พระอังคาร เป็นพรานโสอุดร เมื่อพระอังคารมาต้องเมื่อใด ย่อมจะให้เจ็บท้อง อย่ากินสัตว์ ๒ เท้า ๔ เท้า ให้บัญญัติตัวจงหนักเถิด พระเคราะห์มาต้อง จึงเป็นศัตรูกันแต่นั้นมาแล